19 ต.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
สายจดห้ามพลาด! รวม 5 แอปฯ จดโน้ต บันทึกสะดวก ฟังก์ชันครบ
ใครเป็นบ้าง? ชอบพกอุปกรณ์เครื่องเขียนออกไปนอกบ้านเยอะๆ พกสมุดจดหลายๆ เล่มพร้อมกัน หนักที่จะแบก แต่ก็ยังแบก เพราะรู้สึกเหมือนขาดหายอะไรไป
เป็นคนที่ชอบจด ชอบบันทึกระหว่างวัน บางทีก็ลืมว่าตัวเองจดบันทึกไว้ที่เล่มไหนบ้าง หรือบางครั้งก็ต้องเปิดหาหน้าที่ตัวเองเขียน เปิดหาเนื้อหาที่ต้องการอยู่นานกว่าจะเจอ
ฟังดูแล้ว ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเล็กๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ความจริงแล้วปัญหาเล็กๆ เหล่านี้ทำให้ใครหลายคนถึงกับถอดใจจดบันทึกไปเลยเชียว เพราะมันกินแรงและกินเวลา ซึ่งทางออกของปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อย่างการจดโน้ตผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันนั่นเอง
จดโน้ตผ่านแอปฯ มีข้อดีอะไรบ้างนะ?
1. รวดเร็ว ใช้งานง่าย
เพียงแค่เราเข้าแอปพลิเคชันนั้นๆ เราก็สามารถกดเลือกสีปากกา หรือเลือกสติกเกอร์ลายสวยๆ ได้ตามใจชอบ ซึ่งต่างจากการบันทึกจากสมุด ที่ต้องควานหาปากกา หาหน้าที่เพิ่งจดล่าสุด รวมถึงการแก้ไขเนื้อหา ลบข้อความก็แสนจะง่ายดาย อีกทั้งยังไม่เหลือร่องรอยการลบอีกด้วย
2. จดได้ทุกที่ ทุกเวลา
การจดผ่านแอปฯ ยังสามารถให้ความสะดวกสบายในการพกพา เพียงพกโทรศัพท์หรือไอแพดเครื่องเดียว ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เหมือนกับการบันทึกผ่านสมุด แต่จุดเด่นคือเราไม่จำเป็นต้องพกอะไรให้มากมายอีกต่อไป
3. ฟังก์ชันการใช้การที่หลากหลาย
ปัจจุบัน แอปฯ จดโน้ตมีฟังก์ชันให้เราได้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ และทำให้เราจดโน้ตง่ายขึ้น ไม่ว่าจะตีเส้นให้ตรง ทำตาราง ทำแผนผัง วาดรูป ร่างแบบ ถอดไฟล์เสียงเป็นตัวอักษร หรือจะเป็นการสแกนรูปภาพให้กลายมาเป็นตัวอักษรก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ฟังก์ชันเหล่านี้จึงทำให้การจดเป็นเรื่องง่าย และทำให้เราสนุกไปกับการใช้งานมากขึ้น
จากสามข้อดีที่กล่าวไปข้างต้น ฟังดูแล้วมันสามารถช่วยทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ อีกทั้งจุดเด่นของแอปพลิเคชันที่แตกต่างกันก็พลอยดึงดูดทำให้เหล่านักจดอยากจะเทใจไปลองใช้ ซึ่งจะมีจุดเด่นอะไรบ้าง และอะไรเป็นจุดขายที่ทำให้แอปฯ เหล่านี้กลายเป็นที่นิยม ลองมาดูกันทีละตัวเลย
1. Notion
จุดเด่นหลักของแอปฯ Notion คือคนในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้ในหน้าโน้ตนั้นๆ
ผู้ใช้สามารถสร้างกระดาษโน้ต To do list รูปภาพหรือวิดีโอก็ได้เช่นกัน เพียงพิมพ์ และแทรกรายการได้อย่างอิสระ และมีฟังก์ชันต่างๆ ให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตาราง การทำโควตคำพูด หรือการสร้างโค้ดบล็อกสำหรับการเขียนโค้ด พร้อมยังมีคีย์ลัดอีกมากมายที่ทำให้การจดบันทึกของเรานั้นรวดเร็วและเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
1
อีกทั้งเรายังสามารถแบ่งการจดบันทึกเป็นสองส่วน คือ “พื้นที่ทำงาน” ซึ่งเป็นเนื้อหาทั้งหมดที่เราแชร์กับองค์กร และ “ข้อมูลส่วนตัว” ที่เป็นเหมือนโน้ตส่วนตัวของเราเอง จะไม่เผยแพร่ให้ผู้อื่นเห็นถ้าเราไม่แชร์ข้อมูล และเมื่อต้องการเผยแพร่หรือส่งไปให้คนในองค์กรเห็น ก็สามารถแชร์ได้ทันที นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดเด่นของแอปฯ นี้คือ สามารถเชื่อมต่อกับแอปฯ อื่นๆ อย่าง Slack, Invision หรือ Github รวมไปถึงเครื่องมือต่างๆ ของ Google ก็ทำได้เช่นกัน
1
2. Evernote
Evernote เป็นแอปฯ ที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ใช้งานง่าย มีระบบซิงค์ที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงได้ทั้งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ สามารถจดบันทึก แนบไฟล์เอกสาร แทรกรูปภาพ ใบเสร็จ บิลต่างๆ ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย บวกกับเป็นแอปฯ ที่เปิดให้ใช้งานฟรี จึงเป็นที่แพร่หลายของผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา หรือวัยทำงาน
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของแอปฯ นี้คือมีรูปแบบ และฟังก์ชันการจัดการข้อมูลที่ค่อนข้างเป็นสัดส่วน เราสามารถเพิ่มแฮชแท็กใต้โน้ต เพื่อจัดหมวดหมู่ของโน้ต และสะดวกต่อการค้นหา และยังสามารถนำโน้ตแต่ละอันมารวมกันเป็นสมุดโน้ตหนึ่งเล่มได้เช่นกัน อีกทั้งเรายังสามารถทำการค้นหาผ่านรูปภาพ นามบัตร ป้ายต่างๆ ที่เราได้บันทึกไว้ ทางแอปฯ ก็จะทำการประมวลผลและแปลอักษรผ่านรูปภาพ ซึ่งนี่ก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้สาวกนักจดต่างเทใจให้กับแอปฯ นี้
2
3. Microsoft OneNote
พอจะเดาเชื่อของแอปฯ นี้ได้เลยใช่ไหมว่าเกี่ยวข้องกับ Microsoft Office ซึ่งถูกต้องแล้ว เพราะแอปฯ นี้สามารถเชื่อมต่อ รองรับการทำงานโปรแกรม Office อื่นๆ อย่าง Excel Outlook ได้เช่นกัน โดยฟังก์ชันการใช้งานของแอปฯ Microsoft OneNote ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ Microsoft Word ที่หน้าแรกของแอปฯ
มีเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการจดโน้ตไว้อย่างครบครัน สามารถพิมพ์ เปลี่ยนขนาดตัวอักษร เปลี่ยนสี แทรกรูปภาพ ตาราง สมการต่างๆ นอกจากนี้ ยังสามารถจดโน้ตด้วยปากกา วาดรูป ใ่ส่เสียงที่เราอัดเก็บไว้ หรือจะอัดเสียงในตอนที่เราไม่สะดวกจดก็สามารถทำได้เช่นกัน
3
การให้บริการแอปฯ  Microsoft OneNote จะให้บริการฟรี และสามารถเก็บข้อมูลผ่าน OneDrive ความจุขนาด 5GB แต่สำหรับผู้ที่จดบันทึกเป็นจำนวนมาก บันทึกไฟล์เสียง รูปภาพ ที่มีขนาดใหญ่ อาจจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อความจุเพิ่ม
4. Google Keep
จุดเด่นของแอปฯ นี้ไม่ได้อยู่ที่ฟังก์ชันการจดบันทึกที่หลากหลาย หรือลูกเล่นเยอะ แต่จุดแข็งของมันอยู่ที่ฟังก์ชันแจ้งเตือนให้เราส่งข้อความถึงเพื่อน เช็กลิสต์ต่างๆ และสามารถบันทึกความข้อความได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เหมาะกับผู้ที่ต้องการเตือนความจำในเรื่องต่างๆ ซึ่งเราสามารถตั้งเวลาแจ้งเตือนได้
แต่ในกรณีที่เราเร่งรีบ ไม่สะดวกพิมพ์ข้อความ ผู้ใช้สามารถบันทึกด้วยเสียง และทำการ Keep ถอดข้อความจากเสียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือคีย์เวิร์ดนั้นๆ ได้ หรือในกรณีที่เราต้องการถอดข้อความจากรูปภาพ เพียงแค่เรากดถ่ายภาพ ตัวอักษรก็จะมาปรากฏในหน้าโน้ตให้ทันที
นอกจากนี้ แอปฯ ยังสามารถแบ่งหมวดหมู่และจัดกลุ่มโน้ตได้อีกด้วย เมื่อเราต้องการค้นหาหัวข้อนั้นๆ เพียงค้นหาตามชื่อหมวดหมู่ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของแอปฯ  แค่นี้เราก็ไม่ต้องเลื่อนเปิดหาที่ละหน้าอีกต่อไป
5. Apple Notes
สำหรับใครที่คุ้นชินกับการใช้ระบบ iOS คงเคยใช้หรือถนัดที่จะใช้แอปฯ นี้อย่างแน่นอน แต่อาจจะไม่รู้ว่ามันสามารถทำได้หลายอย่างมากกว่าที่เราคิด ที่ทำให้ผู้ใช้ Apple นั้นสามารถจดได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเแ็นฟังก์ชันการแท็กเข้าไปในแอปฯ ที่ผู้ใช้สามารถแชร์โน้ต หรือ @ เพื่อเอ่ยถึงเพื่อนผู้ใช้ Apple คนอื่นๆ
ซึ่งปัจจุบันนี้ Apple Notes มีหลากหลายฟังก์ชันให้ผู้ใช้งานได้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสแกนเอกสาร การวาดภาพหรือการจดผ่าน Apple Pencil การสร้างเช็กลิสต์ หรือแม้แต่การสร้างตารางก็สามารถทำได้เช่นกัน พร้อมยังมีฟังก์ชันให้เราติดแฮชแท็ก ที่สะดวกสบายต่อการค้นหาโน้ตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และมีระบบการจัดเก็บโน้ตที่เป็นระเบียบ ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาได้อย่างง่ายดาย
1
นอกจากนี้ Apple Notes ยังสามารถลิงก์ไปที่เบราว์เซอร์อื่นๆ อย่าง iCloud Notes ได้ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Siri ได้อีกด้วย และแน่นอนว่าในฐานะ Apple จุดแข็งอย่างหนึ่งที่ใครๆ ก็ทราบคือ เราสามารถใช้ iPhone หรือ iPad เพื่อเพิ่มเนื้อหาไปยังแอปฯ โน้ตบน Mac ได้โดยตรง ซึ่งการเชื่อมต่อข้อมูลเช่นนี้ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลนั้นสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำขึ้น
จาก 5 แอปฯ จดโน้ตที่กล่าวมาข้างต้น เป็นแอปฯ ที่ค่อนข้างใช้กันอย่างแพร่หลาย เราสามารถลองดาวน์โหลด ลองเปิดใช้ และชั่งใจดูว่าตัวไหนเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพราะวิธีการจดโน้ตนั้นไม่มีถูกผิด ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าเป้าหมายในการจดนั้นคืออะไร และลองเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและความถนัดส่วนบุคคล
แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่าอยากจะเขียนมือ ได้จรดปากกาลงบนกระดาษ  ในปีนี้ Mission To The Moon กลับมาอีกครั้งกับ “Mission To The Moon Retreat Planner 2023” แพลนเนอร์ที่จะช่วยให้คุณเขียนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันได้อย่างเป็นระเบียบ ช่วยจัดตารางชีวิตให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับเป็นพื้นที่ให้คุณได้กลับมาพักใจและโฟกัสกับตัวเองได้มากขึ้น
ผ่านฟังก์ชันต่างๆ มากมายภายในแพลนเนอร์เล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น To Do List, Half-Year Goal Setting, Half-Year Goal Check-in, Mood Tracker, Weekly Preview & Reflection และอีกมากมาย
[ ] สามารถสั่งซื้อ Planner 2023 ได้ทาง LINE OA : @missiontothemoon หรือคลิกลิงก์นี้ https://bit.ly/3SHU79J
[ ] สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Planner 2023 เพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/3CwIegj
แปลและเรียบเรียง:
- The 6 best note-taking apps of 2022 : Harry Guinness, Zapier -  https://bit.ly/3CGh33V
#selfdevelopment
#softskill
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
โฆษณา