Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
•
ติดตาม
23 ต.ค. 2022 เวลา 12:52 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 81 เผชิญหน้า
“ผมขออนุญาตควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกครับ”ทหารที่ด่านกรูกันเข้ามาล้อมรถยนต์ของผมก่อนที่จะบังคับให้ผมลงจากรถยนต์เพื่อควบคุมตัวผมไว้
โดยที่ครั้งนี้ไม่มีการตรวจค้นรถหรือตรวจฉี่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา...
“คุณแน่ใจนะว่าจะควบคุมตัวผมไว้”ผมถามกับจ่าซึ่งเป็นหัวหน้าของด่านแห่งนี้
“ครับ ผมได้รับคำสั่งมาให้ควบคุมตัวคุณไว้”จ่านายนั้นบอกกับผม
“ได้ แต่ก่อนจะคุมตัวผมไว้ ผมรบกวนให้จ่าช่วยดูหนังสือฉบับนี้ก่อนนะ”ผมบอกกับจ่าคนนั้นก่อนที่จะหยิบซองจดหมายสีน้ำตาลที่มีตราครุฑส่งให้กับเขา
“นี่เป็นหนังสือเรียกตัวผมไปประชุมกรรมาธิการทหารในวันพรุ่งนี้ ในหนังสือฉบับนี้มีชื่อผมและชื่อของผู้การของคุณด้วย ถ้าคุณจะควบคุมตัวผมไว้ก็ได้นะ แต่คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะตามมาด้วย
ว่าแต่คุณจะรับผิดชอบไหวมั๊ย”ผมถามกับจ่าคนนั้นขณะที่เขาเปิดหนังสือของกรรมาธิการออกมาอ่าน
“เอ่อ...ผม ผมไม่ทราบครับ ผมทำตามคำสั่ง”จ่าคนนั้นบอกกับผมด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก
“ผมก็อยากรู้ว่าคำสั่งของคุณมันจะปกป้องตัวคุณได้มั๊ย คนออกคำสั่งคุณมายังเอาตัวไม่รอดเลย คุณเห็นรายชื่อในหนังสือนั้นมั๊ยล่ะ"ผมถามย้ำกับจ่าคนนั้น
“เอ่อ...เอ่อ..งั้นรอผมสักครู่ผมไปรายงานผู้การก่อน”จ่าคนนั้นถือหนังสือของผมเข้าไปยังหน่วยเพื่อโทรศัพท์หาใครสักคน จากนั้นก็เดินกลับมาหาผม
“คุณไปได้แล้วครับ”จ่าคนนั้นบอกกับผมก่อนที่จะคืนหนังสือให้ผม
“วันนี้ไม่ค้นรถผมอีกเหรอ ผมอุตส่าห์พกปืนมาด้วยนะ”ผมถามกับจ่าคนนั้นซึ่งเขาไม่ตอบอะไร
“ไม่ค้นจริงนะ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ เพราะต่อจากนี้พวกคุณจะค้นรถผมอีกไม่ได้แล้ว นี่ไงผมพกปืนมาด้วย ”ผมบอกกับจ่าคนนั้นพร้อมทั้งนำปืนพลาสติกของเล่นออกมาเย้ยพวกเขาด้วยความสะใจก่อนที่จะขับรถยนต์ออกมาจากด่าน
จากนั้นผมก็ขับรถยนต์มาถึงกรุงเทพฯก่อนที่จะเข้าพักที่โรงแรมบริเวณทางขึ้นทางด่วนพระราม2 ซึ่งลุงสิงห์และชาวบ้านคนอื่นๆมารออยู่ก่อนแล้ว
เช้าวันต่อมาผมและชาวบ้านรวมถึงตู่ที่มาจากช่องหินหมูของชุมพรก็เดินทางมายังรัฐสภาเพื่อเข้าร่วมประชุมกรรมาธิการทหารชุดใหญ่
เมื่อมาถึงรัฐสภาแล้วผมและชาวบ้านกว่าสิบคนจึงได้เดินไปที่โรงอาหารของรัฐสภาเพื่อหาอะไรกินรองท้องก่อนการประชุม
ระหว่างที่ผมกำลังยืนรออาหารที่สั่งไปอยู่นั้นผู้การคนดีของผมซึ่งสวมชุดอ่อนสีเขียวก็เดินเข้ามาในโรงอาหารเพียงลำพัง
เมื่อเขาเห็นผมยืนอยู่กับชาวบ้านในระยะประชิด เขาหยุดชะงักก่อนที่จะหันหลังกลับและรีบเดินกลับออกไปทันที
“ไอ้สลัดเอ้ย พอมึงไม่มีปืนไม่มีลูกน้องแล้วตัวเท่าลูกหมาเลยนะมึง แน่จริงต่อยกับกูมั๊ยล่ะ”ผมตะโกนด่าตามหลังไปด้วยความโมโหจนพวก ส.ส.ที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในโรงอาหารนั้นต่างหันมามองผมเป็นตาเดียว
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ได้ซัดกับมันแล้ว”ลุงสิงห์บอกกับผมพร้อมตบบ่าผมเบาๆเพื่อให้ผมสงบสติอารมณ์
“แค้นมันนิ เจอกันแบบนี้ต่อยตัวๆกับผมก็ได้นะ นี่ถ้ามันไม่เดินหนีไปก่อนนะผมจะชวนมันไปต่อยกันที่หน้ารัฐสภาเลย”ผมบอกกับลุงสิงห์ด้วยความหมั่นไส้
“เออๆ ใจเย็นๆ”ลุงสิงห์บอกกับผมก่อนที่จะนำผมมานั่งที่โต๊ะ
“หรอยๆน้อง เอ็งหรอยนิ “ ส.ส.ภาคใต้พรรคแมลงสาปคนนึงเดินมาพูดกับผมก่อนที่จะเดินออกไป
ช่วงสายผมกับชาวบ้านคนอื่นก็ได้เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการทหารโดยตู่ได้ชี้แจงถึงเรื่องบ้านช่องหินหมูของเขาและทางนายหัวชาญได้ชี้แจงถึงเอกสารต่างๆที่พวกเราได้รวบรวมกันมาได้ทั้งหมด ทั้งสนธิสัญญาที่ข้าหลวงอังกฤษทำไว้กับสยามใน ปี 2411 ที่ระบุว่า"จากเขาแดนใหญ่ถึงเขาถ้ำดินให้ใช้แม่น้ำกระบุรีเป็นเส้นเขตแดน
ส่วนเรื่องของผมคือเรื่องส่วนตัวล้วนๆเช่นเรื่องการตรวจค้นรถยนต์ของผมทุกครั้งและการที่ผมถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกด้วยความไม่เป็นธรรม
ซึ่งการชี้แจงนี้เป็นที่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ชี้แจงพร้อมกับผู้การที่ผมร้องเรียนไป เพราะหลังจากที่ผมชี้แจงเสร็จทางเจ้าหน้าที่ก็รีบนำตัวผมออกจากห้องประชุมทันทีเพื่อลดการเผชิญหน้ากับบุคคลที่ผมร้องเรียน
หลังจากนั้นทางกรรมาธิการก็แจ้งกับผมว่าจะมีหนังสือแจ้งผมกลับไปภายใน 15 วัน
“ขอบคุณมากพี่ พวกเรายังมีหวังขึ้นมาบ้าง”ตู่บอกกับผมหลังจากที่เราออกมาจากห้องประชุมของกรรมาธิการ
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยผมก็ได้ทำให้พวกนั้นรู้ว่าผมไม่ใช่กระจอกที่พวกมันจะมากดขี่ผมได้”ผมบอกกับตู่ไป
“เจ้าหน้าที่ของกรรมธิการบอกว่าจะให้คณะกรรมการลงไปตรวจพื้นที่โดยเร็ว ผมขอแค่ได้กลับเข้าไปที่บ้านได้ก็พอแล้ว”ตู่บอกกับผมด้วยความหวัง
“ส่วนเรื่องอินทนิลขวางของเรายังต้องสู้กันอีกหลายยก เพราะตอนนี้ชาวบ้านยังถูกจับไว้ในพม่า"นายหัวชาญบอกกับทุกๆคน
“งั้นวันนี้เรากลับกันเถอะ”ผมบอกกับทุกๆคนก่อนที่จะเดินทางกลับมายังจังหวัดระนอง
ซึ่งครั้งนี้แปลกมากที่ทหารที่ด่านไม่ได้ค้นรถยนต์ของผมอีก
ผ่านไป 15 วันผมได้รับหนังสือจากกรรมมาธิการทหารที่ระบุว่าให้ปลดชื่อผมลงจากป้ายประจำด่านทุกด่าน
เมื่อได้รับหนังสือแล้วกุ้งภรรยาของผมก็ถือหนังสือไปยังด่านทหารทุกด่านโดยเธอได้ลงไปสอบถามทหารที่ด่านว่าเอาชื่อผมและทะเบียนรถผู้ต้องสงสัยออกจากด่านหรือยัง
แถมยังบอกว่าหากใครค้นรถยนต์ของผมอีกก็จะต้องไปชี้แจงกับกรรมาธิการที่กรุงเทพฯเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา
ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นจนปัจจุบันรถยนต์ของผมก็ไม่เคยถูกค้นอีกเลยสักครั้ง
หลังจากที่ผมกลับมาจากประชุมกรรมาธิการทหารได้ไม่กี่วันผมก็มาตามคดีของผมที่โรงพักอีกครั้ง
“ดูผู้การเขาโกรธมากเลยนะ ที่ต้องถูกพิมพ์ลายนิ้วมือกลายเป็นผู้ต้องหา”ตำรวจเจ้าของคดีบอกกับผมหลังจากที่ผมมาสอบถามความคืบหน้าของคดี
“เขาก็น่าจะใจกว้างนะ ตอนที่เขาทำกับผม ผมยังไม่โกรธเขาเลย”ผมบอกกับตำรวจเจ้าของคดีด้วยรอยยิ้ม
“นี่ขนาดไม่โกรธนะ เห็นว่าผู้การตำรวจของระนองก็โดนกรรมาธิการเรียกไปด้วย ในระนองนี่ยังไม่เคยมีใครเคยโดนกรรมาธิการเรียกไปเลยนะ”ตำรวจบอกกับผม
“นี่มันแค่เริ่มต้น”ผมบอกกับตำรวจนายนั้นพลางยิ้มด้วยความสะใจ
“แล้วนี่ถามจริง ติดสติ๊กเกอร์แบบนั้นไม่กลัวพวกทหารจะโกรธบ้างเหรอ”ตำรวจถามกับผมต่อ
“แล้วทำไมผมต้องแคร์ล่ะ ที่พวกเขาทำกับผมพวกเขายังไม่แคร์เลย”ผมบอกกับตำรวจไป
“อืม..นี่เหลือสอบพยานอีกไม่กี่ปาก เดี๋ยวก็ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ยังไงก็มาตามคดีให้บ่อยๆนะ ผมจะได้มีข้ออ้างกับทางผู้ใหญ่ว่าเจ้าทุกข์เขามาตามคดี”ตำรวจเจ้าของคดีบอกย้ำกับผมอีกครั้ง
ผ่านไปไม่กี่วันผมก็ทราบข่าวว่าผู้การที่ผมได้แจ้งความได้ถูกย้ายออกไปจากพื้นที่ในจังหวัดระนอง
“แหม่ไปไวแท้ ยังไม่ทันสนุกเลย”กุ้งบ่นออกมาเมื่อทราบว่าโจทย์เก่าของพวกเราไม่อยู่ในพื้นที่แล้ว
“อยากสนุกมั๊ยล่ะ”ผมถามกับกุ้งเพราะผมได้ทราบข้อมูลอะไรบางอย่างมา
“มีอะไรเหรอ บอกมาเร็วๆ”กุ้งถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“เราได้ข่าวว่าสัปดาห์หน้า เขาจะกลับมาที่ระนองเรื่องชายแดนนี่แหละ”ผมบอกกับภรรยาของผม
“เหรอ มาที่ไหนล่ะ”กุ้งถามกับผม
“ในค่ายทหารแหละ”ผมบอกกับกุ้งถึงข้อมูลที่ผมได้รับมา
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ”กุ้งถามอย่างตื่นเต้น
“เราก็ไปเยี่ยมเยียนเขาบ้างสิ”ผมบอกกับภรรยาของผม
“ได้เลย อยากรู้นักว่าเจอหน้าพวกเราครั้งนี้มันจะทำหน้ายังไง”กุ้งบอกกับผม
สัปดาห์ต่อมาผมกับชาวบ้านก็เดินทางไปที่ค่ายทหารในจังหวัดระนอง
เมื่อผมผมไปถึงผมก็พบกับผู้การโจทย์เก่าผมกำลังให้สัมภาษณ์อยู่กับนักข่าวพอดี
“สวัสดีผู้การ ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ”ผมเดินแหวกชาวบ้านเข้าไปกล่าวทักทายเขาท่ามกลางสายตาของลูกน้องของเขาที่ไม่คิดว่าผมจะกล้ามาพบเขาถึงในค่ายทหารแห่งนี้....
#เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย