22 ต.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อ Netflix สูญเสีย ครั้งใหญ่ ที่ทำให้ต้องจำใจมี "โฆษณา"
Netflix กำลังมีโฆษณา?
เมื่อไม่นานมานี้ Netflix บริษัทสตรีมมิงชื่อดังของโลกได้ประกาศว่าพวกเขาจะทำการปล่อยแพ็กเกจแบบใหม่ ที่ราคาถูกลงแต่ว่าจะมีโฆษณาแบบไม่สามารถกดข้ามได้มาคั่นระหว่างการรับชม ซึ่งก็ถือว่าเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ของพวกเขาและเหล่านักลงทุนใน Wall Street ได้มากมายทีเดียว
จริงๆ แล้วทางด้าน Reed Hastings co-CEO ของ Netflix นั้นเคยกล่าวเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้แล้วว่า ตอนนี้ทางบริษัทก็กำลังพยายามหาหนทางใหม่ๆ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตต่อไปให้ได้ โดยพวกเขานั้นก็กำลังพิจารณาทางเลือกใหม่ๆ อยู่ เช่น แพ็กเกจแบบมีโฆษณา แพ็กเกจที่มีราคาถูกลง ไปจนถึงการเพิ่มรายการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา
2
ซึ่งคำว่า “โฆษณา” นี่แหละ คือสิ่งที่ทำให้หลายคนถึงกับหูผึ่งเลยทีเดียว เพราะนั่นคือสิ่งที่ Netflix เคยประกาศไว้อย่างแข็งกร้าวว่าพวกเขาจะ “ไม่มีวันทำ” เด็ดขาด
แต่พอมาถึงตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับ Netflix จากที่พวกเขาแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่เคย Disrupt วงการบันเทิงและวงการภาพยนตร์อย่างยิ่งใหญ่ เหตุใดพวกเขาถึงยอมกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการออกแพ็กเกจเก็บค่าโฆษณาแบบนี้กันแน่?
1
ปีแห่งการสูญเสีย ที่ทำให้ Netflix ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
สำหรับ Netflix แล้ว ปี 2022 นี้ถือว่าเป็นปีแห่งการสูญเสียของพวกเขาเลยก็ว่าได้ เริ่มจากในไตรมาสแรก พวกเขาได้มีการรายงานทางการเงินออกมาว่า พวกเขาสูญเสียจำนวนสมาชิกทั่วโลกลงกว่า 200,000 ราย
สวนทางกับการคาดการณ์เดิมของพวกเขาว่าควรจะมียอดสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านราย ซึ่งหลังจากมีการรายงานนี้ออกไป ก็ส่งผลให้หุ้นของ Netflix ตกลงมากกว่า 25% เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในรายงานฉบับไตรมาสแรกของปี 2022 ของพวกเขาจะระบุว่ารายได้ของบริษัทเติบโตขึ้น 10% อยู่ที่ 7.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.93 พันดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ดี
Ted Sarandos และ Reed Hastings สอง co-CEO กล่าวว่าการสูญเสียยอดสมาชิกนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ หลักๆ มาจากการขึ้นราคาของการเก็บค่าสมาชิก (Subscription) ในตลาดใหญ่ๆ อย่างเช่น สหรัฐฯ หรืออังกฤษ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในตลาดสตรีมมิงที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
1
การที่พวกเขาเข้มงวดเรื่องการแชร์รหัสผ่านผู้ใช้มากกว่าเดิม หรือการคว่ำบาตรประเทศรัสเซียจากสงคราม ยูเครน-รัสเซีย ซึ่งทั้งหมดนี้ มีส่วนให้มูลค่าของ Netflix นั้น ตกลงไปกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงจำนวนสมาชิกที่หายไปทั้งหมดกว่า 1,000,000 คนเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยมูลค่าที่ลดลงนี้ส่งผลให้ Netflix ต้องปลดพนักงานมากกว่า 300 คนในรอบ 1 เดือน ปล่อยเช่าพื้นที่ว่างในออฟฟิศ รวมถึงต้องชะลอโปรเจกต์ภาพยนตร์ของพวกเขาไปหลายโปรเจกต์ด้วยกัน ซึ่งทาง Bloomberg Businessweek เผยว่า หลังจากที่พวกเขาได้มีโอกาสไปพูดคุยกับอดีตพนักงานและพนักงานปัจจุบันของ Netflix กว่า 20 คนนั้น ทุกคนล้วนบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ภายในบริษัทนั้นกำลังกัดกินจิตใจของคนทำงานหลายคน และราคาหุ้นที่ลดลงของ Netflix ก็ได้ทำลายขวัญกำลังใจภายในบริษัทเป็นอย่างมาก
แต่ถึงแม้จะเกิดการสูญเสียมากมายจนน่าใจหาย แต่ตอนนี้ Netflix นั้นก็ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้เป็นอันดับหนึ่งของโลกอยู่ดีด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 221 ล้านราย มากกว่าจำนวนสมาชิกของ Disney+, HBO Max, Paramount+ และ Peacock รวมกันเสียอีก
ทำให้ Netflix ยังคงพยายามมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปสู่เป้าหมายใหญ่ถัดไป ซึ่งก็คือการเพิ่มสมาชิกให้มากกว่าปัจจุบันอีกสองเท่าเป็น 500 ล้านคน ซึ่งทางด้าน Spencer Neumann CFO ของ Netflix ก็บอกว่าพวกเขายังมีศักยภาพจะเติบโตขึ้นได้อีกเยอะและเชื่อว่าการปล่อยแพ็กเกจใหม่ที่มีราคาถูกลงแต่มีโฆษณานั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้
1
ก้าวต่อไปของ Netflix ในวันที่ต้องค้นหาตัวเองอีกครั้ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น Netflix เป็นบริษัทที่ยึดถือมาตลอดว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้มีโฆษณามีพื้นที่บนแพลตฟอร์มของพวกเขาเป็นอันขาดเนื่องจากว่า “มันไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ (Not User-Friendly)” แต่พวกเขาเน้นไปที่การเพิ่มจำนวน User แทน ซึ่ง Netflix เองก็โดนคำวิจารณ์จากกลุ่มนักวิเคราะห์และนักข่าวของ Wall Street เกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด โดย Mark Mahaney หัวหน้าทีมวิจัยทางอินเทอร์เน็ตของ Evercore ISI กล่าวว่า Netflix กำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ผิดพลาดเพราะความโอหังของตัวเอง
1
เพราะในการทำโฆษณานั้นเป็นเหมือนท่อน้ำเลี้ยงของธุรกิจสื่อสมัยใหม่ทั้งนั้น พนักงานของ Netflix บางคนเองก็คิดว่า Netflix ควรทำเช่นกัน แต่ Reed Hastings ก็ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืนของตัวเองเสมอมาโดยให้เหตุผลว่าที่ทุกๆ คนชอบ Netflix มากกว่าเคเบิลทีวีก็เพราะ Netflix ไม่มีโฆษณา แต่สุดท้ายพอสถานการณ์ต่างๆ รุมเร้า พวกเขาก็จำเป็นต้องยอมใช้วิธีเพิ่มโฆษณาเข้ามาบ้างเพื่อให้บริษัทสามารถก้าวต่อไปได้
2
ดังนั้นโจทย์ต่อไปของพวกเขาก็คือ จะสอดแทรกโฆษณาเข้าไปอย่างไรให้ไม่สูญเสียมนต์เสน่ห์และประสบการณ์รับชมอันลื่นไหลแบบที่ทุกคนหลงรัก แต่ดูเหมือนว่า Netflix ได้เริ่มวางแผนเรื่องนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวกเขาได้ทำพาร์ตเนอร์กับบริษัทใหญ่อย่าง Microsoft มาช่วยดูระบบ ซึ่ง Microsoft เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และคลาวด์มาอย่างยาวนาน แถมยังมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับรองรับระบบโฆษณาและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อีกด้วย โดยเชื่อว่าการจับมือร่วมกันนี้จะทำให้ Netflix อุ่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
Netflix นั้นเริ่มต้นได้ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ พวกเขาสามารถพลิกโฉมอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ในวงการ Hollywood ได้ด้วยความยืดหยุ่นภายในตัวบริษัท แต่ดูเหมือนว่าในอนาคตต่อไปนี้ Netflix อาจจะไม่สามารถรักษาความยืดหยุ่นได้เท่าเดิมอีกแล้วเมื่อพวกเขามีพนักงานกว่า 10,000 คน ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า พวกเขาจะค้นหาตัวตนใหม่ในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกได้อย่างไร
ที่มา:
- Coming Soon on Netflix: A New Netflix : Lucas Shaw, Bloomberg - https://bloom.bg/3EMDPZb
- Netflix will charge $6.99 a month for new ad-supported plan starting Nov. 3 in U.S. : Alex Sherman, CNBC - https://cnb.cx/3CBxXiN
#business
#netflix
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
โฆษณา