Blockdit Logo (Mobile)
ลงทุนเกิร์ล
ยืนยันแล้ว
•
1 พ.ย. 2022 เวลา 02:30 • ธุรกิจ
"MasterClass" ธุรกิจคอร์สเรียน จากคนดัง ที่คิดค่าเรียนแค่ 6,800 บาท ต่อปี
ลองจินตนาการว่า ถ้าเรากำลังนั่งเรียนอยู่กับ..
- เชฟกอร์ดอน แรมซีย์ เจ้าของดาวมิชลิน 16 ดวง มาถ่ายทอดความเทพ ในคลาสทำอาหาร
- คุณฮาวเวิร์ด ชูลท์ซ นักธุรกิจผู้สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Starbucks กลายเป็นเชนร้านกาแฟเบอร์ 1 ของโลก
- คุณเซเรนา วิลเลียมส์ สุดยอดตำนานนักเทนนิส ที่พร้อมเสิร์ฟ ความรู้เกี่ยวกับการเล่นเทนนิส ในฉบับโปร
ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
โดยสตาร์ตอัปที่ชื่อว่า “MasterClass” ได้สร้างห้องเรียน ที่รวบรวมผู้สอน ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในแต่ละเรื่อง มาไว้บนแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์
 
แล้วแพลตฟอร์มนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร ?
และมีอะไร ที่น่าสนใจบ้าง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
1
MasterClass เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ สัญชาติอเมริกัน ที่ก่อตั้งกิจการขึ้นในปี 2015 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยคุณ David Rogier และคุณ Aaron Rasmussen
ซึ่งไอเดียของธุรกิจนี้เกิดขึ้น จากเรื่องราวของคุณยายของคุณ Rogier
โดยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
คุณยายต้องอพยพหนีพวกนาซี มาตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอได้สมัครเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์ ไปกว่า 50 แห่ง หลังจากมาถึงนิวยอร์กได้ไม่นาน
แต่กลับถูกปฏิเสธทั้งหมด
เพียงเพราะ “เธอเป็นหญิงชาวยิว และเป็นผู้อพยพ”
แต่ท้ายที่สุด คุณยายก็ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา เธอสามารถหาที่เรียนแพทย์ได้สำเร็จ และยังให้ข้อคิดกับคุณ Rogier ซึ่งเขาจำได้แม่นว่า
“การศึกษา คือสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ไม่มีใครเอาไปจากเราได้”
2
เมื่อจำบทเรียนครั้งนั้นได้
คุณ Rogier จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้ง MasterClass ขึ้น
2
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นธุรกิจครั้งนี้ กลับไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด เพราะในสนามแข่งเต็มไปด้วย คู่แข่งเจ้าใหญ่ ๆ เช่น Udacity, Coursera, Udemy, edX ซึ่งเป็นแหล่งรวมคอร์สเรียนออนไลน์ ชั้นนำระดับโลกทั้งนั้น
ดังนั้น โอกาสเดียวที่จะทำให้ MasterClass โดดเด่น และมีที่ยืนในสนามนี้ได้ คือ ต้องสร้างความแตกต่าง ในแบบที่ไม่เหมือนใคร พวกเขาจึงชูโรงด้วย “ผู้สอน” เพื่อกระตุ้นความสนใจ ของผู้เรียนให้อยู่หมัด
โดยดำเนินการภายใต้คอนเซปต์ “Learn from the best” หรือเรียนรู้จากคนที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้านที่สุด ซึ่งจะมาถ่ายทอดความรู้ แนวคิด เคล็ดลับ และประสบการณ์ จากตัวจริงเสียงจริงของวงการ
เพราะคนเราหากต้องการเรียนรู้อะไรสักเรื่อง เราก็คงอยากจะเรียนกับคนเก่ง แล้วยิ่งเป็นคนดัง ระดับโลกด้วยแล้ว มันจึงยิ่งน่าสนใจ และน่าติดตาม
ดังนั้น MasterClass จึงรวบรวมตัวท็อปกว่า 100 คนดัง ในทุกวงการมาไว้ด้วยกัน
ซึ่งจะมีคอร์สเรียนทั้งหมด 11 หมวด
ไม่ว่าจะเป็น ทำอาหาร, ธุรกิจ, ศิลปะ, ความบันเทิง, นักเขียน, กีฬา, วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ไปจนถึง สุขภาพ
และความพิเศษก็คือ ลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าเรียนเป็นรายวิชา เหมือนการเรียนออนไลน์ทั่ว ๆ ไป
แต่จะเป็นการจ่ายค่าเรียนในรูปแบบ Subscription รายปี ที่ราคา 180 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6,800 บาทต่อปี และก็จะสามารถเรียนได้ทั้ง 11 หมวด
ที่สำคัญรูปแบบการนำเสนอของ MasterClass ค่อนข้างแตกต่าง จากแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์อื่น ๆ
ทั้งในแง่ของคุณภาพ แสง และสีของภาพ ที่ถ่ายทอดออกมาในระดับเดียวกับสารคดี เพื่อทำให้บรรยากาศของการเรียนสนุก น่าตื่นเต้น และไม่น่าเบื่อเกินไป
และการมีกลุ่มคนดังเป็นผู้สอน ก็ถือเป็นข้อดีให้กับ MasterClass เช่นกัน เพราะไม่เพียงจะทำให้ธุรกิจดูน่าสนใจ แต่ยังเป็น “เครื่องมือทางการตลาด” ที่ช่วยทำให้คนรู้จัก MasterClass ได้รวดเร็วขึ้น
ที่น่าสนใจ คือ เพียงแค่ 4 เดือนแรก
MasterClass สามารถขายหลักสูตรให้ผู้ที่สนใจได้มากกว่า 30,000 คน และปัจจุบันมีบัญชีผู้ใช้งานจำนวนหลักล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และแคนาดา
อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ผู้สอนเป็นคนดัง ต้นทุนในส่วนนี้ จึงสูงตามไปด้วย โดย MasterClass อาจต้องจ่ายเงินค่าสอนล่วงหน้า กว่า 3.8 ล้านบาท พร้อมส่วนแบ่ง อีกกว่า 30% จากค่าคอร์สอีกด้วย
ถึงแม้ว่า ธุรกิจของ MasterClass จะมีต้นทุนสูง แต่มันก็ยังสามารถดึงดูดนักลงทุนหลายคน ให้เข้ามาลงทุน
โดยปัจจุบัน MasterClass สามารถระดมทุนไปได้กว่า 8,500 ล้านบาท
ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 105,000 ล้านบาท และขึ้นแท่นเป็น สตาร์ตอัประดับ “ยูนิคอร์น” เป็นที่เรียบร้อย
จากเรื่องราวนี้ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ธุรกิจของ MasterClass ค่อนข้างได้อานิสงส์จากคนดัง และคนเก่ง ไม่ว่าจะด้วยการดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเรียน ไปจนถึงการดึงดูดเม็ดเงินมหาศาล จากนักลงทุน จนสามารถขยายสเกลธุรกิจ ไปได้ไกลขนาดนี้..
และหากให้มองอีกมุมหนึ่ง MasterClass ก็เปรียบเสมือนช่องทางแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน ที่ใครเก่งเรื่องใด ก็พร้อมถ่ายทอด และใครอ่อนเรื่องไหน ก็เข้าไปแสวงหาเพื่อเรียนรู้
เพราะนี่คือเส้นทาง ที่จะทำให้พวกเรานั้นเก่งขึ้น ซึ่งมันก็เหมือนกับการลงทุนในตัวเอง
และมันคงจะไม่มีอะไรคุ้มค่าไปกว่า การลงทุน เพื่อความรู้..
โฆษณา