"อย่าออกมาที่ถนน วันนี้จะเป็นการจราจลวันสุดท้าย"
นี่คือคำพูดที่เป็นเหมือนคำเตือนครั้งสุดท้ายของ Hossein Salami หัวหน้าหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน ที่ส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประชาชนผู้ชุมนุมประท้วงว่า หลังจากนี้หากยังฝ่าฝืนคำสั่งออกมาชุมนุมบนท้องถนนและสถานที่ต่าง ๆ กันอีก รัฐบาลอิหร่านจะใช้มาตรการปราบปรามที่รุนแรงขึ้น
นับตั้งแต่การเสียชีวิตของ มาห์ชา อามินี เมื่อเดือนที่แล้ว การชุมนุมประท้วงที่ถูกยกให้เป็นการท้าท้ายอำนาจรัฐของอิหร่านครั้งใหญ่ที่สุดนับจากการปฏิวัติในปี 1979 ก็เกิดขึ้น
ท่าทีที่ไม่ยอมอ่อนลงของกลุ่มผู้ประท้วง แม้มีรายงานการถูกทำร้ายและเสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลอิหร่านมองว่า มีความจำเป็นจะต้องยกระดับการปราบปรามขึ้นไปอีก
เพราะ ณ ตอนนี้ เป้าหมายของการประท้วง ไม่ใช่การเรียกร้องความยุติธรรมให้อามินีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่เป้าหมายของผู้ชุมนุมประท้วงที่ไม่มีแกนนำในครั้งนี้ เปลี่ยนเป็น การปฏิวัตและล้มรัฐบาลที่พวกเขามองว่ากดขี่ข่มเหงออกไป
Hossein Salami กล่าวพาดพิงไปถึงสหรัฐและอิสราเอล คู่ขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศของอิหร่านว่าประเทศเหล่านี้คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
"แผนชั่วร้ายในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากทำเนียบขาวและพวกระบอบไซออนนิสต์"
"จงอย่าขายเกียรติของคุณให้อเมริกาและอย่าตบหน้ากองกำลังพิทักษ์อิสลามที่กำลังปกป้องพวกคุณอยู่"
ความรุนแรงของการชุมนุมเริ่มขยายวงกว้างออกไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยและบนท้องถนนทั่วประเทศ
เริ่มมีการจุดไฟเผารถของตำรวจหลายคัน หลังมีเสียงปืนและสัญญาณการปราบปรามเกิดขึ้น
ตลอดระยะเวลาการชุมนุมกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หน่วยงานหลักที่ใช้ในการควบคุมและปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงก็คือหน่วยตำรวจพิทักษ์ศีลธรรม
แต่คาดว่าหลังคำประกาศเตือนในครั้งนี้ ทหารกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม จะถูกส่งเข้ามาจัดการเอง
ซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่ากลัวในสายตาของสื่อมวลชน ที่มองว่า ความรุนแรงและการนองเลือดจะหนักหนาขึ้นอย่างแน่นอน
สำนักข่าวอิสระอย่าง HRANA รายงานว่า จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามแล้วราว 272 คน แลเถูกจับกุมไปทั้งสิ้น 14,000 คน
ผู้ถูกจับคุมหลายคนกำลังจะถูกนำตัวขึ้นศาลพิจารณาคดีในข้อหา "โมฮาเรเบห์" หรือข้อหาทำสงครามกับพระเจ้า...
References;
ติดตามอ่านบทความได้ที่
- 17
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
