27 ต.ค. 2022 เวลา 04:49 • ธุรกิจ
Argo AI สตาร์ตอัปพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ประกาศปิดตัว หลัง Ford และ Volkswagen เลิกหนุน
Argo AI สตาร์ตอัปพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับได้แจ้งกับพนักงานภายในบริษัทถึงการตัดสินใจไม่ดำเนินกิจการในฐานะบริษัทอีกต่อไป หรือว่าง่าย ๆ ก็คือประกาศปิดตัว
แม้ว่าในการประกาศ บริษัทจะไม่ได้เหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมถึงปิดตัวกระทันหัน แต่ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการที่บริษัทไม่สามารถหาเงินลงทุนเพิ่มได้ หลัง Ford และ Volkswagen สองผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ เลิกให้เงินสนับสนุนแล้วนั่นเอง
ที่ผ่านมา Argo AI ได้รับเงินสนับสนุนจาก Ford ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 37,800 ล้านบาท)
และได้รับเงินสนับสนุนจาก Volkswagen อีก 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 98,300 ล้านบาท)
ในการปิดตัวครั้งนี้ พนักงานของ Argo AI ที่มีอยู่ราว 2,000 คน จะได้รับแพ็กเกจชดเชย และเงินโบนัสพิเศษ
ส่วนพนักงานบางคนก็อาจจะถูกเสนอให้ไปทำงานในการพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับต่อที่ Ford หรือ Volkswagen ต่อไป
สำหรับ Ford เพิ่งประกาศผลประกอบไตรมาส 3 ปี 2022 ที่ผ่านมา พบว่า ขาดทุนถึง 827 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31,000 ล้านบาท) ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการนำเงินไปลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ
ซึ่งในการประกาศผลประกอบการได้มีการพูดถึง Argo AI ว่าไม่สามารถเปิดตัวบริการแท็กซี่ไร้คนขับได้ภายในปี 2022 ตามกำหนด รวมถึงยังไม่สามารถดึงดูดให้นักลงทุนรายใหม่ ๆ เข้ามาลงทุนได้ด้วย
โดย Ford จะหันมาพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีไร้คนขับระดับ 2+ และ 3 ที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองในระดับหนึ่ง จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะพึ่งพาเทคโนโลยีไร้คนขับระดับ 4 ที่ไม่จำเป็นต้องมีคนขับเลยของ Argo AI
ส่วน Volkswagen เอง ก็มี Cariad บริษัทย่อยที่พัฒนาซอฟต์แวร์เทคโนโลยีไร้คนขับ ที่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาชิปสำหรับยานยนต์ในประเทศจีน พัฒนารถยนต์ไร้คนขับในประเทศจีน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายบริษัทหันมาพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับมากขึ้น จนเกิดการแข่งขันค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น บริษัทรถยนต์ หรือสตาร์ตอัปหน้าใหม่
สำหรับในประเทศสหรัฐฯ มี Waymo ของ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) และ Cruise ของ General Motors ที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการรับส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ไร้คนขับในบางรัฐแล้ว
ในขณะที่ Argo AI ยังไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่โดดเด่น จึงกลายเป็นว่า สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลง เพราะพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ทันบริษัทอื่น และไม่ดึงดูดให้นักลงทุนนำเงินมาลงทุนเพิ่มเติม
แม้ว่าบริษัทตั้งเป้าจะ IPO ด้วยมูลค่าบริษัท 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 264,600 ล้านบาท) ในเร็ว ๆ นี้ก็ตาม..
โฆษณา