คนหนึ่งเป็นปากกาหมึกซึมด้ามเก่าๆ อีกคนเป็นเพื่อนซี้ของเผด็จการ
ดูๆไปมุกเก่าๆในการเลือกตั้งครั้งนี้...
บราซิลคงมีหวัง มากกว่าประเทศไทย...
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
“คนแก่” คนนี้ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ลุลา ชนะหวุดหวิด 1.8 เปอร์เซ็นต์ จะรับหน้าที่ประธานาธิบดีบราซิลอีกครั้ง
การลงคะแนนเสียงรอบที่สองในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของบราซิลสิ้นสุดลงแล้ว อดีตประธานาธิบดี Luiz Inácio Lula da Silva เอาชนะ Jair Bolsonaro อย่างหวุดหวิด
แม้คะแนนโหวตต่างกันไม่มากนัก แต่ผู้ชายคนนี้จะหยุดเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ เมื่อขึ้นสู่อำนาจได้หรือไม่???
จากการระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจของบราซิล
ได้เร่ง "การกลับมา" ของ ลูลา (Lula) อีกครั้งในวันนี้...
ด้วยการเลือกตั้งทั่วไปของบราซิลที่เรียกว่า "การเผชิญหน้าระหว่างประธานาธิบดีสองคน"
มาบัดนี้... ได้รับการตัดสินแล้ว
ผู้สนับสนุน Lula ร้องไห้ด้วยความยินดี
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม มีการประกาศการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลรอบที่ 2 โดยอดีตประธานาธิบดีวัย 76 ปี
และผู้สมัครชิงตำแหน่งพรรคแรงงานฝ่ายซ้าย
Lula เอาชนะประธานาธิบดีผู้ดำรงตำแหน่งอายุ 67 ปี และผู้สมัครชิงตำแหน่งพรรคเสรีนิยมฝ่ายขวาอย่าง Bolsonaro ด้วยคะแนน 50.8 % ของคะแนนเสียง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 3 คืนนั้นผู้สนับสนุนของ Lula ออกไปที่ถนนเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
กองเชียร์โบลโซนาโรต่างหลั่งน้ำตา ไม่ใช่กับการแข่งขันฟุตบอล
แต่เป็นการเอาชนะคู่ต่อสู้รุ่นใหญ่ได้ ในครั้งนี้...
ผู้สนับสนุน Lula ร้องไห้ด้วยความยินดี
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างผู้นำที่มีอำนาจและโดดเด่นที่สุดสองคน
ในด้านการเมืองด้านซ้ายและขวาของบราซิล การเลือกตั้งที่มีการโต้แย้งและแบ่งขั้วอย่างดุเดือด
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ลูลาที่เกิดในวัยทำงานถือได้ว่าเป็น "นักการเมืองฝ่ายซ้ายที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา"
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของบราซิล 2 สมัยระหว่างปี 2546 ถึง พ.ศ. 2553
ในช่วงการปกครองของ Lula เศรษฐกิจของบราซิลเติบโตอย่างรวดเร็วและอิทธิพลระหว่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
Bolsonaro และ Lula
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับความสนใจจากทั่วโลก
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
บราซิลส่งเสริมกลไกความร่วมมือ BRICS อย่างแข็งขัน ก่อตั้งสหภาพประชาชาติอเมริกาใต้ และสนับสนุนการรวมกลุ่มในละตินอเมริกาและ CELAC
โครงการ "Zero Hunger" ของ Lula ได้ช่วยผู้คนหลายสิบล้านคนจากชนชั้นกลางและชั้นล่างให้พ้นจากความยากจนสุดขีด ได้จริงๆ....
เมื่อเขาออกจากตำแหน่ง ปรากฏว่าอัตราการอนุมัติโครงการของเขาสูงถึง 80% และเขาจึงถูกเรียกว่า "ประธานาธิบดีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบราซิล"
ส่วน Bolsonaro ทหารพลร่มมีประสบการณ์ทำงานเกือบ 30 ปีในรัฐสภาของบราซิล
เขาชนะการเลือกตั้งในปี 2561 และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2562 หลังจากขึ้นสู่อำนาจ แล้วเขาก็ผลักบราซิลให้ "ฉิบหาย เฮ้ยยย.. ให้เลี้ยวขวา" โดยทันที
ลูลาโบกมือให้ผู้สนับสนุนข้างถนนหลังจากโหวตเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม
เขาสนับสนุนการครอบครองให้ถูกต้องตามกฎหมายของการเป็นเจ้าของอาวุธปืน
และใช้จุดยืนที่อนุรักษ์นิยมในประเด็นทางสังคม จนสื่อเรียกเขาว่า "ชาตินิยมที่หยิ่งผยอง" และ "ทรัมป์ที่2"
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
จากนโยบายการตอบสนองห่วยๆของเขาต่อการระบาดครั้งใหม่
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาอื่นๆ ทำให้เกิดความขัดแย้งมากมาย
แต่...ในฐานะ "คนแก่" ในเวทีการเมือง
ทั้ง Lula และ Bolsonaro มี "ผู้สนับสนุนไม่ยอมใครง่ายๆ" อยู่เป็นจำนวนมาก
โบลโซนาโร(Bolsonaro)
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ผู้สนับสนุนทั้งสองฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กันอย่างมาก
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Lula เป็นผู้นำ Bolsonaro อยู่ก่อนในการจัดอันดับ แต่ไม่มีความแตกต่างกันมากระหว่างทั้งสอง
โพลในช่วงกลางเดือนกันยายนแสดงให้เห็นว่าลูลามีอัตราการไม่อนุมัติอยู่ที่ 47%
ในขณะที่อัตราการไม่อนุมัติของโบลโซนาโรอยู่ที่ 52%
ส่วนในประเด็นต่างๆ เช่น โรคระบาด เศรษฐกิจ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Lula ต่อต้านการแปรรูปโครงสร้างและสนับสนุนการเก็บภาษีจากคนรวยให้มากขึ้น
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในขณะที่ Bolsonaro ส่งเสริมการแปรรูปอย่างแข็งขันและสนับสนุนการปฏิรูปเงินบำนาญ
ในการรณรงค์หาเสียง ลูลาใช้เสียง(แหบๆของคนที่... มีเสน่ห์)ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ โบลโซนาโรว่า “เหมือนถูกปีศาจเข้าสิง”
โดยกล่าวว่าฝ่ายหลัง “ไม่เชื่อเรื่องยา และมีแต่คำโกหกของเขาเอง”
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ระหว่างการระบาดของโรคครั้งใหม่
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เพื่อไม่ให้พ่ายแพ้ Bolsonaro กล่าวหา Lula ในการอภิปรายเรื่องการจัดตั้ง "การปกครองแบบ Kleptocratic" ในบราซิล
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ซึ่งก่อให้เกิดการทุจริตอย่างร้ายแรง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ทำให้ในปี 2557 บราซิลเปิดตัวการสอบสวนต่อต้านการทุจริตแบบ "ล้างป่าช้า"
ตั้งแต่ปี 2560 ถึงปี 2562 Lula ถูกตัดสินว่ากระทำความผิดฐานทุจริตและก่ออาชญากรรมอื่นๆ ในสองกรณี
แต่ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 ผู้พิพากษาศาลฎีกาของบราซิลได้เพิกถอนคำตัดสินความผิดของลูลา
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ซึ่งช่วยให้เขาสามารถหาทางลงสมัครรับเลือกตั้งได้
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ส่วนตัวผมเชื่อว่าการระบาดของโรค และวิกฤตเศรษฐกิจของบราซิลได้เร่ง "การกลับมา" ของลูลาจริงๆ
โดยดูที่...ก่อนการระบาดของโรคระบาด
มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง และการพักผ่อน
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของ GDP ของบราซิล
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในช่วงที่เกิดโรคระบาด อุตสาหกรรมการบริการจึงได้รับผลกระทบอย่างหนัก
นอกจากนี้ ชาวบราซิลบางคนกำลังทำงานในพื้นที่เศรษฐกิจสีเทาที่ดูไม่มั่นคงอยู่แล้ว
ผู้คนจำนวนมากกลับสู่ความยากจนเนื่องจากรายได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นผู้คนจึงรังเกียจรัฐบาลของ Bolsonaro มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้และเริ่มคิดถึง "วันที่ดีๆ" ในช่วงเวลาของ Lula
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก จิตใจของผู้คนก็เปลี่ยนไป
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
และลูลาซึ่งมีภาพพจน์ทางการเมืองที่เป็นกลางและมั่นคง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
จนถูกผู้มีสิทธิเลือกตั้งเรียกร้องอีกครั้ง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เพื่อที่จะชนะผู้มีสิทธิเลือกตั้งระดับกลางต่อไป เขายังได้เชิญ Gerardo Alquemin อดีตผู้ว่าการรัฐเซาเปาโลซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านความคิดเห็นทางการเมืองในระดับปานกลางในฐานะคู่รองของเขาเข้าทีม
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
นอกจากการสร้างภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนแล้ว Lula ยังเล่นหงายการ์ดที่อบอุ่นอีกด้วย
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
โดยในเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา เขาแต่งงานกับซิลวา แฟนสาววัย 55 ปี ที่เซาเปาโล
เขาเคยแต่งงานมาก่อนถึงสองครั้งก่อนหน้านี้ในปี 2509 เมื่ออายุ 21 ปีกับมาเรียซึ่งเป็นคนงานหญิง
แต่น่าเสียดายที่ในปี 2514 มาเรียเสียชีวิตในการคลอดบุตรด้วยโรคปอดบวม
ในปี 2517 เขาแต่งงานกับมาริสาและมีลูกชายสามคน แต่เธอก็เสียชีวิตด้วยอาการป่วยด้วยเช่นกัน
ซึ่งในงานแต่งงานครั้งที่ 3 นี้ลุลาไม่ได้ขึ้นร้องเพลง แต่เขากล่าวว่า...
ในเดือนพฤษภาคม 2565 ลูลาและแฟนสาวของเขาแต่งงานกันในเซาเปาโล
ฉันเลือกแต่งงานใหม่เพราะฉันเชื่อว่าบราซิลสามารถซ่อมแซมได้ หากชายวัย 76 ปียังสามารถตกหลุมรักและแต่งงานได้ เขาจะเพียงต้องการทำให้ประเทศดีขึ้นเท่านั้น... ฮิ้ววววววว
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
และ "ชัยชนะแห่งรัก" ก็สลักบนของที่ระลึกทุกชิ้นที่มอบให้ในงานแต่งงาน
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
แต่.. ณ เวลานี้ Bolsonaro ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนการลงคะแนนรอบแรกว่า เขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ภายใต้ระบบการเลือกตั้งที่มีอยู่ของบราซิล
แต่ก่อนการลงคะแนนรอบที่ 2 เขาเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยเสียงอ๋อยๆว่า
หากแพ้การเลือกตั้ง เขาจะเลือกใช้มุก "มอบกระบอง(ทหาร)และเดินกลับบ้าน"
ตามรายงานของสื่อของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ เรียกการเลือกตั้งว่า " อิสระ ยุติธรรม และน่าเชื่อถือ"
และกล่าวว่าเขาตั้งตารอความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และบราซิล
ประธานาธิบดีเฟอร์นันเดซ(Alberto Ángel Fernández)ของอาร์เจนตินากล่าวว่าชัยชนะของลูลาว่าเป็นการ "เปิดศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์ลาตินอเมริกา ยุคที่เต็มไปด้วยความหวังและอนาคต"
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ก็กล่าวถึงผลการเลือกตั้งว่าเป็น "บทใหม่ในประวัติศาสตร์ของบราซิล"
ด้วยความสามารถที่เห็นอกเห็นใจคนระดับล่างๆ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในสายตาของชาวบราซิลหลายคน Lula เป็นประธานาธิบดี ที่สามารถเห็นอกเห็นใจคนระดับล่างได้จริงๆ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ลุลารายล้อมไปด้วยผู้สนับสนุน
“ในประเทศที่ชะตากรรมของชนชั้นสูงอยู่ในมือของชนชั้นสูงมาโดยตลอด มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับคนอย่างฉันที่จะเป็นประธานาธิบดี” ลูลากล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2547
ทำไมน่ะเหรอ... ถ้ายังไม่เหนื่อย กรุณาอ่านต่อครับ.... ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง...
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Lula เกิดในปี 2488 ในครอบครัวที่ยากจนใน Galaniwins ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ชื่อจริงของเขาคือ Luis Inacio da Silva ที่จริงแล้ว Lula เป็นชื่อเล่น ซึ่งหมายความว่า "ปลาหมึก" ในภาษาโปรตุเกส ฮาาาาา..
หลังจากที่เขาเกิดได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ พ่อของเขาออกจากบ้านไปเซาเปาโลเพื่อทำงานเป็นพนักงานท่าเรือ
เมื่อลูลาอายุ 11 ขวบ ดอนน่า แม่ของเขาพาเขาและพี่น้องอีกเจ็ดคนตามไปที่เซาเปาโล
และครั้งนั้นลูลาประสบกับความยากลำบากของชีวิตในเซาเปาโล
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เมื่ออายุได้ 12 ขวบ เขาทำงานเป็นเด็กชายขัดรองเท้าข้างถนน
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Lula โพสท่ากับน้องสาว
และยังช่วยบุรุษไปรษณีย์ส่งจดหมาย
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเขา
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
แม้ในปี 2546 เมื่อเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีครั้งแรก สื่อก็เรียกเขาว่า "ประธานาธิบดีขัดรองเท้า" และเขาก็ไม่สนใจ
กลับมาๆครับ.... ตอนอายุ 14 ลูลาลาออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานในโกดัง และต่อมากลายเป็นคนงานกลึงในโรงงานเหล็ก
เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาสูญเสียนิ้วก้อยของมือซ้ายเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากการทำงาน แต่การชดเชย(เพียงเล็กน้อย)จากนายจ้างของเขาช่างดูน่าสมเพช
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
สิ่งนี้ทำให้เขาเริ่มนึกถึง....ความอยุติธรรมทางสังคม
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เมื่ออายุ 21 ลูลาเข้าร่วมสหภาพแรงงานและเข้าไปพัวพันกับการเมือง
เมื่ออายุ 35 ปี เขาได้ก่อตั้งพรรคแรงงานโดยมีสหภาพแรงงาน ปัญญาชน และนักวิชาการ
ครั้งนั้น.เมื่อเขากำลังจะเรียกนัดหยุดงานโดยช่างเหล็กในเซาเปาโล เขาถูกรัฐบาลทหารจับกุมและพ้นโทษหลังจากการต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนัก
ในปี 2528 รัฐบาลทหารของบราซิลถูกโค่นล้ม
ปีต่อมา ลูลาได้รับเลือกเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ในปี 2532, 2537 และ 2541 ลูลาได้เป็นตัวแทนของพรรคแรงงานในการเลือกตั้งประธานาธิบดีถึง 3 ครั้ง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
แต่น่าเสียดายที่ทุกครั้ง......ล้มเหลว
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ลุลาตอนหนุ่มๆ
ลูลาซึ่งแพ้การเลือกตั้งหลายครั้ง เริ่มพยายามเปลี่ยนกลยุทธ์การหาเสียงของเขา
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เขาตระหนักว่าทัศนวิสัยการเมืองของเขา ไปไกลเกินไป
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งระดับกลางเริ่มกังวล
เขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ "หัวหน้าคนงานหัวรุนแรง" และขยับเข้าใกล้เส้นกลางมากขึ้น
ในการปราศรัยหาเสียง เขายังคงชอบเล่าเรื่องชีวิตที่ยากลำบากของเขา โดยเน้นว่าเขา "มาจากโคลนตม"
ในเวลาเดียวกัน เขาค่อยๆ เปลี่ยนเสื้อยืดตัวโปรดเป็นชุดสูท
และแก้ไขภาษาการเลือกตั้ง และเริ่มชื่นชมการลงทุนจากต่างชาติ
เพื่อนคนหนึ่งบอกเขาอย่างติดตลกว่า "ในงานแถลงข่าวคุณจริงจังเหมือนกบที่มีเครา นี่ไม่ใช่ Lula ที่เรารู้จัก"
นอกจากนี้เขายังแนะนำ Lula ว่า "ในทีวี คุณควรเป็นเหมือนคุณจริงๆในชีวิตจริง"
ปรากฎว่าการเปลี่ยนแปลงของ Lula นั้นมาถูกทาง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในปี 2545 ลูลาที่ลงเป็นครั้งที่ 4 ชนะในคราวเดียว และ "ยุคลูลา" ก็มาถึง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในปี 2546 ลูลาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของบราซิล
เมื่อ Lula เปิดตัว "หลักคำสอนของลูลา(Lula Doctrine)" ระหว่างการบริหารของเขา
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
และโปรแกรมหลักๆ คือการลดความยากจนและความยุติธรรมทางสังคม
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในเชิงเศรษฐกิจ รัฐบาล Lula เน้นการควบคุมระดับมหภาค ออกนโยบายหลายชุดเพื่อส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ และมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรและการส่งออกทรัพยากรของบราซิล
ด้วยแรงผลักดันจาก "หลักคำสอนของลูลา" บราซิลได้ประสบกับ "ยุคทอง" ของการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
มาตรฐานการครองชีพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ครอบครัวที่ยากจนหลายล้านครอบครัวถูกปลดออกจากความยากจน และเพิ่มชนชั้นกลางเกิน 50% เป็นครั้งแรก
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
กล่าวได้ว่า "Lula Doctrine" นี้มีทั้งความสำเร็จและข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัด
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Lula ล้มเหลวในการใช้เงินปันผลของการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้บราซิล "ปรับอุตสาหกรรมใหม่" ส่งผลให้เศรษฐกิจของบราซิลต้องพึ่งพาการส่งออกวัตถุดิบและอุตสาหกรรมบริการเป็นอย่างมาก
แต่ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศกลับยังไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลของ Lula ล้มเหลวในการตอบสนองความต้องการของชาวบราซิลที่ "มั่งคั่ง" (บางคน)ในด้านการบริการสาธารณะ
เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล และการคมนาคมขนส่ง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
นี่คือปัญหาที่มาจาก(เหลืออยู่)ผู้สืบทอดของเขา( จากทั้ง Lula และอดีตประธานาธิบดี Rousseff ของบราซิล)
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
หลังจากได้รับการรับเลือกจากบราซิลในครั้งนี้
ลูลาซึ่งชนะการเลือกตั้งได้เผชิญหน้ากับบราซิลที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย
ลุลาในมุมมองของ "ความต่อเนื่อง" จะกลายเป็น "ประเด็นหลัก" ของการปกครองของ Lula ต่อไป
หลังจากที่บราซิลประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2559 และการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ถึงสองครั้ง
ครั้งนี้...ความยากจนได้กลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของลูลาอีกครั้ง
หลังจากได้รับการเลือกตั้ง ลูลามีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายลดความยากจนต่อไป
และดำเนินการ แจกจ่ายทรัพยากรทางสังคมผ่านการควบคุมระดับมหภาค
และจัดทำนโยบายความช่วยเหลือสำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่น ชนพื้นเมืองในบราซิล
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ลูลาเชื่อเสมอว่าการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการลดความยากจนเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เขาสนับสนุนการปกป้องป่าฝนอเมซอนมากขึ้น ในการกล่าวสุนทรพจน์ของแคมเปญ Lula เน้นว่า...
"เราจำเป็นต้องดูแลป่าฝน ระบบนิเวศของเรา แหล่งน้ำของเรา ที่สำคัญที่สุด เราต้องดูแลคนของเรา
พวกเขาต้องการความช่วยเหลือและสมควรได้รับศักดิ์ศรี เพื่อความอยู่รอด"
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ซึ่งที่ผ่านมาในเดือนกันยายน 2551 ลูลาเป็นผู้ตรวจสอบบ่อน้ำมันจูบาตในบราซิล โดยได้แสดงให้สื่อเห็นว่ามือของเขาเต็มไปด้วยน้ำมันดิบ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เขาสูญเสียนิ้วก้อยของมือซ้ายเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากการทำงาน แต่การชดเชย(เพียงเล็กน้อย)จากนายจ้างของเขาช่างน่าสมเพชเสียจริงๆ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
“บราซิลกำลังกลับมาสู่เวทีระดับโลกแล้ว”
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ลูลากล่าวหลังการเลือกตั้ง เขายังเรียกร้องให้มี "สันติภาพและความสามัคคี" และกล่าวว่า "โลกนี้ต้องการที่อยู่อาศัยของ(ลุ่มแม่น้ำ)อเมซอน "
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในแง่ของการทูต
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Lula ให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับประเทศในละตินอเมริกาและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เสมอมา
ในปี พ.ศ. 2547 ลูลาเป็นประธานในการจัดตั้งประชาคมประชาชาติแห่งอเมริกาใต้ โดยหวังว่าจะจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศที่คล้ายกับสหภาพยุโรปในอเมริกาใต้
ในปี 2552 Lula ได้นำบราซิลให้กลายเป็นประเทศผู้ก่อตั้ง "BRICs" (ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น "BRICs" หลังจากที่แอฟริกาใต้เข้าร่วมในปี 2553)
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
เพื่อช่วยให้บราซิลฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Lula มีแนวโน้มที่จะกระชับความสัมพันธ์กับตลาดต่างประเทศและใช้แพลตฟอร์ม "BRICS" อย่างเต็มที่
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกของบราซิล
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ลูลาให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์กับตลาดต่างประเทศมาโดยตลอด
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ในช่วงสองวาระสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง
ปากีสถานและจีนได้ดำเนินความร่วมมืออย่างแข็งขันในด้านต่างๆ
เช่น เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวัฒนธรรม และนั่นประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ซึ่งผมเชื่อว่าหลังจากที่ Lula ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่างประเทศ จะพัฒนาไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
และประสิทธิภาพของการสื่อสารและความร่วมมือระหว่างต่างประเทศจะดีขึ้นเป็นอย่างมากในอนาคต...
- 16
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
