19 ต.ค. 2022 เวลา 04:17 • กีฬา
ซาดิโอ มาเน่ กลายเป็นนักเตะคนแรกของโลกที่คว้ารางวัล "โซคราเตส อวอร์ด" ที่จะมอบให้กับผู้เล่นที่อุทิศตัวเพื่อสังคม เขาทำอะไรจึงได้รางวัลนี้ วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
ในปีนี้ คณะกรรมการบัลลงดอร์ ประกาศว่าจะมีรางวัลใหม่ล่าสุด ชื่อ "โซคราเตส อวอร์ด" เกิดขึ้น โดยรางวัลนี้ตั้งชื่อตาม โซคราเตส นักฟุตบอลทีมชาติบราซิลในยุค 80 โดยนอกจากฝีเท้าอันเฉียบขาดแล้ว เขายังเป็นแกนนำต่อต้านเผด็จการ สร้างแคมเปญให้ประเทศมีการเลือกตั้ง เรียกได้ว่าเป็นคนที่คิดถึงเรื่องสังคมไม่แพ้เรื่องในสนามฟุตบอล
น้องชายแท้ๆ ของโซคราเตส คือ ไร อดีตกัปตันทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก 1994 เขากล่าวด้วยความดีใจที่ชื่อของพี่ชาย จะกลายมาเป็นรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ไรกล่าวว่า "สิบเอ็ดปีหลังจากเขาเสียชีวิต โซคราเตส ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของแชมเปี้ยน ที่คาดหวังให้โลกของเรา มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น"
สำหรับในปีนี้ ซาดิโอ มาเน่ กองหน้าจากบาเยิร์น มิวนิค ได้รางวัลนี้ไปครอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องอะไรที่เซอร์ไพรส์เลย เพราะตลอดชีวิตของมาเน่ เขาอุทิศตนเพื่อสังคมเสมอมา โดยเฉพาะกับประชาชนผู้ยากไร้ ในประเทศเซเนกัลของตัวเอง
ตั้งแต่อยู่เซาธ์แฮมป์ตัน ลิเวอร์พูล และบาเยิร์น มิวนิค มาเน่จะนำเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ของตัวเอง เอามาพัฒนาชุมชน "บัมบาลี่" บ้านเกิดของเขาที่เซเนกัลอย่างต่อเนื่อง เขาเชื่อว่า ชุมชนแห่งนี้ให้กำเนิดเขาขึ้นมา ดังนั้นเมื่อมีเงิน ก็อยากกลับมาพัฒนาชุมชนให้เจริญมากขึ้น อนาคตจะได้สร้างคนที่มีคุณภาพของสังคมขึ้นมาอีก
ต้นปี 2018 มาเน่ บริจาคเงิน 230,000 ยูโร (8.6 ล้านบาท) ให้สถานศึกษาที่บัมบาลี่ โดยคาราโม่ บัดจิ ผู้อำนวยการโรงเรียนเล่าว่า "เมื่อก่อนการเรียนการสอน จะลำบากมาก เวลาฝนตก" แต่หลังจากมาเน่ บริจาคเงินก็ทำให้โรงเรียนเอาไปบูรณะซ่อมแซมตึกที่พัง รวมถึง สามารถเปิดห้องเรียนใหม่ได้อีก 10 ห้อง พร้อมอุปกรณ์การสอนที่ทันสมัย
ที่โรงเรียนมีหลังคาใหม่ มีโต๊ะเก้าอี้ครบทุกห้อง มีแลปท็อป มีแผนที่โลก ชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กๆ ก็ดีขึ้นชัดเจน
จากนั้นทุกๆ ปี มาเน่ ยังมอบทุนการศึกษาจำนวนมาก ให้กลุ่มนักเรียนดีเด่นที่บัมบาลี่ คนละ 400 ยูโร พร้อมคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ เอาไว้ใช้งานหาข้อมูลอีกต่างหาก
ตอนที่มอบทุนการศึกษาครั้งแรก มาเน่ให้โอวาทกับเด็กๆ ว่า การจะมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพมันทำได้ยากแสนยาก แต่คนเราประสบความสำเร็จได้หลายทาง และการศึกษาจะเป็นหนทางที่ทำให้ทุกคนก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต
2
มาเน่คิดถึงคนสูงอายุเป็นอย่างมาก ในหมู่บ้านที่บัมบาลี่ เขามอบเงินให้ผู้สูงอายุทุกเดือน คนละ 80 ยูโร เพื่อที่จะไม่ให้ คนหนุ่มสาวต้องแบกรับภาระหนักจนเกินไป สามารถนำรายได้ที่หาได้ มาเก็บหอมรอบริบ เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง
2
แน่นอนมาเน่ รู้ดีว่า สิ่งนี้ควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ในเมื่อเขามีกำลังอยู่บ้าง ก็อยากจะช่วยแม้จะแค่เล็กน้อยก็ยังดี
ก่อนเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ปี 2018 มาเน่ส่งเสื้อลิเวอร์พูลของแท้ 300 ตัว ให้คนในหมู่บ้านเอาไปใส่กันเพื่อเชียร์เขาก่อนลงเล่นกับเรอัล มาดริด ที่เคียฟ คือคุณไม่ต้องไปหาซื้อของเถื่อนราคาถูก ถ้าอยากใส่เชียร์เดี๋ยวเขาส่งให้เอง
ในปี 2019 มาเน่ บริจาคเงิน 530,000 ยูโร (19.8 ล้านบาท) สร้างโรงพยาบาลมาตรฐานให้ชุมชนบัมบาลี่ มาเน่อธิบายว่า ตอนสมัยเด็กคุณพ่อของเขาต้องเสียชีวิต เพราะตอนป่วยหนัก ในชุมชนไม่มีระบบสาธารณสุขที่ดีพอ ดังนั้นถ้าหากมีโรงพยาบาลทันสมัย อาจรักษาชีวิตของคนจำนวนมาก รวมถึงพ่อของเขาได้ด้วย
มาเน่กล่าวว่า "รู้ไหมว่าน้องสาวของผม เธอทำคลอดที่บ้านนะ เพราะตอนนั้นไม่มีโรงพยาบาลที่หมู่บ้านของเรา มันเป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้าสำหรับทุกคน ดังนั้นผมจึงอยากจะสร้างโรงพยาบาลขึ้นมา เพื่อให้ความหวังกับผู้คน"
"นี่คือความมุ่งมั่นในชีวิตของผม ผมอยากทำเพื่อบัมบาลี่ หมู่บ้านที่ผมเกิดและเติบโตขึ้นมา วันนี้หมู่บ้านของเรายังคงมีปัญหาเรื่องสาธารณสุข ดังนั้นผมอยากจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ และโรงพยาบาลแห่งนี้ ยินดีต้อนรับประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพ ไม่ใช่เพียงแค่บัมบาลี่ แต่เป็น 30 หมู่บ้านที่อยู่ในเขตนี้ด้วย"
มาเน่ จ่ายเงินสร้างปั๊มน้ำมัน สร้างไปรษณีย์ สร้างสุเหร่าใหม่ และ ช่วยนำเข้าสัญญาณอินเตอร์เน็ต 4G อย่างน้อยที่สุด ก่อนเขาเลิกเล่นฟุตบอล บัมบาลี่ ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้โดยไม่ขาดแคลนสิ่งใด
ที่บัมบาลี่ มีการก่อตั้งสถาบันฟุตบอล Académie du FC Liverpool ตั้งขึ้น เป็นจุดศูนย์กลางของเยาวชนในเขตนี้ที่จะมาเรียนฟุตบอล ซึ่งก็แน่นอนว่า ถ้าไม่มีมาเน่คอยผลักดัน อะคาเดมี่แห่งนี้ก็คงไม่ถูกก่อตั้งขึ้น
แน่นอน บัมบาลี่ก็ไม่ได้กลายเป็นมหานครอะไร แต่อย่างน้อยด้วยความช่วยเหลือของมาเน่ ทำให้บัมบาลี่ มีโรงเรียน มีโรงพยาบาล มีไปรษณีย์ มีอินเตอร์เน็ต สิ่งจำเป็นทุกอย่างที่ชุมชนแห่งหนึ่งพึงจะมี เท่านี้ก็ถือว่าเจริญขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนหลายเท่าแล้ว
จริงๆ ไม่ใช่แค่กับบัมบาลี่ แต่มาเน่บริจาคเงินหลายต่อหลายครั้ง อย่างในช่วงโควิด เขาบริจาคเงิน 45,000 ยูโร (1.6 ล้านบาท) ให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเอาไปช่วยประชาชน คืออะไรที่ช่วยได้นิดหน่อย เขาก็อยากช่วย
มาตาร์ บาร์ รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาของเซเนกัลกล่าวว่า "ชาวเซเนกัลรักคุณ เพราะคุณเป็นสุดยอดนักเตะ แต่ไม่ใช่แค่นั้น คุณถูกรัก เพราะเป็นคนสุภาพเสมอ เพราะคุณรักชาติยิ่งกว่าสิ่งใด คุณสร้างภาพลักษณ์ของเซเนกัลให้เป็นบวกในสายตาของชาวโลก ดังนั้นคุณคือแบบอย่างที่สำคัญของเยาวชนเซเนกัลในเจเนเรชั่นต่อไป"
โปรเจ็กต์ต่อไปของมาเน่ คือพัฒนาชุมชนอื่นๆ รวมถึงทำในสเกลระดับประเทศด้วย "ทุกอย่างที่ผมทำ เพื่อพัฒนาประเทศเซเนกัล แน่นอน ผมเริ่มที่บัมบาลี่ก่อน เพราะคุณต้องเริ่มนับหนึ่งสักที่ก่อนจริงไหม"
ความตั้งใจของมาเน่คือ ถ้านักธุรกิจ หรือนักการเมืองในประเทศ ได้เห็นว่า การพัฒนาชุมชนของเขาเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้จริง อนาคตก็อาจมีการลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น มีส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์มากกว่านี้ และวันหนึ่ง เซเนกัลก็อาจเจริญขึ้นได้จริงๆ
ด้วยความมุมานะ ในการทำงานเพื่อสังคม ทำให้มาเน่ คว้ารางวัลโซคราเตส อวอร์ด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แน่นอนว่าไม่ใครกังขาในเรื่องนี้ เขาคู่ควรแล้วจริงๆ
1
ตอนที่ขึ้นไปรับรางวัล มาเน่กล่าวว่า "ก่อนอื่นเลย ผมอยากจะสวัสดีทุกคนในห้องประชุมนี้ ตัวผมยินดีมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพิธี ร่วมกับทุกคนในคืนนี้ ส่วนในเรื่องรางวัลนี้ ผมอายเหมือนกันนะที่จะพูดถึงมันตรงๆ แต่เอาเป็นว่า ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ ที่ได้ทำบางอย่างเพื่อผู้คนของผม และช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม"
2
เรื่องฝีเท้านั้น มาเน่ เป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลของทวีปแอฟริกา ถ้าไม่นับจอร์จ เวอาห์ ที่ได้บัลลงดอร์ในปี 1995 มาเน่คือผู้เล่นที่ได้อันดับบัลลงดอร์สูงที่สุดแล้ว (อันดับ 2)
1
แต่สิ่งที่ทำให้ชื่อของมาเน่ ถูกจดจำมากกว่าเรื่องในสนาม คือจิตสาธารณะ เมื่อตัวเองไปอยู่จุดสูงสุดแล้ว ก็อยากส่งต่อโอกาสให้คนยากไร้ ได้ใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย และ ปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม
มาเน่เคยกล่าวไว้ว่า "ทำไมผมต้องการรถเฟอร์รารี่ 10 คัน และ นาฬิกาเพชร 10 เรือน หรือเครื่องบินส่วนตัวสัก 2 ลำล่ะ? ผมได้สิ่งนั้นไป ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อโลกอยู่ดี"
"ผมเคยต้องหิวโหย ผมเคยต้องไปทำงานในไร่นา ผมเคยไม่ได้รับการศึกษาที่ดีพอ ผมขาดอะไรอีกหลายอย่างในชีวิต ผมเคยต้องเล่นฟุตบอลด้วยเท้าเปล่าด้วยซ้ำ แต่วันนี้ผมมีเงินมากมาย ดังนั้นผมคิดว่า ตัวเองมีกำลังจะช่วยเหลือคนอื่นได้แล้ว"
1
"ความสุขของผมไม่ใช่รถหรู บ้านหรู หรือการได้ไปเที่ยวแบบอลังการ แต่ผมมีความสุขมากกว่าที่ได้สร้างโรงเรียน สร้างสนามกีฬา จัดหาเสื้อผ้า รองเท้า อาหาร ให้ผู้คนที่ยากจนมากๆ เมื่อชีวิตนี้ผมได้รับอะไรมามากแล้ว ผมก็อยากส่งต่อส่วนหนึ่งที่ผมมี ให้ผู้คนบ้างก็เท่านั้น"
3
ถ้าเรามองว่า ไม่ใช่เรื่องของนักฟุตบอลซะหน่อย ที่ต้องมาบริจาคเงิน มันควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชัดๆ ก็อาจมองแบบนั้นได้ แต่ในมุมของมาเน่ ถ้าต้องรอรัฐบาล กว่างบจะถูกแบ่งมาถึงชุมชนเล็กๆ ป่านนั้นจะมีคนตายอีกเท่าไหร่ที่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี และจะมีเยาวชนเสียโอกาสในชีวิตแค่ไหน เมื่อไม่มีโรงเรียนให้เรียนหนังสือ
มาเน่ ได้รับรางวัลโซคราเตส อวอร์ด พร้อมเสียงปรบมือทั่วทั้งงาน ขณะที่ประธานาธิบดีเซเนกัล ทวีตข้อความแสดงความยินดีว่า "สุดยอดในสนาม และ เป็นขวัญใจของประชาชนอย่างแท้จริง"
สำหรับมาเน่ เมื่อเขาไปถึงความฝันของตัวเองแล้ว เขาจะเลือกเอ็นจอยเงินทองทั้งหมดที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงก็ได้ แต่เขากลับเลือกจะแบ่งปัน และส่งต่อความหวังให้คนอื่น ทั้งๆ ที่ไม่มีใครบังคับ
1
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า มาเน่จะเป็นนักฟุตบอลที่ถูกชาวเซเนกัลจดจำไว้ในใจตลอดกาลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปีก็ตาม
 
#HEARTOFSENEGAL
โฆษณา