24 ต.ค. 2022 เวลา 04:32 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 82 เหยียบถิ่น..!!!
“สวัสดีผู้การ ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ”ผมเดินแหวกชาวบ้านเข้าไปทักทายเขาท่ามกลางสายตาของลูกน้องของเขาที่ไม่คิดว่าผมจะกล้ามาพบเขาถึงในค่ายทหารแห่งนี้
“อ้าว..คุณทราย ไม่เจอกันนานหน้าตาสดใสขึ้นนะครับ”ผู้การทักทายผมด้วยคำพูดที่ไพเราะกว่าทุกครั้งที่เคยเจอกัน
“ครับก็ช่วงนี้ผมก็กินอิ่ม นอนหลับ หน้าตาก็เลยดูสดชื่นเป็นธรรมดาครับ”ผมบอกกับผู้การไปพร้อมจ้องหน้าของเขาเขม็ง
“ครับ วันนี้เข้ามาถึงที่นี่ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”ผู้การถามผมเหมือนกับว่าผมเป็นบุคคลสำคัญ
“ครับ พอดีผมอยากจะมาถามผู้การว่า ครั้งก่อนที่ผู้การให้สัมภาษณ์นักข่าวไปน่ะ ที่ว่าผมมีไร่กัญชานับพันไร่ในหมู่บ้านอินทนิลขวาง ผู้การทราบเรื่องนี้มานานหรือยังครับ หรือเพิ่งจะมาทราบข่าวเอาตอนที่เห็นภาพของผม"ผมถามกับผู้การทำให้นักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์เขาหันมาสนใจทันที
“ผมขออนุญาตไม่ตอบนะครับ เพราะคุณฟ้องผมอยู่ ยังไงผมกับคุณก็ต้องไปเจอกันในศาลอยู่แล้ว ผมขอไปตอบในศาลก็แล้วกัน”ผู้การบอกกับผมก่อนที่จะรีบเดินหายไปในห้องทิ้งให้นักข่าวยืนงงอยู่ด้านนอก
ถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นค่ายทหารผมนี่แทบจะตะโกนออกมาด้วยความสะใจ..
หลังจากนั้นกุ้งก็เดินตามหาผู้พันคนที่เคยเงื้อมือจะตบหน้าเค้า
“มองหาใครเหรอ”รองผู้การคนที่เคยด่าพวกเราเมื่อตอนที่ทหารควบคุมตัวถามเมื่อเห็นกุ้งเดินไปเดินมาคล้ายจะมองหาอะไรบางอย่าง
“ผู้พันคนนั้นหายไปไหน”กุ้งถามหาผู้พันโจทย์เก่าของเธอกับรองผู้การ
"คนไหนอีกล่ะ"รองผู้การถามกับกุ้งด้วยความสงสัย
"ก็ไอ้คนหัวล้านๆ คนที่เคยเงื้อมือจะตบผู้หญิงท้องไง"กุ้งบอกกับรองผู้การ
“เขารู้ว่ากุ้งมาเลยหลบอยู่ในห้องน่ะ”รองผู้การบอกกับภรรยาของผม
“ฝากไปบอกด้วยนะรองฯว่าหนูมาให้ตบอีกแล้ว แน่จริงก็ออกมาตบกันเลย ”กุ้งบอกกับรองผู้การด้วยเสียงที่ดัง
“เออน่า แล้วๆกันไป”รองผู้การบอกกับกุ้ง
“แล้วไม่ได้หรอก ตอนนั้นเบ่งแทบตาย ตอนนี้ดันมาหลบไม่แน่จริงนี่หว่า” กุ้งพูดออกมาด้วยอารมณ์โมโห
จากนั้นผมและชาวบ้านก็เดินทางกลับด้วยความสะใจ
“เมื่อกี้ผู้การเรียกผมไปถามว่าทำไมไม่บอกกันก่อนว่าทรายจะมาด้วย”ตาเยาว์โทรมาบอกกับผมหลังจากที่ผมกลับออกมา
“ทำไมเหรอ ถ้าผมไปด้วยเขาจะทำไมเหรอ”ผมถามกับตาเยาว์ไปด้วยความสงสัย
“เขาก็บอกว่าเขาจะได้ไม่ออกมา ไม่อยากจะมาทะเลาะต่อหน้าชาวบ้าน”ตาเยาว์บอกกับผม
“แหม่ ทีตอนนี้ทำเป็นหน้าบาง 555”ผมหัวเราะด้วยความสะใจก่อนที่จะวางสายไป
สัปดาห์ต่อมา
ขณะที่จ่าตี๋กำลังนั่งดื่มกาแฟและพูดคุยอยู่กับตำรวจคนอื่นในร้านค้าข้างโรงพัก ทันใดนั้นก็มีพี่กบโทรเข้ามาหาจ่าตี๋
“จ่าๆ มีตำรวจมาจากระนองสองคนมาหาผมที่บ้าน พอดีผมออกมาทำธุระในตัวเมือง ตำรวจพวกนั้นจึงโทรบอกให้ผมออกไปพบพวกเขาที่โค-อ๊อฟ แล้วผมจะทำไงดีล่ะจ่า พวกนั้นต้องมาสืบเรื่องของน้องทรายแน่ๆ” พี่กบบอกกับจ่าตี๋ไปด้วยความกังวล
“งั้นพี่กบมาหาผมที่โรงพักก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราจะได้ไปพบพวกเขาพร้อมกัน”จ่าตี๋บอกกับพี่กบ
จากนั้นไม่นานพี่กบก็รีบขับรถยนต์เข้ามาที่โรงพักที่จ่าตี๋ทำงานอยู่
“แล้วตำรวจจากระนองไปได้เบอร์โทรของพี่กบได้ไง”จ่าตี๋ถามกับพี่กบด้วยความสงสัย
“คงตอนนที่ทหารพม่าบุกเข้าไปในอินทนิลขวางนั่นแหละ ผมไปถามทหารเรื่องคนงานของผม ทหารเลยมีข้อมูลของผม"พี่กบบอกกับจ่าตี๋ไป
“งั้นรอสารวัตรหมูแป๊บนึง เดี๋ยวเราจะได้ไปพร้อมกัน ตำรวจพวกนั้นนัดไว้ที่ โค-อ๊อฟใช่มั้ย”จ่าตี๋ถามกับพี่กบ
“ใช่ พวกนั้นบอกว่ารออยู่ที่นั่น”พี่กบบอกกับจ่าตี๋
ระหว่างนั้นสารวัตรหมูก็เดินเข้ามาที่จ่าตี๋ซึ่งนั่งอยู่กับพี่กบ
“มีคนมาเหยียบถิ่นเราว่ะ”จ่าตี๋บอกกับสารวัตรหมูจากนั้นจ่าตี๋ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้สารวัตรหมูฟัง
เมื่อสารวัตรหมูทราบเรื่องก็สั่งให้จ่าตี๋พร้อมกับตำรวจอีก 2 นายและพี่กบนำรถรถตราโล่ของตำรวจขับออกไปจากโรงพักเพื่อไปพบกับตำรวจที่มาจากจังหวัดระนองทันที
“มันมาถึงถิ่นเราเลยว่ะ ไอ้หมูเดี๋ยวมึงจัดการเลยนะ”จ่าตี๋บอกกับสารวัตรเมื่อขับรถยนต์ของตำรวจออกจากโรงพัก
ซึ่งจ่าตี๋กับสารวัตรเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆเพียงแต่สารวัตรหมูสอบติดตำรวจก่อนหลายรุ่นและได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงสารวัตรฝ่ายจรจร
ส่วนจ่าตี๋ยังมียศแค่จ่าและทำหน้าที่เป็นพลขับให้กับผู้กำกับเป็นประจำ
ซึ่งตำรวจทุกนายในโรงพักนี้ต่างรู้ดีว่าทั้งจ่าและสารวัตรคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน
หากมีตำรวจนายอื่นอยู่ด้วย จ่าตี๋จะเรียกเพื่อนว่า”สารวัตร” แต่หากอยู่ด้วยกันลำพังก็จะเรียกเพื่อนคนนี้ว่า”ไอ้หมู”
แต่บางอารมณ์กำลังโกรธก็จะลืมตัวเรียกว่า”ไอ้สารวัตรหมู”ต่อหน้าตำรวจนายอื่นๆเป็นประจำ
เมื่อจ่าตี๋ขับรถยนต์มาถึงโค-อ๊อฟ จ่าตี๋ก็เห็นตำรวจซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เคยสอบสวนจ่าตี๋ครั้งก่อนที่จังหวัดระนองกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟพร้อมกับตำรวจอีกคน
“พวกนี้นี่แม่งสมองกลวง โดนทหารปั่นหัวมาหมด”
จ่าตี๋บ่นพึมพำขณะที่เลี้ยวรถเข้าไปยังร้านกาแฟนั้น
เมื่อรถตำรวจคันนี้จอดสนิท จ่าตี๋ก็ก้าวเดินลงจากรถเป็นคนแรกก่อนที่ตำรวจคนอื่นๆและพี่กบกำลังจะเดินตามลงมา
ยังไม่ทันที่จ่าตี๋จะพูดอะไร เสียงของตำรวจในร้านกาแฟก็ดังขึ้น
“เฮ้ยแล้วแบบนี้ประเทศชาติจะอยู่ยังไงวะ ถ้าพวกคุณยังกลัวอิทธิพลของไอ้ทราย ทำไมไม่มีใครให้ความร่วมมือกันเลย”จากนั้นตำรวจที่มาจากระนองทั้งสองนายก็รีบเดินออกจากร้านกาแฟไปขึ้นรถและขับออกไปโดยเร็ว ทิ้งให้จ่าตี๋และสารวัตรหมูรวมถึงคนอื่นๆยืนงง
“พวกนั้นเป็นตำรวจที่ไหนเหรอจ่าไม่เคยเห็นหน้าเลย”เสียงเจ้าของร้านกาแฟถามจ่าตี๋ขณะกำลังยกแก้วกาแฟบนโต๊ะไปเก็บ
“ตำรวจมาจากระนองน่ะ “จ่าตี๋พูดขณะที่นั่งลงที่โต๊ะกาแฟโต๊ะนั้นแทน
“เอากาแฟขมๆ ใส่นมเหมือนคนชงมาแก้วนึง คนอื่นจะเอาอะไรก็สั่งเลย”
จ่าตี๋บอกกับเจ้าของร้านซึ่งสนิทสนมกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นพื้นที่รับผิดชอบของโรงพักแห่งนี้และพวกตำรวจมักแวะมาดื่มกาแฟกันเป็นประจำ
“มึงคิดว่าพวกมันจะไปไหนกันต่อวะสารวัตร”จ่าตี๋ถามความเห็นสารวัตรขณะที่ยกกาแฟขึ้นดื่ม
“ก็คงไปตามรายชื่อของชาวบ้านที่มีข้อมูลมาแหละ”สารวัตรหมูบอกกับจ่าตี๋ซึ่งตอนนี้เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างได้
“กูนึกอะไรออกแล้วว่ะสารวัตร มึงมีเบอร์โทรของลุงไข่มั้ย เอามาให้กูหน่อย”
จากนั้นจ่าตี๋ก็โทรศัพท์ไปหาลุงไข่ชาวบ้านซึ่งเคยอยู่ด้วยกันในหมู่บ้านอินทนิลขวางทันที
“ฮัลโหลๆ ลุงไข่เหรอ นี่ผมจ่าตี๋นะ วันนี้ลุงอยู่บ้านมั้ย พอดีมีตำรวจที่ระนองอยากได้ข้อมูลของน้องทราย ลุงช่วยพวกเขาหน่อยนะ เดี๋ยวผมส่งเบอร์โทรไปให้”
จากนั้นจ่าตี๋ก็เอาเบอร์โทรศัพท์จากพี่กบให้กับลุงไข่ไป
“บันเทิงและมึงงานนี้ 5555” เสียงจ่าตี๋หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“กลับไปทำงานกันดีกว่า” จ่าตี๋บอกกับทุกคนหลังจากดื่มกาแฟเสร็จ จากนั้นจ่าตี๋ก็เรียกเจ้าของร้านเก็บเงิน
“ทั้งหมด 720 บาทค่ะ”เจ้าของร้านนำบิลมาส่งให้จ่าตี๋
“เฮ้ยทำไมวันนี้มันแพงจังล่ะพี่ แค่กาแฟ 5 แก้วเอง” จ่าตี๋ถามอย่างตกใจเมื่อเห็นจำนวนเงินที่เรียกเก็บในบิล
“อ๋อรวมของตำรวจระนองด้วยค่ะ เห็นเขาลุกออกไปยังไม่ได้จ่ายเงิน แล้วพวกจ่ากับสารวัตรมานั่งกันต่อ สรุปไม่ได้มาด้วยกันเหรอคะ” เจ้าของร้านถามอย่างงๆ
“อ๊อๆไม่เป็นไรๆ 720 นะ ได้ๆ” จ่าตี๋หยิบบิลมาดู
“แม่งสงสัยไม่ได้แดกข้าวมาจากระนอง มาถึงนี่ก็สั่งเอาๆ” จ่าตี๋บ่นออกมาหลังจากที่ดูรายการอาหารในบิล
จากนั้นจ่าตี๋ก็ส่งบิลให้กับสารวัตรหมู
“ท่านสารวัตรครับ ผมว่างานนี้อยู่ในความรับผิดชอบของท่านนะครับ” จ่าตี๋บอกกับสารวัตรสารวัตรหมู
“สัส..!!! พอเวลาจ่ายเงินแล้วเรียกกูท่านสารวัตรทันที ตอนสั่งแดกเรียกกูอย่างกะหมูอย่างกะหมา”
สารวัตรหมูส่ายหน้าอย่างหัวเสียแล้วส่งบิลให้เจ้าของร้านซึ่งยืนมองอย่างยิ้มๆ
“ลงบัญชีไว้ก่อนนะพี่ พอดีผมรีบ กระเป๋าเงินอยู่ในรถอีกคัน”สารวัตรหมูบอกกับเจ้าของร้านอย่างเขิลอาย
“สัสเอ้ย เป็นถึงสารวัตรเสือกไม่มีเงิน ตำแหน่งมึงนี่ขายให้กูมั๊ยวะ”เสียงจ่าตี๋เหน็บแนมสารวัตรลั่นร้านซึ่งเป็นเรื่องปกติของสองคนนี้ที่พูดจาหยอกล้อกันเป็นประจำ
ส่วนทางด้านลุงไข่ซึ่งเคยเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านอินทนิลขวาง แต่หลังจากเหตุการณ์ที่หมู่บ้านอินทนิลขวางถูกทหารพม่าโจมตีลุงไข่จึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านเดิมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เมื่อลุงไข่ได้เบอร์โทรจากจ่าตี๋ก็รีบโทรหาตำรวจที่มาจากระนองทั้งสองนายนั้นทันที
“สวัสดีครับ ผมมีข้อมูลของหมู่บ้านอินทนิลขวางทั้งหมด รบกวนคุณตำรวจมาหาผมที่บ้านได้มั้ยครับ เพราะเราอาจจะต้องใช้เวลาคุยกันนาน”ลุงไข่บอกกับตำรวจของระนองทันทีที่เขารับสาย...
#เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
โฆษณา