26 ต.ค. 2022 เวลา 10:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุนของ BMK ใน Q4 ปี 2022
1. สภาวะการลงทุนเป็นอย่างไร
1.1) Economic Growth
- การเติบโตของ GDP ถูกปรับลดลงในปี 2023
- ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเติบโตทั่วโลกชะลอตัวลงคือนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นโดยทั่วไป โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งเกินเป้าหมายของเงินเฟ้อที่เกินคาด การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายปลอดโควิด-19 ของจีน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกเช่นกัน และความอ่อนแอของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำให้การเติบโตของจีนช้าลงเหลือเพียง 3.2% ในปี 2565
1.2) Inflation
แม้เงินเฟ้ออาจอาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ ซึ่งจะอาจใช้เวลานานกว่ากลับเข้าสู่ระดับปกติ
Global Inflation rate เพิ่มสูงขึ้น และจะค่อยทยอยปรับลดลงในปีต่อไป และแถบประเทศ Euro มี inflation ที่สูงเทียบกับพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากมีสงคราม
1.3) Monetary Policy Rate
ธนาคารกลางของแต่ละประเทศขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูง โดยเฉพาะ Fed มีท่าที Hawkish ในการขึ้นดอกเบี้ยมาก
1.4) Bond in Bear Market
การขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าปกติ ทำให้ตลาดตราสารหนี้เข้าสู่ Bear market ในรอบ 20 กว่าปี โดยเฉพาะ Long-Term Bond จะได้ผลกระทบมากที่สุด
ตัวอย่างพอร์ต Conservative หุ้น 20% / ตราสารหนี้ 80%
ทำการทดสอบด้วย S&P500 ETF เป็นกองทุนดัชนี S&P500 และ AGG ETF เป็นกองทุน USA ตราสารหนี้ โดยทดสอบปี 2004 – Aug 2022
เนื่องจาก bond ปรับตัวลดลงมามาก ส่งผลให้พอร์ตแบบ Conservative ที่มีตราสารหนี้อยู่ 80% ก็ปรับตัวลงมาเช่นด้วยกัน โดยที่มี Max Drawdown ประมาณ -1x% ซึ่งมากกว่าปกติไม่เคยเกิน -10% ในรอบ 18 ปี
1.5) Market Performance
ประเทศส่วนใญ่จะปรับตัวลดลงมากกว่า ACWI World Index แต่อย่างไรก็ตาม หุ้นประเภทคุณค่า จะ outperform กว่าตลาดในช่วงนี้
ประเทศส่วนใญ่จะปรับตัวลดลงมากกว่าตลาด ยกเว้นบางประเทศ เช่น ไทย , อินโดนีเซีย และ Saudi Arabia ที่มีสัดส่วนหุ้นพลังงาน อยู่มาก
อุตสาหกรรมที่มีความ defensive เช่น Health , Consumer Staples และ Utilities อุตสาหกรรมที่ไปกับเงินเฟ้อ เช่น Energy อุตสาหกรรมการเงินที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกบี้ย กลุ่มเหล่านี้จะตกน้อยกว่าดัชนีตลาด
1.6) Global Stock Valuation
- Valuation ของ ตลาดหุ้นโลก ปรับลดลงมามากต่ำกว่า PE 15
- จีน ยุโรป ปรับลงมาเกือบถึง PE 10 โดยเฉพาะ เวียดนามต่ำกว่า 10 แล้ว
PE ของตลาดหุ้นอเมริการปรับลดลงมา เกือบจะถึงเส้น PE 15 และ PEG อยู่ที่ 1.2 ลดลงมาต่ำในระดับที่น่าสนใจ
PE ของรายกลุ่มอุตสาหกรรม ปรับลดลงมามาก เทียบกับปี 2020-2021 โดยเฉพาะกลุ่ม technology และ consumer Discretionary แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมี PE สูงกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ
1.7) Business Cycle Framework
- จากรูป Business Cycle US , UK และ Eurozone อยู่ใน Late Cycle กำลังจะเข้าสู่ Recession Cycle
- ส่วน จีนเข้าสู่ Recession Cycle และ มี แสดงสัญญาณเริ่มต้นของการเติบโตจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยท่ามกลางการกระตุ้นนโยบายที่เพิ่มขึ้น
2. Investment Strategy
สิ่งที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจคือ ตลาดหมีเป็นเรื่องปกติ ตลาดหมีและ Recession เป็นสิ่งหนึ่งในวงจรชีวิตของการลงทุน มันเกิดขึ้นเสมอและจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ตลอดไป
2.1) กลยุทธ์การลงทุน
2.2) Power Conservative
- ยังคงมีสัดส่วน หุ้นและตราสารหนี้เหมือนดิม
- แต่จะเปลี่ยนแปลงส่วนที่เป็น Core กระจายสัดส่วนของกองทุนดัชนีโลก TMBWDEQ โดยไปเพิ่มสัดส่วนไปยังกองทุนที่เน้นหุ้นคุณค่าแบบ SCBPGF และ SCBSET50 และเพิ่มส่วนของกองทุนหุ้นเติบโตแบบ K-USXNDQ-A(A)
- เปลี่ยนกองทุนตราสารหนี้ จาก KFAFIX-A เป็น KKP ACT FIXED
2.3) Power Balance
- ปรับสัดส่วนหุ้น จาก 45% เหลือ 35% โดยไปปรับที่ กองทุนในส่วน Satellite
- ส่วน Core เพิ่มกองทุน SET10 ในสัดส่วนของหุ้นเน้นคุณค่า
- เปลี่ยนกองทุนตราสารหนี้ จาก KFAFIX-A เป็น KKP ACT FIXED
2.4) Power Balance Income
- สัดส่วนกองทุนหุ้นและกองทุนแบบผสม จาก 80% เหลือ 65% โดยไปเพิ่มตราสารเงิน
2.5) Power Growth
- ปรับสัดส่วนหุ้น จาก 75% เหลือ 60% โดยปรับที่กองทุนในส่วน Satellite แบบ Sector โดยปรับ อุตสาหกรรม Semiconductor ออกไปเป็น Healthcare เพื่อความเป็น defensive มากขึ้น
- ส่วน Core เพิ่มกองทุน SET50 ในสัดส่วนของหุ้นเน้นคุณค่า
- เปลี่ยนกองทุนตราสารหนี้ จาก KFAFIX-A เป็น KKP ACT FIXED
บทความโดย
สมพจน์ พัดสุวรรณ AFPT / IP
BMK Wealth Management "เคียงข้างทุกความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน"
#BMKWealth
#เคียงข้างทุกความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
#SustainabilityForAll
โฆษณา