30 ต.ค. 2022 เวลา 12:11 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปงบ Big tech ดั้งเดิม FAAAN
ขอไล่ตามความเห็น BottomLiner ตั้งแต่แย่สุดไปจนถึงดีสุดนะครับ
=====
#ขอTieInนิดหนึ่งนะครับ
บทความนี้เป็นตัวอย่างบทความจากกลุ่ม exclusive รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ >>https://www.facebook.com/1366426383372492/posts/pfbid032DhSByf4id4QQVduNkBjumTKj2gHEYGwh9Nt8XHivapkELYnKeRR2nxmPUnrLBQcl/
หรือทั กมาคุยกับเราได้เลย
=====
เริ่มจากแย่สุด Meta
.
1. ความเห็นทุกคนคงเอกฉันท์ว่าพี่มาร์คกำลังเดินผิดทางอย่างน้อยก็ในระยะสั้น ราคาหุ้นตกมาแล้ว 70%+ หลังประกาศลุย Metaverse เปลี่ยนสภาพหุ้นจาก Big tech ตัวใหญ่กลายมาเป็นหุ้น mid cap
2. ยอดผู้ใช้งานไม่โตแล้วเรื่องนี้เข้าใจได้ แต่ ARPU ลดลงติดกัน แถมไตรมาส 4 คาดว่าจะลดอีกถ้าเทียบปีต่อปี เป็นอะไรที่ผู้ถือหุ้นไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งตอนนี้ถึงเวลายอมรับกันซักทีว่า story ที่นักลงทุนเล่นกันมาหลายปีว่าหวังเห็นรายได้จากเอเชียของ Facebook ขึ้นมาใกล้กับสหรัฐนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะ ARPU ต่างกันราว 10 เท่า และไม่มีทิศทางจะขยับมาใกล้กันเลย เพราะพื้นฐานแล้วคนสหรัฐก็มีกำลังซื้อมากกว่าเอเชียประมาณ 10 เท่า
3. พี่มาร์คดึงดันจะทุ่มงบทำ Metaverse ต่อไป เทงบลงทุนรวม $32 bn ในปีนี้ ส่วนใหญ่คือลงทุนไปกับ data center และจะเพิ่มเป็น $36 bn ในปีหน้า แถมด้วยจ้างพนักงานเพิ่มอีกมากมาย สวนทุกกระแสประหยัดงบของทุกบริษัท
1
4. ความสำเร็จ Metaverse วันนี้ยังน้อยยิ่งนัก เอาง่ายๆ ก็ลองถามคนใกล้ตัวเราว่าเคยคิดจะใช้บ้างไหม แน่นอนว่าหลายคนยังแทบไม่รู้จัก ถือเป็นการเดินเกมแปลกๆ เหมือนมีเด็กดื้อจะลุยท่าเดียว
BottomLiner มีมองไปว่าพี่มาร์คแกเซ็นบริจาค 99% ของทรัพย์สินไปแล้ว บางทีพี่เขาคงไม่ได้สนใจราคาหุ้นซักเท่าไหร่…
มุมมองกลางๆ Alphabet, Amazon, Apple
1. สามตัวนี้เหมือนกันตรงที่มีโอกาสการเติบโตของธุรกิจใหม่สร้างไว้รอแล้ว เช่น Google Cloud, AWS Cloud ของ Amazon, ธุรกิจ software ของ Apple ที่รอขอแชร์รายได้จาก App store ได้อีกมากมาย หรือเป็นเรื่อง Apple Car ที่ลุ้นกันมาหลายปีแต่ไม่ยอมเปิดตัวซักที
2. Apple พัฒนา Hardware ตรงใจ Apple fanclub มากขึ้น อย่างการเริ่มใช้ชิพตระกูล M ได้ผลดีสุดๆ สามารถสเกลไปขายกับหลายอย่าง ล่าสุด Macbook M2 เปิดตัวรายได้สูงสุดตั้งแต่ขาย Macbook มา และยังสวนทางยอดขายโน้ตบุ้คทุกแบรนด์ที่กำลังหดตัว
3. เกิดเป็นบริษัทเมกันช่างดีเหลือเกิน เพราะรัฐบาลลงมาช่วยปูทางให้เดินสะดวกขึ้น เคสของ Apple มีการแบน Huawei ทิ้ง เตะตัดขาคู่แข่ง นอกจากนี้ยังขู่ๆ จะแบนมือถือจีนอยู่เรื่อยๆ
ทางด้าน Google, Amazon, Microsoft ได้ผลดีจากความไม่น่าเชื่อถือ Cloud จีน ทำให้ 3 เจ้านั้นมีแต้มต่อพอสมควร ซึ่งเทคโนโลยีที่ดีกว่าด้วย จึงกลายเป็นว่า Cloud สหรัฐได้ครองตลาดทั้งโลกยกเว้นแค่ในจีน เหลือการเติบโตอีกมาก
4. Amazon กำลังเร่งสเกล Prime video มาแข่งตลาด streaming โดยจุดแตกต่างคือมีช่องถ่ายทอดสดกีฬาเข้ามาด้วย เช่นในสหรัฐมีให้ดู NFL บางเกมส์เพราะประมูลมาแค่นี้ หรือถ่ายฟุตบอลในยุโรป ซึ่ง BottomLiner ดูแล้วว่า Amazon กำลังรอโอกาสประมูลกินรวบลิขสิทธิ์กีฬาใหญ่ๆ เช่น ฟุตบอล Premier League หรือ NFL, NBA และนำมาฉายแค่สำหรับ Prime member ถ้าอยากดูก็ต้องสมัคร ซึ่งจะมีโอกาสเสนออย่างอื่นให้คนสมัครอีกมากมาย
5. Alphabet รายได้โฆษณาชะลอแต่ธุรกิจใหม่ Google Cloud จุดติดแล้ว เลยไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือน Meta ส่วนการโดนปิดกั้นห้ามเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน iOS ผลกระทบก็ไม่ได้เยอะอะไรเพราะลักษณะการใช้งาน Google, Youtube เป็น search จึงเห็นข้อมูลด้วยตัวเองอยู่แล้ว
มุมมองดีสุดคือ Netflix !!
1. แผนขยายรายได้เบสิคมากๆ “ให้คนแชร์ Netflix ต้องจ่ายเพิ่ม” ช่วงที่ผ่านมา 1 account ใช้ร่วมกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเบื้องต้น Netflix จะให้คนที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่ใช้ account เดียวกันจ่ายเพิ่มคนละประมาณ 100 บาท ถ้าลองคิดดูแล้วยังถูกมากเมื่อเทียบกับการดูหนังนอกบ้าน
2. ถ้าคนรู้สึกว่าแพงไปก็เตรียมแพคเกจใหม่ราคา 6.99 USD แต่มีโฆษณาไว้รอแล้ว จากของเดิมราคาถูกสุด 9.99 USD ส่วนที่หายไป 3 USD ค่าโฆษณาแทนได้สบายๆ เพราะตลาดที่ Netflix เสนอบริการนี้เป็นประเทศรวยอย่างเดียว เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี
3. ไม่เพิ่มงบ content แล้ว หมายความว่าค่าใช้จ่ายจะคงเดิม แต่รายได้เพิ่มขึ้น แน่นอนว่า margin จะเพิ่มขึ้นกลายเป็นกำไรเติบโตพุ่งและผู้บริหารบอกชัดไม่มีงบไปลงทุนใหญ่อะไร พร้อมเพิ่มปันผลต่อจากนี้
4. BottomLiner มองว่าเข้าเกณฑ์หุ้นใหญ่อื่น เมื่อรายได้โตช้าลงก็ไม่ฝืน หันมาโต margin แทน จะเห็นกำไรโตแรงๆ
BottomLiner
โฆษณา