Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
21 ต.ค. 2022 เวลา 00:35 • ความคิดเห็น
ฮ่องเต้สี่ กับภารกิจที่อาจไม่สำเร็จในชั่วชีวิต....
ประธานาธิบดีสี่จิ้นผิงอยู่ยาว ทำให้สถานะของเขาไม่ต่างอะไรกับฮ่องเต้จีนโบราณนัก มีอำนาจ สิทธิ์ขาดชี้เป็นชี้ตายได้ทั่วแผ่นดินจีน
1
...มันจึงไม่ผิดอะไร ที่จะเราเรียกเขาว่า จิ้นผิงฮ่องเต้...
1
เป้าหมายสูงสุดของท่านสี่ก็คือ การพาจีนเป็นชาติอันดับหนึ่งของโลกให้ได้ ก่อนที่องค์เองจะสิ้นลมหายใจ
1
...แต่มันเป็นไปได้ไหม???...
ซึ่งถ้ามองความเป็นจริงแล้ว มันไม่ง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะหากจะให้สำเร็จทันลมหายใจสุดท้ายของสี่
...วันก่อนผมได้มีโอกาสฟังนักวิชาการอาวุโสชื่อดังของไทย วิเคราะห์เอาไว้ เห็นว่าค่อนข้างมีเหตุผล และตรงกับการวิเคราะห์ส่วนมากในโลก เลยสรุปมาเล่าสู่กันฟัง
...ว่าความหวังสูงสุดของฮ่องเต้สี่ เหตุใด จึงยากจะสำเร็จได้ ในชั่วชีวิตของพระองค์....
ภาพ China digital time
ที่ท่านนักวิชาการอาวุโสพูดนั้น จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ สำหรับคนที่ตามข่าวมาตลอด
( ข่าวนะ ไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิดอวยไส้แตก )
1
5
โดยสอดคล้องกับหลายสำนักที่ให้น้ำหนักไปว่า สี่จิ้นผิงจะดันจีนเป็นอันดับหนึ่งไม่สำเร็จ แม้จะทอดเลวลาให้ถึงปี 2030ก็ตาม และถ้าจะสำเร็จได้อาจต้องรอถึงปี 2050
...ซึ่งแน่นอน อีกเกือบ 30 ปี ฮ่องเต้สี่คงวายชนม์ลงไปแล้วเป็นแน่แท้ ถ้าว่ากันตามอายุคนโดยปกติ
เหตุผลของสิ่งที่จีนจะทำไม่สำเร็จในเป้าหมายนั้นมีสองส่วน แต่เกี่ยวข้องกันเป็นอย่างมาก คือ ....
1) เศรษฐกิจ
2) เทคโนโลยี
เศรษฐกิจจีน ไม่ปังเหมือนเก่า....
ถ้าเรารับฟังรอบด้าน ไม่ใช่สื่ออวยจีน เราจะพบว่าภายใต้ฉากหน้าสุดหรูของเศรษฐกิจจีนนั้นกำลังเจอปัญหาอย่างรุนแรง
1
เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงไม่ทราบว่า ในระบบเศรษฐกิจจีนนั้นมีหนี้สาธารณะสูงถึง 300% ต่อ GDP !
2
...ข้อมูลนี้ไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิดใส่ร้ายจีนแต่อย่างใด เพราะแม้แต่สถาบันการเงินบ้านเราก็ให้ข้อมูลแบบนั้น
(ตามลิ้งค์ของแบงค์กรุงเทพด้านล่าง)
(
https://www.bangkokbank.com/-/media/files/international-banking---chinese-customers/news-and-articles/articles/chineseeconomy_2020-2030.pdf?la=en&hash=4D1D7AE0C1DD0BE1170518E5E4D87890A7997E44
)
ด้วยหนี้สาธารณะขนาดนี้ เป็นหนี้เอกชนโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นจำนวนมาก นั่นหมายความว่า เอกชนจีนจะลงทุนน้อยลง เพราะภาระหนี้มันบีบให้เป็นแบบนั้น
1
...นอกจากนี้แล้ว ในหนี้สาธารณะ ยังมีหนี้เน่าปริมาณมหาศาล ซึ่งแม้จะไม่กระทบกับสถานะทางการเงินโดยรวมของจีน แต่ก็แน่นอนว่ามันต้องทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง เพราะเอกชนย่อมได้รับผลกระทบตรงนี้
ที่จริงแล้วการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนนั้น มันมีมานานแล้ว เพียงแต่ในเมืองไทยพูดถึงกันน้อยมาก หนักทางอวยและข้อมูลในทางบวกเกินจริงเสียมากกว่า
2
เศรษฐกิจจีนใน 30 ปีที่ผ่านมา โตในระดับเกือบ 20% หรือเป็นเลขสองหลักมาตลอด จากการใช้นโยบายผ่อนปรนทางการเงิน และการลงทุนภาครัฐเป็นจำนวนมากมาตลอด ซึ่งก็เป็นปกติของประเทศที่กำลังพัฒนา
แต่จีนก็หนีไม่พ้นวงจรของประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย คือการเติบโตจะลดลงเมื่อความเจริญมีมากขึ้น
เนื่องจากภาวะอิ่มตัว รัฐเองก็มีอะไรให้ลงทุนน้อยลง มันจึงมีการเติบโตในอัตราที่ต่ำลง
จีนนั้นหลายปีหลัง มีการเติบโตที่ลดลงและต่ำกว่าเป้ามาตลอด จากสิบกว่าเหลือ 7,6,5 ตามลำดับ
และยิ่งเจริญก็จะยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนเท่าสหรัฐและยุโรปที่ราวๆ 2-3% ในที่สุด ซึ่งอันนี้เป็นปกติของประเทศพัฒนาแล้ว
...ซึ่งถ้าโตด้วยอัตราไล่เลี่ยกัน แล้วจะไล่สหรัฐทันได้อย่างไร หากสหรัฐนั้นไม่อ่อนแอลงไปเอง??...
1
การชะลอตัวเหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงกับการจ้างงานของจีน โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ ที่ตกงานกันมากกว่า 20%
เมื่อประกอบกับระบบเส้นสายในระบบอุปถัมภ์แบบเอเชีย ทำให้เด็กจีนยุคใหม่ที่เสียโอกาสเกิดความท้อแท้เป็นจำนวนมาก
จนเกิดเทรนด์คล้ายในญี่ปุ่นที่ไม่ขวนขวายอะไร อยู่ไปวันๆ ที่เรียกกันในจีนว่า "ป่ายล่าน" ซึ่งเป็นภาษาจีนกลางแปลว่า "ปล่อยให้เน่าตายไปเอง"
( ข่าวอ้างอิง :
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1032820?anm&fbclid=IwAR1Voz5d__utaS0VT0RWhXK-zwtaKfgHFqVdUjP2R9KpcfL-43ByvtVCnKI&fs=e&s=cl
)
...แน่นอนว่ามุมมองแบบนี้ของทรัพยากรบุคคล ย่อมไม่ใช่เรื่องดีกับเศรษฐกิจจีนอย่างแน่นอน
อีกส่วน...เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากท่าทีของตะวันตก
จากท่าทีทางการเมืองระหว่างประเทศของจีนที่มีต่อสหรัฐและค่ายตะวันตกนั้น ก่อให้เกิดการตอบโต้ทางการค้าที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งนั่นส่งผลกระทบกับการเติบโตของจีนโดยตรง
สินค้าจีนขายในยุโรป อเมริกาได้น้อยลงมาก จากมุมมองของชาวตะวันตก เมื่อประกอบกับการถูกกีดกันทางการค้าต่างๆของตะวันตกเข้าไปด้วย จีนจึงได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้
1
...ซึ่งนั่นทำให้จีนไม่สามารถเติบโตในอัตราเช่นเดิมได้...
เราต้องไม่ลืมว่า ในการพัฒนาของจีนที่ผ่านมานั้น พวกเขาอยู่ในสถานะ"หุ้นส่วน" รับผลิตให้กับค่ายตะวันตก จนได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาต่อยอด ทำให้พวกเขามีวันนี้ได้
แต่เมื่อท่าทีของหุ้นส่วน เปลี่ยนไปเป็นคู่แข่งหรือกระทั่งมองเป็นศัตรู มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จีนจะเติบโตได้ในอัตราเท่าเมื่อวันวาน
...จีนคือผู้ผลิตของขาย แต่ถ้าคนซื้อเกลียดพ่อค้าซะแล้วมันก็ลำบาก
...และไม่มีทางที่จะมีที่ไหนในโลกมีกำลังซื้อมากเท่าสหรัฐและยุโรป
...การเสียลูกค้าในลักษณะนี้นี่เองที่อาจจะทำให้ความฝันของสี่จิ้นผิงอาจจะไม่สำเร็จได้ในชั่วชีวิตของเขา
...ยังจะโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่พังไปแล้วด้วยน้ำมือของรัสเซียอีก มันก็ยิ่งทำให้ฝันของสี่จิ้นผิงยากขึ้นกว่าเดิมมาก
1
...โดยสรุปส่วนนี้คือ เมื่อจีนไม่สามารถรักษาอัตราการเติบโตเช่นเดิมได้ ก็หมายความว่าการที่จีนจะแซงสหรัฐเป็นชาติอันดับหนึ่งนั้น ต้องทอดเวลาออกไปอีกนั่นเอง
แม้สุดท้ายแล้ว จีนยังไงก็ต้องแซงสหรัฐได้สักวันด้วยจำนวนประชากรมหาศาล ทำให้ตลาดในประเทศใหญ่กว่า จนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า...
...แต่มันอาจไม่ทันในชั่วชีวิตของสี่จิ้นผิงนั่นเอง...
1
ประเด็นที่สอง เทคโนโลยี....
สถานการณ์โควิดและสงครามการค้า เป็นเหมือนการจับจีนแก้ผ้าในแง่เทคโนโลยี ว่าแท้จริงพวกเขาอยู่ในระดับไหน ให้โลกได้เห็น
มันอาจจริง ที่จีนสร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยตัวเองมากมาย ตั้งแต่รถจักรยานไฟฟ้าจนถึงจรวดไปดวงจันทร์
แต่เชื่อหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช้เทคโนโลยีของตะวันตก ซึ่งพวกเขาเองก็ยังทำไมได้ จนถึงปัจจุบัน
จีนอาจคุยว่าพวกเขามีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก
แต่แท้จริงไส้ในของมันคือผลผลิตจากค่ายตะวันตกหรือพันธมิตรของพวกเขาอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ล้วนๆ
จากสงครามการค้าปัจจุบัน สหรัฐกลายเป็นหัวหอกในการแบนไมโครชิพจีน
ซึ่งไมโครชิพระดับไฮ-เอนด์เหล่านี้ จำเป็นต้องพึ่งพานาโนเทคโนลียีในระดับที่สูงมาก ซึ่งจีนไม่มี
2
ปัจจุบันจีนยังไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะนาโนเทคโนโลยีระดับ 16 และ 14 นาโนเมตร หรือต่ำกว่านั้น
ซึ่งไอ้เจ้าชิพระดับนี้แหละ คือส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบ AI และเทคโนโลยีระดับสูงต่างๆ ถ้าขาดเทคโนโลยีเหล่านี้ไป จีนจะต้องมาเสียเวลากับการพัฒนาเองใหม่อีกครั้ง ซึ่งไม่ง่าย ต้องใช้ใช้ทุนและเวลามากมาย
แน่นอน มันกระทบกับทั้งระบบของจีน รวมถึงการผลิตอาวุธ
ในขณะที่สหรัฐเจ้าแห่งด้านนี้ในปัจจุบันนั้น มีเทคโนโลยีเหล่านี้สูงขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา
และยังเป็นเจ้าของรหัสโค้ดต่างๆ ของระบบสถาปัตยกรรมชิพอยู่ในมือแทบจะทั้งหมด
การเสียเวลาของจีนแม้เพียงน้อยนิด ก็อาจทำให้สหรัฐทิ้งพวกเขาไปอีกช่วงใหญ่แล้ว ทั้งในแง่เศรษฐกิจและการทหาร
( ข่าว
https://www.prachachat.net/world-news/news-1084191
)
อีกส่วนของเรื่องเทคโนโลยีจีนคือ ระดับเทคโนโลยีที่แท้จริงด้านเคมี เวชภัณฑ์ ชีวภาพ
โควิดพิสูจน์แล้วว่า ส่วนนี้จีนตามมหาอำนาจตะวันตกแบบไม่เห็นฝุ่น
สามปีของโควิด จีนยังไม่สามารถผลิตวัคซีนในรูปแบบ mRNA ได้เลย จนถึงปัจจุบัน นี่คือสิ่งสะท้อนที่ชัดเจนที่สุด
2
พวกเขาเลือกกลบความล้มเหลวส่วนนี้ไว้ด้วยนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งนั่นทำลายเศรษฐกิจของจีนไปมากมายมหาศาล จนแม้แต่นายกจีนอย่างหลี่เค่อเฉียงยังต้องออกมาบ่น จนเด้งไปในที่สุด...
1
เมื่อระดับเทคโนโลยีทางชีวะภาพสะท้อนออกมาถึงระดับชัดเจนเช่นนี้ มันก็บอกเราได้ถึงความสามารถที่จะรับมือกับโรคอุบัติใหม่ใดๆของจีนได้อย่างดี
ในสภาวะที่โลกเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เชื้อโรคต่างๆก็มีการวิวัฒนาการตัวเองให้อยู่รอดเร็วขึ้นเช่นกัน ซึ่งนั่นมีโอกาสมาก ที่จะทำให้เกิดโรคระบาดใหม่ขึ้นอีก หลังจากโควิด
...การที่ระดับเทคโนโลยีทางชีวภาพต่ำ ย่อมหมายถึง ความสามารถในการรับมือกับโรคระบาดต่ำไปด้วย
...หมายความว่าถ้ามีโรคใหม่ๆขึ้นมาอีก จีนจะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าสหรัฐและตะวันตกมาก
และการปิดรับ หรือการถูกกีดกันเทคโนโลยีส่วนนี้จากตะวันตกของจีนเอง มันอาจให้ผลที่ร้ายแรงต่อจีนเองอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว ในกรณีโรคมีความรุนแรงมากๆ
จะว่าไปแล้ว เรื่องเทคโนโลยีของจีนที่ต้องติดหล่มวันนี้ มันเกิดจากจีนเองนั่นแหละ ที่ทำให้เจ้าของเทคโนโลยีเขาไม่ไว้ใจ จนตัดความร่วมมือทั้งหมด
ในอดีตตะวันตกเคยผิดพลาด โดยหวังจ้างผลิตราคาถูก แลกกับเทคโนโลยีบางอย่างให้จีน ร่วมกันวิจัยพัฒนากับจีน จนจีนมาได้ถึงทุกวันนี้
...มาวันนี้ความเชื่อใจแบบนั้นหมดสิ้นไปแล้ว แม้แต่นักศึกษาจีนก็ถูกปิดกั้นในมหาวิทยาลัยของตะวันตก
1
...มันจึงเป็นงานยากขึ้นมากๆสำหรับจีน ในการค้นคว้าใดๆให้ทันตะวันตกได้เหมือนที่ทำมา
...แน่นอน ระดับเทคโนโลยีนั้นมีผลในทุกทาง ทั้งการค้า คุณภาพชีวิตประชาชน รวมถึงการทหาร
...หากจีนไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วพอ การแซงสหรัฐจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะในชั่วชีวิตของสี่จิ้นผิง ที่เหลืออีกไม่ยาวนานนักแล้ว
...และนี่คือปัจจัยทางเทคโนโลยีที่อาจดับฝันของสี่จิ้นผิงได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม....
ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ของสื่อในบ้านเราหรือต่างประเทศ ไม่ว่าสำนักไหนก็ตาม
ข้อมูลต่างๆจะถูกวิเคราะห์จากสถานการณ์ที่เป็นจุดหยุดนิ่งโดยมีสมมุติฐานจากปัจจุบันเป็นหลัก
แต่ธรรมชาติของมนุษย์เราทุกเผ่าพันธุ์ ไม่เคยหยุดนิ่ง คนเราจะพลิกแพลงเพื่อรับสถานการณ์ต่างๆที่เข้ามาเสมอ
จีนก็เช่นกัน เมื่อสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องหาทางรอด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
...และหากพวกเขาทำได้ดีพอ...
...ความใฝ่ฝันสูงสุดของ"จิ้นผิงฮ่องเต้" ก็อาจเป็นจริงได้เช่นกัน ...
...และหากเป็นเช่นนั่น ชื่อของสี่จิ้นผิง ก็อาจไม่ด้อยไปกว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ หรือเหมาเจ๋อตุง ในประวัติศาสตร์จีนเลย...
...สี่จะทำสำเร็จหรือไม่ ก่อนสิ้นลมหายใจ...
...เวลาจะให้คำตอบกับเราเอง ไม่นานเกินรอ....
youtube.com
‘จีน’ บัลลังก์สั่น ‘จักรพรรดิ สี จิ้นผิง’ ติดหล่มเศรษฐกิจ | workpointTODAY
‘จีน’ บัลลังก์สั่น ‘จักรพรรดิ สี จิ้นผิง’ ติดหล่มเศรษฐกิจ | workpointTODAYพูดคุยกับรศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ | นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมืองEpis...
จีน
ข่าวรอบโลก
7 บันทึก
33
14
12
7
33
14
12
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย