20 ต.ค. 2022 เวลา 10:43 • หนังสือ
Mastermind : How to think like Sherlock Holmes : เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง
การได้ผลลัพธ์ที่คนอื่นคาดไม่ถึง เริ่มจากการมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
SINNER
การเติบโตจากประสบการณ์ต่างๆมันดีมากแต่บางทีเรามองข้ามข้อเสียต่างๆ
เช่น การที่เรามีพฤติกรรมอัตโนมัติ
(Automatic Behavior) ตัวอย่าง คนที่เดินไปกลับบ้านจนชินแล้วพอดีวันนึงมีธุระที่ต้องซื้อของระหว่างกลับแต่เดินกลับมาถึงบ้านโดยที่ลืมซื้อของ
อคติ(Bias)
เรามีประสบการณ์ชีวิตซึ่งมันทำให้เรามีความคิดบางอย่าง ทำให้ตัดไอเดียต่างๆไป
และตัวแปรอื่นๆซึ่งมันขัดขวางให้เราเป็นคนที่มองไม่เห็นอะไร
และผมหวังว่าบทความผมจะช่วยคุณให้มองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็นเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ
-หัวข้อหลักของครึ่งบทแรก
-Mindfulness :สติคืออะไร ฝึกยังไง
-Motivation : แรงผลักดันแบบสั้นๆที่ช่วยคุณก้าวข้ามขีดจำกัด
-Scientific Method of The Mind :การคิดแบบวิทยาศาสตร์
Mindfulness : ศาสตร์การดึงความสนใจ ความรู้สึกตัวที่ล่องลอยกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เป็นพื้นฐานแรกในการทำลายกำแพงที่กัันความสามารถการตัดสินใจ
การฝึกที่แนะนำมี 2 วิธี
  • 1.
    นั่งสมาธิ :ทุกคนคงคุ้นเคยกับการนั่งหลับตา แล้วดูแค่ลมหายใจรู้ตัวว่ามีความคิดแล้วปล่อยกลับมาอยู่กับลมหายใจ การฝึก15นาที/วัน จะช่วยให้จิตใจมีความลุ่มลึก สมองมีการเปลี่ยนแปลง สัญญาณชีพจรเต้นช้าลง มีความสุขมากขึ้นที่สำคัญการมีความสุขมากขึ้นทำให้เรารับข้อมูลมากขึ้น
2. ดึงความรู้สึกตัวกลับมา credit Dandapani :การทำสมาธิในมุมมองพระต้องรู้ 2 อย่าง จิตใจกับความรู้สึกตัว
จิตใจ(Mind) คือพื้นที่ว่างเปล่าที่มีสิ่งต่างๆรออยู่ เช่น อารมณ์โกรธ ความสุข ความทุกข์ วิทยาศาสตร์ งาน
ความรู้สึกตัว(Awareness) การตระหนักรู้ คือลูกแก้วที่เรืองแสง ลองจินตนาการว่ามันอยู่ตรงหน้า
ถ้าเล่นเกม Shooting fps ก็แทนเป้าเล็งเลยครับ
การฝึกคือเราจะเห็นมันอยู่ตลอดถ้ามันหายไปดึงมันกลับมา ลองหาจังหวะฝึกระหว่างวัน ของผมคงตอนเล่น ROVแล้วจังหวะมีทีมไฟต์
แล้วของคุณล่ะ ? จะฝึกแบบไหนตอนไหน ?
แบบฝึกแรกเอาข้อมูลตรงจากหนังสือครับ งานวิจัยปัจจุบันพอมี : https://psychcentral.com/blog/how-meditation-changes-the-brain#lets-recap
Scientific Method of The Mind
ใช่แล้วมันคือการตั้งคำถามว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง หาข้อสมมติฐาน ทดลองและสรุป
โฮล์มแนะนำให้เราสังเกตข้อมูลพื้นฐานและเจาะจงที่สุด เอาสิ่งที่เรารู้ในอดีตมาคิด(สมมติฐาน) จินตนาการเพื่อตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออก
เมื่อตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกทั้งหมด สิ่งที่เหลืออยู่
ต่อให้เป็นไปไม่ได้แค่ไหน นั่นคือความจริง
Sherlock Holmes
จินตนาการว่ามีศพคนตายด้วยการปาดคอ
สังเกต:เส้นเลือดใหญ่ที่คอด้านซ้ายถูกปาด มีดอยู่ที่มือขวาของศพกำไว้อยู่ ผู้ตายใส่นาฬิกามือขวา สังเกตรอบห้อง:ปากกาและสมุดโน้ตอยู่ข้างซ้ายของโทรศัพท์
หูแก้วหันไปทางซ้าย ศพนอนอยู่กลางห้องนอนหงายเท้าชี้ไปยังตู้เย็น
สมมติฐานจากพื้นฐานที่เรารู้:
พูดถึงเรื่องนาฬิกาและของรอบห้องก่อน ถ้าเราถนัดขวาเราจะใส่นาฬิกามือซ้าย
เขียนด้วยมือขวาปากกว่าจะอยู่ทางขวา จับแก้วดูมือขวาหูแก้วจะหันออกขวา
ชี้ชัดว่าผู้ตายถนัดซ้าย
การฆ่าตัวตาย:ถ้าปกติคนฆ่าตัวตายจะใช้มือข้างถนัดปาดคอครั้งเดียว หากใช้ข้างไม่ถนัดอาจมาจากแผลแต่ที่นี่ไม่มี
จึงสันนิษฐานว่าถูกปาดคอจากด้านหลัง
หากเป็นแบบนั้น คนปาดคอต้องถนัดขวาจึงเกิดรอยปาดที่ด้านซ้าย
แล้วต้องสูงพอๆกับผู้ตายหรือมากกว่า
โฆษณา