God คือ Eric Clapton ครับ เขาได้ฉายานี้เพราะในยุคที่เขารุ่งๆมีแฟนเพลงคนนึงไปเขียนแกรฟฟิตี้ที่ Arvon Road ว่า "Clapton is God" แล้วเป็นข่าวออกสื่อมันเลยกลายเป็นฉายาของเขา (คู่กับ Slow hand อีกหนึ่งฉายาที่รู้จักกันกว้างขวาง)
ส่วน King จะเป็นใครไปได้ล่ะครับถ้าไม่ใช่ B.B. King??
King กับ God เคยมีโคตรอัลบั้มร่วมกันคือ Riding with the King ที่ได้ Nathan East มาเล่นเบสให้ ตอนที่ทำอัลบั้มนี้ก็เลยต้องใช้เวลาในห้องอัดคลุกคลีตีโมงด้วยกันเยอะ Nathan เล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า
"โห... แม่งมันส์ชิบหาย King เป็นคนเล่าอะไรได้โคตรสนุกมีชีวิตชีวาชนิดเห็นภาพ ทั้งเรื่องการออกทัวร์สมัยหนุ่มๆที่ต้องกินนอนบนรถบัส การผจญภัยใน Mississippi ไปจนถึงเรื่องของสาวๆกรุ๊ปปี้ที่ อืมมมม เอ่อ... นะ นั่นแหละรู้ๆกันอยู่ ไอกับ Clapton ฟังเพลินนั่งอ้าปากหวอเลยอ่ะเพราะเวลาที่ King เล่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันไม่เหมือนเขาเล่า แต่มันไหลลื่นเพลิดเพลินเหมือนเขาร้องเพลงซะมากกว่า When he talked, it was almost like he was singing.”
คนเก่งกับคนเก่งมาร่วมงานกันโอกาสที่จะพังเพราะอีโก้มีเยอะครับ แต่ไม่ใช่กับ King และ Clapton เพราะทั้งคู่โคตรจะถ้อยทีถ้อยอาศัย Clapton ที่พรรษาน้อยกว่าจะพยายามเอ่ยปากถาม King ตลอดว่า "ถ้าเราเล่นกันแบบนี้ป๋าว่ามันจะโอเคป่าว What do you think of that?" ในขณะที่ King เองก็มักจะตามใจหนุ่มนักกีตาร์รุ่นน้องด้วยคำตอบประมาณว่า "ถ้าเธอว์ชอบ ป๋าก็ชอบแหละ If you like it, I like it."
ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นมือกีต้าร์ พอถึงเวลาที่ต้องเล่นท่อน solo ก็เลยต่างคนต่างออกลูกเกรงใจกันเพราะบ่อยครั้งที่ Clapton จะโยนโครมใส่ King ไปเลยว่า "ป๋าเล่นท่อนโซโล่ไปเลยนะ You take the solo." แต่จะโดน King สวนกลับทันทีว่า "ไม่อ่ะ เธอว์นั่นแหละเล่น เธอว์เล่นกีต้าร์เก่งกว่าป๋าซะอีก"
นี่แหละครับวิถีคนเก่ง Nathan บอกว่า King เป็นคนถ่อมตัวทั้งๆที่คนอย่าง King นั้น "แค่เราได้เห็นเขาเสียบสายแจ็คกีต้าร์เข้าตู้แอมป์แล้วเล่นโน๊ทอะไรออกมามันก็เหมือนต้องมนต์แล้ว that was B.B. King. When you heard that, it was very magical.”
King กับ Clapton เจอกันครั้งแรกในปี 1967 ที่ New York’s Cafe Au Go-Go เจอกันคืนนั้นก็ขึ้นเวทีแจมกันเลย ตอนนั้น Clapton เป็นหนุ่มละอ่อนวัย 22 ส่วน King อายุ 42 กำลังอยู่ในช่วงพีค
Clapton เล่าว่า "ถ้าไม่มี B.B. King เป็นแรงบันดาลใจก็อาจจะไม่มีไอในแบบทุกวันนี้ก็ได้ เพราะตอนปี 1965 ไอแม่งได้ฟังอัลบั้ม B.B. King Live at the Regal ของป๋าแก หลังจากวันนั้นชีวิตไอแม่งก็เปลี่ยนไปตลอดกาล King เป็นนักกีต้าร์ในระดับจีเนียส ไอแทบมองไม่เห็นทางเลยว่าคนอย่างไอจะเก่งได้ในระดับเดียวกันกับ King ได้ยังไง"