Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Heng Leasing : เฮงลิสซิ่ง
•
ติดตาม
21 ต.ค. 2022 เวลา 09:00 • ยานยนต์
ป้ายห้ามจอด อ่านอย่างไรให้ถูกต้อง
หลายคนอาจจะเคยเกิดความสับสนในการอ่าน ป้ายห้ามจอด ที่ปักไว้ตามถนนหนทาง เพราะป้ายห้ามจอดแต่ละป้ายมีทั้งตัวเลขกำหนดเวลา รวมไปถึงข้อความตัวอักษร
1
ซึ่งสร้างความงงงวยให้กับผู้ขับขี่ว่าตกลงแล้ว เราเข้าใจความหมายที่ป้ายห้ามจอดสื่อออกมาอย่างถูกต้องหรือเปล่า เรามีวิธีการอ่านป้ายห้ามจอดอย่างถูกต้องมาฝากค่ะ
เครื่องหมายหรือป้ายจราจรต่าง ๆ ที่เราเห็นกันตามท้องถนน เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นการช่วยจัดระเบียบการจราจรบนท้องถนน
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นบนท้องถนน และยังช่วยให้การจราจรมีความคล่องตัวอีกด้วย
ทั้งนี้เมื่อพูดถึงป้ายจราจรแล้ว สามารถแบ่งประเภทของป้ายจราจรออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ป้ายบังคับ ป้ายประเภทบังคับให้ผู้ใช้รถต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย เช่น ป้ายห้ามจอด ป้ายห้ามแซง ป้ายห้ามเลี้ยว เป็นต้น
2. ป้ายเตือน ป้ายเตือนมีไว้สำหรับเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบล่วงหน้าว่าลักษณะการจราจรที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือมีอันตราย ให้ผู้ใช้ทางได้ระมัดระวังและลดความเร็วเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
3. ป้ายแนะนำ ป้ายเพื่อแนะนำ ชื่อก็บอกตรงตัวอยู่แล้วว่าเป็นการแนะนำ ป้ายประเภทนี้จึงเป็นการแนะนำให้ผู้ใช้ทางในการเดินทางทราบถึงทิศทาง ข้อมูลต่าง ๆ ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
ทั้งนี้ในบทความนี้เราจะขอพูดถึง ป้ายห้ามจอด น่าจะเคยสร้างความสับสนและเกิดการเข้าใจผิดให้กับผู้ขับขี่หลายต่อหลายท่านมาแล้ว เรามักจะเห็นป้ายห้ามจอดตามถนนหนทาง
โดยเฉพาะในเขตชุมชนที่มีการสัญจรขวักไขว่ การมีป้ายห้ามจอดจะช่วยจัดระเบียบการจราจรและป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่จอดรถได้ตามอำเภอใจจนทำให้กีดขวางทางสัญจรต่าง ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้หลายคนมักเกิดความเข้าใจผิดในการอ่านห้ามจอด ที่สรุปแล้วตกลงว่าป้ายห้ามจอดนั้น ๆ ให้เราจอดได้หรือไม่ จอดได้กี่โมง หรืออื่น ๆ
เราจึงมีวิธีการอ่านป้ายห้ามจอดที่ถูกต้อง เพื่อผู้ขับขี่จะได้ตีความหมายได้อย่างถูกต้อง ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องนั่นเองดังนี้
●
ป้ายห้ามจอด ตลอดเวลา เว้นวันอาทิตย์
เราลองมาเริ่มอ่านป้ายห้ามจอดแบบแรกกันก่อนค่ะ ป้ายห้ามจอด “ตลอดเวลา เว้นวันอาทิตย์” ป้ายแรกอาจจะตีความหมายได้ไม่ยากมากนัก วิธีการอ่านป้ายห้ามจอด “ตลอดเวลา เว้นวันอาทิตย์” อ่านได้ดังนี้
1.ห้ามจอดตลอดแนว ทุกวัน
2
2.วันอาทิตย์ จอดได้ทั้งวัน
●
ป้ายห้ามจอด 05.00 -22.00 เว้นวันหยุดราชการ
จากป้ายห้ามจอดอันแรก มาที่ป้ายห้ามจอดอันที่ 2 ป้ายห้ามจอดแบบนี้มีการะบุเวลาที่ห้ามจอดไว้อย่างชัดเจน วิธีการอ่านป้ายห้ามจอด “05.00 -22.00 เว้นวันหยุดราชการ” อ่านได้ดังนี้
1.ห้ามจอดตลอดแนว เวลา 05.00-22.00 น. ของทุกวัน
2.วันหยุดราชการ จอดได้ทั้งวัน
1
●
ป้ายห้ามจอด วันคี่ 06.00-20.00 น. (6 AM – 8 PM)
จากป้ายห้ามจอดของทุกวัน ตอนนี้ลองมาอ่านป้ายห้ามจอดที่ระบุเป็นวันคี่ วันคี่ คือ วันที่เป็นเลขที่ทั้งหลาย เช่น 1,3,5,7,9,…..(วันที่ลงท้ายด้วยเลขคี่)
วิธีการอ่านป้ายห้ามจอด “ป้ายห้ามจอดวันคี่ 06.00-20.00 น. (6 AM – 8 PM)” มีวิธีการอ่านได้ดังนี้
1.ห้ามจอดตลอดแนว เวลา 06.00-20.00 น. ของทุกวัน
2.ห้ามจอดตลอดแนว ทุกวันคี่ ทุกช่วงเวลา
จะเห็นว่าป้ายห้ามจอดแบบนี้ จะมีการระบุความหมายถึงสองความหมายนั่นก็คือ นอกจากจะห้ามจอดทุกวันแล้ว ยังห้ามจอดทุกวันคี่ ทุกช่วงเวลานั่นเอง อย่าเพิ่งสับสนกันนะ เดี๋ยวมาลองอ่านป้ายห้ามจอดแบบต่อไปกันค่ะ
●
วันคี่ตลอดเวลา วันคู่ 06.00-09.00 และ 16.00-22.00 น.
ป้ายห้ามจอดนี้ดูแล้วมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไหนจะต้องมีการระบุทั้งวันคี่ตลอดเวลา วันคู่ที่มีการระบุเวลาไว้06.00-09.00 และ 16.00-22.00 น.อย่างชัดเจน แล้วเราจะต้องอ่านป้ายห้ามจอดนี้ว่าอย่างไร
1.ห้ามจอดตลอดแนว ทุกวันคี่
2.วันคู่ ห้ามจอดเวลา 6.00-9.00 และ 16.00-22.00 น.
●
ป้ายห้ามจอด วันคู่ตลอดเวลา เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ 05.00-20.00 6 ล้อขึ้นไปตลอดเวลา
เพิ่มความยากและยาวมากขึ้นกว่าเดิม อ่านไปอาจจะงงไป ตกลงแล้วมีความหมายว่าอย่างไร ลองอ่านกันเล่น ๆ ดูนะคะว่าตกลงแล้วป้ายนี้เขาห้ามจอดรถแบบไนบ้าง จากนั้นลองมาดูกันคะว่าอ่านถูกหรือไม่
1.ห้ามจอดตลอดแนว ทุกวันคู่
2.วันเสาร์-อาทิตย์ ห้ามจอดเวลา 05.00-20.00 น. ไม่ว่าจะเป็นวันคู่หรือวันคี่ก็ตาม
3.รถ 6 ล้อขึ้นไป ห้ามจอดตลอดแนวทุกวัน
●
ป้ายห้ามจอด วันคู่ ฝั่งตรงข้ามวันคี่ 06.00-18.00
ป้ายห้ามจอดแบบนี้ มีการระบุฝั่งถนนทั้ง 2 ฝั่ง มีวิธีการอ่านได้ดังนี้
1.ฝั่งนี้ วันคู่ ห้ามจอดเวลา 6.00-16.00 น.
2.ฝั่งตรงข้าม วันคี่ ห้ามจอดเวลา 6.00-16.00 น.
●
ป้ายห้ามจอดรถหน้าบ้าน
หากจากป้ายห้ามจอดรถที่เราเห็นตามท้องถนนแล้ว ยังมีป้ายห้ามจอดอีกประเภทที่เราอาจจะคุ้นตานั่นก็คือ ป้ายห้ามจอดรถหน้าบ้าน
ซึ่งการจอดรถขวางหน้าบ้านเรียกได้ว่าเป็นปัญหาโลกแตกที่เจ้าของบ้านจะต้องคอยแก้ไขปัญหาอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ป้ายห้ามจอดรถหน้าบ้าน คือทางออกของการแก้ไขปัญหาการจอดรถขวางหน้าบ้านที่เป็นมิตรมากที่สุด
แต่รู้หรือไม่ว่าการจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น หรือขวางทางเข้าออก มีความผิดฐานก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้เสียหาย
โดยเจ้าของบ้านที่ถูกคุณจอดรถขวางหน้าบ้านสามารถแจ้งความเอาผิดข้อกฎหมายอาญามาตรา 397 วรรคสอง ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้การจอดรถขวางหน้ายังมีความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 22 ฐานที่จอดรถหรือหยุดรถเพื่อกีดขวางเส้นทางสัญจร ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท โดยการหยุดรถที่เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 22 มีดังต่อไปนี้
1.ห้ามหยุดรถในช่องเดินรถ (เว้นแต่ว่าจะจอดรถชิดทางซ้ายสุดของเลน และไม่มีช่องเดินรถประจำทาง)
2.หยุดรถบนทางเท้า หรือฟุตบาทคนเดินถนน
3.หยุดรถบนสะพานหรือในอุโมงค์
4.หยุดรถในทางร่วมทางแยก
5.หยุดรถในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรหรือป้ายห้ามหยุดรถ
6.หยุดรถตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ
7.หยุดรถในเขตปลอดภัย
8.หยุดรถหรือจอดรถในลักษณะที่กีดขวางทางจราจร
●
หากเจ้าของบ้าน จอดรถหน้าบ้านตัวเอง มีความผิดทางกฎหมายหรือไม่
คุณจะเห็นว่าการจอดรถขวางทางเข้าออกบ้านคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่หากเจ้าของบ้านจอดรถหน้าบ้านตัวเองจะมีความผิดหรือไม่นั้น คำตอบคือ การจอดรถที่ถูกต้องและเหมาะสมต้องจอดในพื้นที่ของตนเองที่มีรั้วรอบขอบชิดเท่านั้น
ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่มีสิทธิ์จอดรถในทางสาธารณะหรือพื้นที่เอกชน เช่น ถนนภายในหมู่บ้าน เพราะจะถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 55 ประกอบมาตรา 148 ที่ห้ามมิให้ผู้ขับขี่หยุดรถตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ
ซึ่งการจอดรถบนทางสาธารณะแม้จะเป็นหน้าบ้านของตนเอง แต่ก็สามารถสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้อื่นได้ เนื่องจากรถคันอื่นไม่สามารถสัญจรไปมาหรือถอยรถเข้า-ออกได้อย่างสะดวกนั่นเอง
1
บทความนี้นอกจากจะให้ความรู้ในเรื่องของการอ่าน ป้ายห้ามจอด ให้ถูกต้องแล้ว เพื่อผู้ขับขี่จะได้ไม่เกิดความสับสนว่าตกลงแล้วบริเวณนั้น ๆ สามารถจอดรถได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัยต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางนั่นเอง
ทั้งนี้การในการขับรถเดินทางไปที่ไหนก็ตาม จะต้องได้รับความคุ้มครองและเพิ่มความอุ่นใจในทุกการเดินทาง แนะนำทำประกันรถยนต์เพื่อช่วยเสริมความคุ้มครองทั้งคน รถและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
1
ที่เฮงลิสซิ่งนอกจากจะให้บริการทางด้านสินเชื่อแล้ว ยังให้บริการประกันภัยรถยนต์ ผ่อน 0% นาน 12 เดือน ซื้อง่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน รายละเอียดเพิ่มเติม
คลิก
https://bit.ly/3CdB6oj
ไลฟ์สไตล์
รถยนต์
ความรู้รอบตัว
10 บันทึก
19
13
10
19
13
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย