Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Anontawong's Musings
•
ติดตาม
24 ต.ค. 2022 เวลา 23:40 • ความคิดเห็น
17 ความลับของฟ้าจาก “พี่เล้ง” ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร
“พี่เล้ง” ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท MFEC ผู้ให้บริการ IT Solutions ชั้นนำของประเทศไทย
MFEC เป็นคนวางระบบให้กับองค์กรอย่าง AIS และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังเป็นผู้สร้างแอปที่เราใช้ทุกวันอย่าง K PLUS อีกด้วย
1
ผมมีโอกาสได้ฟังสัมภาษณ์พี่เล้งในรายการ The Secret Sauce ก่อนจะเรียนคอร์สออนไลน์กับพี่เล้งใน Cariber และมีโอกาสได้กินข้าวเย็นด้วยกันเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม
1
พี่เล้งมีมุมมองเรื่องการบริหารคนที่น่าสนใจมาก ผมเลยตามไปอ่านไปฟังสิ่งที่พี่เล้งเคยแชร์เอาไว้ในช่องทางอื่นๆ และขอนำเนื้อหาบางส่วนที่ผมได้เรียนรู้มาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ครับ
.
1. ฝึกปรือวิชา-หาคนที่เชื่อ
พี่เล้งเรียนจบวิศวะจากจุฬา รหัส 29 (เข้าเรียนปีหนึ่งตอนพ.ศ.2529) ได้งานที่บริษัทเอสโซ เมื่อทำงานได้สองปีก็คิดอยากจะตั้งบริษัทของตัวเอง แต่พบว่าไม่มีความรู้ด้านการทำธุรกิจเลย จึงลาออกไปเป็นเซลส์ ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์อยู่หลายปีจนมั่นใจพอที่จะออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง
1
เนื่องจากไม่ได้มีเงินทุกมากนัก จึงไปเสนอไอเดียให้กับโมเดิร์นฟอร์ม ปรากฎว่าโมเดิร์นฟอร์มตัดสินใจเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ พี่เล้งจึงได้จดทะเบียนบริษัท MFEC ซึ่งย่อมาจาก ModernForm Enterprise Computing ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท
ลูกค้ารายแรกของ MFEC คือ AIS เป็นโปรเจ็คมูลค่า 500,000 บาทในวันที่ MFEC มีพนักงานสิบกว่าคน
ในวันเงินเดือนออก พี่เล้งให้พิมพ์หัว payslip เอาไว้ว่า
“Brought to you by AIS”
1
เพื่อให้พนักงานรู้ว่าคนที่จ่ายเงินเดือนให้เราเป็นใคร และต้องทุ่มเทให้ลูกค้าเจ้านี้อย่างสุดฝีมือ
.
2. กอล์ฟหลุมนี้เดิมพันเท่าไหร่
ถ้าเราตีกอล์ฟแล้วพนันกันหลุมละ 20 บาท เราจะตียังไง
ถ้าเราเพิ่มเดิมพันเป็นหลุมละ 2,000 บาท เราจะตียังไง
และถ้าเป็นหลุมละ 200,000 บาท เราจะตียังไง
ทั้งสามแบบนี้มันตีไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
แต่ละ “โอกาส” มี “เดิมพัน” ไม่เท่ากัน ถ้าโอกาสนั้นเป็นหลุมละสองแสนแต่เราตีเหมือนหลุมละยี่สิบโอกาสนั้นก็ย่อมหลุดลอยไป
1
เราต้องรู้ว่าเมื่อไหร่มันเป็นหลุมละยี่สิบ และเมื่อไหร่เป็นหลุมละสองแสน
เราไม่สามารถทุ่มสุดตัวได้ตลอด แต่ถ้ารู้ว่าหลุมนี้เดิมพันสูง เราก็ต้อง all-in
1
.
3. กลยุทธ์เมียหลวง
การทำธุรกิจด้าน IT Solutions นั้นมีได้สองแบบ คือกลยุทธ์เมียหลวงกับกลยุทธ์เมียน้อย
กลยุทธ์เมียหลวง คือหากลูกค้าทำโปรเจ็คที่ใหญ่กับเราเพียงพอจนเลี้ยงบริษัทได้ MFEC ก็จะทำกับลูกค้านั้นเพียงเจ้าเดียวไปยาวๆ
ส่วนกลยุทธ์เมียน้อยคือการทำ solution ให้ลูกค้าหนึ่งเจ้า แล้วนำ know-how ไปทำให้กับลูกค้าเจ้าอื่นๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
MFEC ยึดกลยุทธ์เมียหลวงเป็นหลัก ทำให้ลูกค้าเติบโตขึ้น และ MFEC ก็โตไปพร้อมกับลูกค้า
จากโปรเจ็คแรกของ AIS ที่มีมูลค่า 500,000 บาท สุดท้าย AIS ทำโปรเจ็คกับ MFEC ถึงปีละ 500 ล้านบาท
1
.
4. คิดแบบ Win-Win
หลักการอย่างหนึ่งที่ MFEC ยึดถือมาโดยตลอด คือเมื่อลูกค้าใช้บริการ MFEC ไปแล้วต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น
1
ถ้าประเมินว่าลูกค้ารายใดทำระบบกับ MFEC แล้วมันไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจเขาโตขึ้น พี่เล้งจะไม่แนะนำให้เดินหน้าต่อ เพราะการทำระบบ IT ย่อมจะทำให้ต้นทุนของลูกค้าสูงขึ้นและความสามารถในการแข่งขันลดลง สุดท้ายก็จะอยู่กับ MFEC ได้ไม่นาน
1
ดังนั้นอย่าคิดถึงแต่กำไร แต่ต้องคิดต่อด้วยว่ามันจะสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนรึเปล่า
.
5. รถ F1 แซงกันที่ทางโค้ง
พี่เล้งก่อตั้ง MFEC ในเดือนมีนาคมปี 2540
1
เดือนกรกฎาคมรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 25 บาท กลายเป็น 35 บาท และขึ้นไปแตะ 45 บาทต่อหนึ่งดอลลาร์
1
MFEC มีทุนจดทะเบียน 10 ล้าน แต่ปีแรกก็ขาดทุนเพราะอัตราแลกเปลี่ยนถึง 16 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจนี้ต้องนำเข้า software/hardware จากต่างประเทศทั้งหมด
1
ยังดีที่โมเดิร์นฟอร์มเข้าใจ ส่วนพี่เล้งก็ทำต้องทำหน้าที่ปลุกขวัญกำลังใจพนักงานต่อไปโดยถือคติว่า “เป็นเจ้าของห้ามก่ายหน้าผากให้ใครเห็น”
1
พี่เล้งอธิบายกับพนักงานว่าธุรกิจเรายังไปได้ดี ที่ขาดทุนเป็นเรื่องค่าเงินที่เราจัดการไม่เป็น ถ้าเราจัดการความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนได้ปัญหานี้ก็จะหมดไป
ข้อดีอย่างหนึ่งในการตั้งธุรกิจช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งก็คือ บริษัทส่วนใหญ่ไม่กล้าจ้างคนเพิ่ม MFEC ก็เลยได้คนเก่งมาร่วมงานด้วยค่าตัวที่สมเหตุสมผล
และในห้วงวิกฤติมีแต่คนหดหู่ MFEC ก็เลยคึกคักอยู่เจ้าเดียว และสร้างฐานลูกค้าได้ในช่วงนี้
พี่เล้งบอกว่าเวลาแข่งรถ Formula 1 ถ้ารถแรงพอๆ กัน วิ่งทางตรงไม่มีใครชนะใครได้ จะแซงกันได้ตรงทางโค้งเท่านั้น
MFEC สมัยนั้นยังเป็นบริษัทเล็กๆ ถ้าในสถานการณ์ปกติก็คงจะโดนยักษ์ใหญ่บี้ แต่พอเข้าทางโค้งที่เศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทอื่นชะลอตัวแต่ MFEC กล้าเหยียบคันเร่งจนขึ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำได้
หลังจากเปิดบริษัทได้เพียง 6 ปี MFEC ก็ IPO ในเดือนตุลาคมปี 2546 และมี Market Cap 2,000 ล้านบาท สร้างผลตอบแทนให้กับโมเดิร์นฟอร์มที่ลงเงินตอนจดทะเบียนบริษัทได้อย่างงดงาม
.
6. พนักงานที่มี ROI สูงสุด
1
พี่เล้งเป็นคน “ให้ค่าความฉลาด” หมายถึงชอบจ้างคนเทพๆ ในเงินเดือนสูงๆ
ช่วง 5 ปีแรกที่เล้งจึงกวาดเด็กวิศวะคอมจุฬาเกียรตินิยมมาทำงานกับ MFEC เยอะมาก
เด็กกลุ่มนี้ฉลาดแน่นอน แต่ข้อเสียคืออยู่กับบริษัทได้ไม่นาน อายุงานเฉลี่ย 2.7 ปีเท่านั้นก่อนจะออกไปหาโอกาสที่อื่น
เด็กลาดกระบังจะอยู่กับองค์กรได้นานกว่า ส่วนเด็กมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดจะอยู่ได้นานที่สุด
พี่เล้งบอกว่า ในบรรดาเด็กที่ได้เรียนระดับอุดมศึกษานั้น 95% มาจากชนชั้นกลางขึ้นไป มีเพียง 5% เท่านั้นที่มาจากครอบครัวยากจน
โจทย์ของ MFEC คือหา 5% นี้ให้ได้ ซึ่งเมื่อเราให้โอกาสเขาแล้ว เขาจะเห็นคุณค่าและมีใจให้กับองค์กรจนไม่คิดจะไปไหน
คนที่เคยผ่านความยากลำบาก จะเชื่อมโยงกับ passion และ drive ของตัวเองได้ง่าย ผิดกับคนที่สบายมาทั้งชีวิตที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเพราะมีคนคอยป้อนให้ตลอด
1
และคนที่เคยลำบากมักจะมี empathy หรือความเข้าอกเข้าใจคนอื่น ต่างกับเด็กที่โตมากับคนใช้ในบ้านเพราะเขาแทบไม่เคยต้องอ่านสีหน้าใครเลย อยากได้อะไรแค่เอ่ยปากก็ได้หมด ขณะที่เด็กยากจนนั้นจะขออะไรทีก็ต้องสังเกตสีหน้าพ่อแม่ให้ดีๆ ก่อน
.
7. มุมมองเรื่อง Turnover
MFEC เคยมี turnover สูงถึง 35% ซึ่งหมายความว่าทุกปีจะมีพนักงานหายไปหนึ่งในสาม
2
พี่เล้งเลยจ้าง HR มือดีมาช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำ ทาง MFEC ก็เลยปรับปรุงสวัสดิการให้ดีกว่าเดิม รวมถึงมอบ ESOP ให้พนักงานด้วย [Employee Stock Options Plan คือสิทธิ์ให้พนักงานซื้อหุ้นในราคาถูกที่ถูกกว่าตลาด]
แต่สุดท้ายพนักงานก็ถูกดึงตัวไปอย่างอยู่ดี เพราะสมัยนั้นเป็นที่รู้กันในวงการว่า หากอยากได้คนเก่งๆ ให้มาเอาที่ MFEC
พี่เล้งเลยได้ข้อสรุปว่า พนักงานก็เป็นเหมือนนก เขาต้องการอิสระ เราไม่สามารถหน่วงเหนี่ยวเขาไว้ได้ สิ่งที่เราพอจะทำได้คือสร้าง MFEC ให้เป็นต้นไม้ใหญ่ที่ร่มเย็น แล้วนกจะบินมาเกาะกิ่งเอง
3
หลังจากปรับปรุงองค์กร turnover ก็ดีขึ้น แต่พี่เล้งก็ไม่คิดว่าการมี turnover ที่ต่ำเกินไปเป็นเรื่องดีเช่นกัน เพราะนั่นแสดงว่าไม่มีใครอยากได้คนของเรา
ความจริงข้อหนึ่งของธุรกิจก็คือ บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะต้องขึ้นเงินเดือนให้พนักงาน ค่าเช่าออฟฟิศก็เพิ่ม ค่าครองชีพก็สูงขึ้น ในขณะเดียวกันลูกค้าเก่าก็มักจะต่อรองขอให้ MFEC ลดราคาให้
โจทย์ก็คือจะทำยังไงถึงจะเก็บเงินลูกค้าน้อยลงโดยที่ MFEC ยังกำไรเท่าเดิม
พี่เล้งบอกว่าทำได้ด้วยการใช้ turnover ให้เป็นประโยชน์ เช่นพนักงานที่ออกไปเงินเดือน 40,000 เราอาจหาคนเงินเดือน 30,000 เข้ามาทำแทน ซึ่งการจะทำอย่างนี้ต้องมีระบบการถ่ายทอดความรู้และการวางแผนที่ดีเพื่อให้โปรเจ็คไม่สะดุด
คนลาออกไม่ใช่ปัญหา จะเป็นปัญหาเฉพาะการออกแบบเซอร์ไพรส์ที่เราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนเท่านั้น
อ่านความลับของฟ้าข้อที่ 8-17 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ
https://anontawong.com/2022/10/25/heaven-secrets-leng-siriwat/
18 บันทึก
22
2
25
18
22
2
25
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย