26 ต.ค. 2022 เวลา 11:30 • ยานยนต์
ทำไม ‘Toyota’ ค่ายรถเบอร์ 1 ของโลก ยอมตกขบวนกระแส EV
กระแสรถยนต์ไฟฟ้าหรือ ‘EV’ มาแรงจนทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต่างเดินหน้าเต็มกำลังกับรถยนต์ไฟฟ้ากันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตลาดอย่าง ‘Tesla’ จากสหรัฐอเมริกา หรือแบรนด์จีนที่กรุยทางมาก่อนอย่าง ‘BYD’ และ ‘MG’ ก็ขับเคี่ยวกันเข้มข้น
แม้แต่ Mercedes-Benz, Audi, Porsche รวมถึง Volkswagen จากฝั่งยุโรป ก็กระโดดไปกับรถไฟขบวนนี้เช่นเดียวกัน
2
สวนทางกับกลยุทธ์ของ ‘Toyota’ ค่ายรถจากญี่ปุ่นที่เราคุ้นชื่อกันดี ที่เพิ่งจะเริ่มขยับตัวทีหลัง ทั้งที่เคยเป็นผู้ที่บุกเบิกรถยนต์ระบบไฮบริดมากว่า 20 ปี จากความสำเร็จของ ‘Toyota Prius’ รถยนต์ไฮบริดมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ออกวางขายจริง
2
แม้ว่าเพิ่งจะมีการเปิดตัว ‘bZ3’ ที่เป็นการร่วมพัฒนากับ Subaru มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งเป็นรุ่นที่สองจากโตโยต้าตามมาจากรุ่น ‘bZ4X’ และโตโยต้ายังมีเป้าหมายเปิดตัว EV ทั้งหมดถึง 30 รุ่นภายใน 9 ปี
5
แต่ก็ถือว่าโตโยต้าออกมาช้ามาก ถ้าเทียบกับค่ายรถคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง General Motors และ Ford และแถมล่าสุดยังมีข่าวหลุดออกมาว่ากำลังปรับแผนทั้ง 30 รุ่นกันใหม่ รวมไปถึงหยุดการพัฒนาในบางรุ่นไปชั่วคราวด้วย
1
เกิดอะไรขึ้นกับโตโยต้า? การก้าวไปสู่ EV ทั้งคันช้ากว่าคนอื่นนี้เป็นความตั้งใจหรือแค่ตกขบวนกันแน่? TODAY Bizview ชวนวิเคราะห์ไปด้วยกัน
[ รถยนต์ไฟฟ้าเป็นแค่ทางเลือก แต่ไม่ใช่ทางออกสุดท้าย ]
4
โตโยต้าย้ำมาหลายปีแล้วถึงความไม่พร้อมของเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนให้รถทั้ง 100% บนโลกกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าได้ทันที ด้วยปัญหาหลักจากเวลาการชาร์จ และระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จยังไม่สามารถสู้เครื่องยนต์สันดาปหรือรถยนต์ไฮบริดได้
5
ผู้บริหารของโตโยต้าเชื่อว่าแต่ละพื้นที่บนโลกจะมีความสามารถในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ได้แตกต่างกัน ซึ่งจะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานของท้องถิ่น รวมไปถึงการจัดการพลังงาน
2
เรื่องนี้ตอกย้ำโดย ‘กิลล์ แพรตต์’ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์และซีอีโอของสถาบันวิจัยโตโยต้า (Toyota Research Institute) ที่ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า “เราไม่สามารถบังคับให้ทุกคนบนโลกเปลี่ยนมาใช้วิธีเดียวกันได้ แม้แต่ในเรื่องสิ่งแวดล้อม เราก็ต้องมีวิธีให้ทุกคนสามารถช่วยกันลดมลภาวะได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน”
4
นั่นทำให้ ในขณะที่โตโยต้าทุ่มงบกว่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงทุนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 30 รุ่น ให้สำเร็จในปี 2030 แต่โตโยต้าก็ยังคงลงทุนในรถยนต์ไฮบริดอย่าง ‘Prius’ และทางเลือกอื่นๆ ที่จะมาเทียบเคียงกับ BEV ได้ อย่างรถยนต์พลังไฮโดรเจนซึ่งรวมถึง ‘Mirai’ รุ่นที่สองด้วย
6
โดยรถยนต์พลังไฮโดรเจนมีการทำงานภายในคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ แต่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่เกิดจากไฮโดรเจนและออกซิเจน ทำให้มันไม่มีการปล่อยไอเสียโดยสิ้นเชิง จะมีก็แค่ไอน้ำออกมาจากท่อไอเสียเท่านั้น ซึ่งตัวรถสามารถเติมไฮโดรเจนได้ในเวลาใกล้เคียงกับการเติมน้ำมันรถยนต์ทั่วไป
3
อย่างไรก็ตาม รถยนต์พลังไฮโดรเจนก็ต้องเจออุปสรรคเช่นเดียวกันกับ EV พูดง่ายๆ คือ โตโยต้าต้องวางสถานีเติมไฮโดรเจนใหม่ทั่วโลก ให้เทียบเท่าสถานีน้ำมันแบบดั้งเดิม ซึ่ง “คนจะไม่ซื้อรถถ้าไม่มีสถานีมากพอ” และ “นักลงทุนก็ไม่อยากสร้างสถานีถ้ายังไม่มีรถยนต์มากพอ”
4
นอกจากไฮโดรเจนแล้ว โตโยต้าเองก็ให้ความสนใจไปทางการวิจัยเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (E-Fuels) ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ที่ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ เพื่อจะมาทดแทนการใช้น้ำมันในรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนอีกด้วย
4
ที่น่าสนใจคือ โตโยต้าไม่ได้ยืนสวนกระแสนี้อยู่แค่ลำพัง เพราะเครือ Stellantis รวมถึงค่ายรถญี่ปุ่นอีกหลายเจ้าเอง ก็ยังยืนยันที่จะไม่ทิ้งรถยนต์น้ำมันและไฮบริดไปเหมือนที่หลายแบรนด์ชั้นนำออกมาจับมือเลิกผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันภายในปี 2040
4
[ วัตถุดิบผลิตมีไม่พอต่อเป้าหมายของค่ายรถทั่วโลกรวมกัน ]
3
เพื่อไปถึงเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ภายในปี 2050 ได้ เราอาจต้องเปลี่ยนรถยนต์บนโลกให้เป็น EV ถึง 2,000 ล้านคัน ซึ่งนั่นก็หมายถึงการใช้แร่ที่มีจำกัดในจำนวนมหาศาลในการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าแบบ ‘ลิเธียมไอออน’ (Li-ion)
9
‘อากิโอะ โทโยดะ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโตโยต้า เชื่อว่าวัตถุดิบที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างลิเธียมและนิกเกิลเกรดที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่จะ “ขาดแคลนอย่างมาก” ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
2
ซึ่งก็สอดคล้องไปกับที่องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าลิเธียมจะขาดแคลนภายในปี 2025 ตามมาด้วยโคบอลต์ภายในปี 2030 และนิกเกิลภายในปี 2040
2
และแม้ว่าโตโยต้าจะมีการเตรียมแบตเตอรี่แบบ ‘โซลิดสเตต’ (Solid-State) ซึ่งชาร์จไฟได้เร็วกว่า น้ำหนักเบากว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบ ‘ลิเธียมไอออน’ (Li-ion) เพื่อนำมาใช้วางขายจริงในปี 2025 แต่โตโยต้ากลับเลือกนำมาใส่ในรถยนต์ไฮบริดก่อน
2
โดยโตโยต้าให้เหตุผลว่าแบตเตอรี่แบบใหม่นี้จะยังมีราคาในการผลิตที่สูง ดังนั้นการนำไปใช้ในรถยนต์ไฮบริดที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า จะทำให้สามารถคุมราคาของรถยนต์ได้มากกว่า ส่วนเรื่องอายุการใช้งานจะมีประสิทธิภาพแค่ไหน ก็ต้องวัดจากรถยนต์ไฮบริดอีกที
1
ด้วยทั้งสองเหตุผลด้านแบตเตอรี่ ก็พอจะเห็นได้ว่ากลยุทธ์ผลักดันรถยนต์ไฮบริดของโตโยต้าก็ดูมีความสมเหตุสมผลอยู่พอสมควร
[ รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ใช่กระแสหลัก รักษ์โลกเป็นเพียงคำโฆษณา ]
5
อากิโอะ โทโยดะ ย้ำมาตั้งแต่ก่อนเกิดกระแส EV ว่า “ยิ่งเราเหยียบคันเร่งเข้าสู่สังคม EV เร็วเท่าไหร่ จะกลับยิ่งเป็นการทำลายโลก”
3
เขายังอ้างถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกวันนี้หลักๆ ยังมาจากถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งถ้าทั้งโลกยังคงผลิตไฟฟ้ามาจากแหล่งเดิม มันก็ยังทำให้เกิดมลพิษอยู่ดี
6
โดย 61% ของไฟฟ้าทั้งโลกในปี 2021 ถูกผลิตจาก ‘เชื้อเพลิงฟอสซิล’ เช่น ถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติหรือปิโตรเลียม
4
นอกจากนั้น เรื่องโครงสร้างพื้นฐานก็เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดัน EV โดยถ้ายกตัวอย่างจากประเทศญี่ปุ่นที่แม้จะครองแชมป์อุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ในด้านสถานีชาร์จก็ยังมีจำนวนน้อย และเนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ลำพังแค่การมีที่จอดรถก็ยากแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงการติดตั้งแท่นชาร์จในบ้านด้วยซ้ำ
2
สิ่งนี้สะท้อนกลับไปที่ความเชื่อของเหล่าผู้บริหารโตโยต้าที่บอกว่าไม่ใช่ทุกพื้นที่จะพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของ EV ในทันที และ ‘อากิโอะ โทโยดะ’ ยังเสริมอีกว่านโยบายแบนรถยนต์น้ำมันในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน “อาจทำไม่ได้จริง” ด้วยซ้ำ
3
เพราะฉะนั้นรถยนต์น้ำมันและไฮบริดก็ยังคงมีความจำเป็นและสะดวกกว่าสำหรับคนอีกมากที่ไม่พร้อมเปลี่ยนไป EV ในมุมมองของโตโยต้า
[ ตั้งใจหรือตกขบวน ]
1
ที่ผ่านมา ในขณะที่ค่ายอื่นกระหน่ำเปิดตัว EV กันมาหลายต่อหลายรุ่น โตโยต้ายังคงประกาศชัดเจนว่ารอเวลาที่เหมาะสม จนกระทั่งมาเปิดแผนผลิตกว่า 30 รุ่น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความ “ช้า” ครั้งนี้
3
แต่ความเป็นจริงในแง่ของการวิจัยและพัฒนา โตโยต้าเคยบุกเบิกผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% วางขายในสหรัฐอเมริกา ในรุ่น ‘RAV4 EV’ ที่มาก่อนกาลตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1990 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จพับรถรุ่นนี้กลับไป
1
จึงเป็นคำถามที่ตอบไม่ได้แน่ชัดว่าโตโยต้าตั้งใจวางกลยุทธ์ในการรอให้ตลาดเริ่มเข้าที่ มีโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมก่อนที่จะวางขาย หรืออาจจะแค่ตกขบวนเพราะเข็ดจากความล้มเหลวในอดีตกันแน่
แต่การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นได้เสมอ และก็คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความมั่นใจของโตโยต้าเช่นกัน
#TODAYBizview
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
โฆษณา