23 ต.ค. 2022 เวลา 04:45 • ข่าว
สรุป #หมอริท
เมื่อหมอริทออกมาขอบคุณโตโน่เรื่องว่ายน้ำข้ามโขง
แต่อยากให้มองที่ปัญหาโครงสร้างมากกว่ารับบริจาค
1
พร้อมประโยคเด็ด
"ต่อให้พี่ว่ายน้ำข้ามโขงเป็น 10รอบ
ได้เงินบริจาคมากว่า 1000ล้าน
หมอ พยาบาลเค้าก็เหนื่อยเท่าเดิม"
1
เรื่องราวจะเป็นยังไงไปอ่านกันครับ
เริ่มเรื่อง
1. จากที่เมื่อวานมีข่าวใหญ่ที่หลายคนให้ความสนใจ คือข่าวการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงของคุณโตโน่ พร้อมกับเปิดรับบริจาคเพื่อจะนำเงินที่ได้ไปให้แก่โรงพยาบาล ฯลฯ และสุดท้ายภารกิจของคุณโตโน่สำเร็จไปด้วยดีพร้อมกับ ได้รับยอดเงินบริจาคไปราวๆ 60ล้านบาท
2. จากนั้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา หมอริท เพื่อนของคุณโตโน่ก็ได้มีการออกมาทวิตบรรยายถึงความรู้สึกที่มีต่อคุณโตโน่ และมุมมองของเขาในฐานะบุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่ง
ความในใจของหมอริท
3. หมอริทบอกว่าก่อนอื่นตนต้องขอแสดงความยินดีและเอ่ยขอบคุณสำหรับน้ำใจของ คุณโตโน่ ที่เสียสละเพื่อโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ขนาดนี้ และหยิบเอาคำพูดของ คุณโตโน่ ที่ว่า "หมอและพยาบาลเค้าเหนื่อยกว่าเสี่ยงกว่า" มาแสดงความเห็นผ่านมุมมองตัวเองว่า
2
4. ต่อให้ คุณโตโน่ ว่ายน้ำข้ามโขงเป็น 10รอบ ได้เงินบริจาคมากว่า 1000ล้าน หมอ พยาบาลเค้าก็เหนื่อยเท่าเดิม เพราะระบบสุขภาพของประเทศไทยคือ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ซึ่งเป็นเรื่องดีกับคนป่วย) แต่ในขณะเดียวกันก็หมายความว่าหมอต้องทำงานหนักขึ้น แต่ได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม
4
5. หมอริท กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หมอหลายคนก็ออกนอกระบบโรงพยาบาลรัฐไปอยู่เอกชนที่งานเบากว่า มันวนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ
2
เพราะฉะนั้น ถึงเงินบริจาคจะเยอะแค่ไหน หมอก็ไม่หายเหนื่อยอยู่ดี
6. หลังจากพูดในมุมมองที่ว่า "หมอและพยาบาลเค้าเหนื่อยกว่า" จบ หมอริทก็หยิบอีกประเด็นขึ้นมา นั่นคือ "หมอและพยาบาลเค้าเสี่ยงกว่า" ขึ้นมาพูดต่อทันที โดยหมอริทได้ย้อนถามกลับว่า
7. แล้วใครปล่อยให้หมอพยาบาลทำงานภายใต้ความเสี่ยง ? ในเมื่อหลายคนมองเห็นว่าหมอและพยาบาลทำงานภายใต้ความเสี่ยง แต่ทำไมผู้มีอำนาจโดยตรงถึงมองไม่เห็นและไม่สามารถจัดการปัญหานั้นโดยเร่งด่วนได้ ?
1
8. หมอริททิ้งท้ายว่า ตนก็ไม่ได้มองว่าการรับบริจาคเป็นสิ่งไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไปด้วย และฝากถึง คุณโตโน่ ว่า ถ้าคุณโตโน่สามารถสื่อสารในจุดนี้ (ปัญหาเชิงโครงสร้าง) ไปด้วยพร้อมกับการทำกิจกรรม ก็น่าจะมีคนไม่น้อยเลยที่สนใจจะร่วมโครงการกับคุณโตโน่ และทำให้โครงการดูมีเหตุสมควรมากขึ้น
3
ดราม่าจากชาวเน็ต
ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับหมอริท
9. หลังจากทวิตของหมอริทกลายเป็นไวรัลไม่นาน สิ่งที่ตามมาแน่นอนคือดราม่าจากชาวเน็ตที่เห็นต่าง .. กลุ่มที่ไม่โอเคกับทวิตของหมอริทและมองว่าสิ่งที่หมอริทพูดนั่นแหละไม่สมเหตุสมผล ก็มองว่า
10. คุณโตโน่ เขาก็ทำด้วยใจบริสุทธิ์ที่อยากจะช่วยเหลือคนอื่น ทำไมต้องมาบังคับให้เขามองปัญหาถึงแก่นให้มันมากมาย แค่มีใจที่อยากช่วยเหลือก็น่าจะพอแล้วหรือป่าว ?
1
11. นอกจากนั้นยังบอกอีกว่า ก็ในเมื่อก่อนที่คุณจะมาเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้แล้วว่าหมอทั้งทำงานหนัก ทั้งเหนื่อย ทั้งเสี่ยง คุณจะมาบ่นตอนนี้ทำไม ถ้ารับไม่ได้ก็ลาออกไปหรือไปอยู่กับเอกชนที่คุณบอกว่าสบายกว่าสิ
1
พร้อมกับถามว่า
แล้วหมอริท ทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง ?
ฝั่งที่ซัพพอร์ตหมอริท
12. ชาวเน็ตฝั่งนี้ก็มองว่า ที่หมอริทพูดมาก็ถูกทุกอย่างและไม่มีตรงไหนที่ตำหนิ คุณโตโน่ เลยสักนิด แล้วก็ย้อนถามฝั่งที่โจมตีหมอริทไปว่า ทำไมจะต้องโยนแนวคิดเป็นหมอต้องพร้อมเสี่ยงหรือพร้อมเหนื่อยตลอดเวลาให้กับบุลคากรทางการแพทย์
1
พวกเขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเราไม่ใช่หรอ ?
1
13. และก็ตอบกลับไปยังกลุ่มคนที่ถามหมอริทว่า "ทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง" ไปว่า ตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดหนักๆ หมอริทก็ดัดแปลงคลินิคตัวเองเป็นโกดังและใช้เงินส่วนตัวของตัวเองไปหลายล้านเพื่อทำโครงการ
"หมอริทช่วยโควิด"
1
14. โดยการจัดทีมส่งอาหาร ยา เครื่องออกซิเจน และสิ่งของจำเป็นทุกอย่างให้แก่ผู้ป่วยโควิดที่กำลังลำบาก เพียงแต่ หมอริท ไม่ได้โปรโมทตัวเองหรือเดินสายออกรายการอะไรก็แค่นั้น
แบบนี้จะเรียกว่าทำเพื่อประเทศชาติได้บ้างไหม ?
ก็ประมาณนี้ครับ
ส่วนใครคิดเห็นยังไงก็มาแชร์กันอย่างสุภาพในคอมเมนท์นะครับ
อ้างอิง
Twitter #หมอริท
โฆษณา