31 ต.ค. 2022 เวลา 13:15 • สุขภาพ
DIAMOX VS Altitude Sickness
🧗‍♂️ช่วงนี้คงเป็นหน้าเทศกาลปีนเขาคิลิมานจาโร​ เพราะมีหรั่งมาร่ำลาไปปีนเขาท่องป่าซาฟารีกันเป็นเดือน​ พร้อมทั้งถามหายา​ DIAMOX เพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากการปีนเขาสูง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า​ จากสถานการณ์​โควิด​ บริษัท​ยาได้เลิกนำเข้ายา​ DIAMOX.ใครอยากได้คงต้องไปหาจากต่างประเทศสถานเดียว
🧞‍♀️Acute mountain sickness (AMS) / Altitude Sickness โรคที่เกิดจากการขึ้นไปบนที่สูง​ ที่มีความกดอากาศ​ต่ำ​ ปริมาณ​ออกซิเจนต่ำ​ จนทำให้เกิด​ hypoventilation ภาวะที่มีการหายใจผิดปกติ กล่าวคือ หายใจช้า หายใจตื้น หายใจแผ่วเบา และอาจถึงขั้นหยุดหายใจ ซึ่งจะส่งผลให้หายใจได้อากาศน้อยลง จนเป็นสาเหตุให้ร่างกายขาดอากาศหายใจ/อวัยวะต่างๆขาดออกซิเจน (hypoxemia)​ จนอวัยวะต่างๆทำงานไม่ได้ และเกิดภาวะเลือดเป็นกรด มีอาการปวดหัว​ คลื่นไส้อาเจียน​ อ่อนแรง​ นอนไม่หลับ
อาการ​แพ้ที่สูง​ ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการคั่งของน้ำ​ จนนำไปสู่​ภาวะสมองบวม​ ความดันสมองเพิ่มขึ้น​ และน้ำท่วมปอด / high-altitude cerebral edema (HACE), and high-altitude pulmonary edema (HAPE)
💊Acetazolamide (Diamox) เป็นยาขับปัสสาวะกลุ่มยับยั้งเอนไซม์ carbonic anhydrase
♦️ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้มีบทบาทสําคัญในการควบคุมการดูดกลับโซเดียมคาร์บอเนต (Na2CO3) และการหลั่งกรด (H+) ที่ท่อไตส่วน proximal
♦️นอกจากนี้สามารถพบเอนไซม์CA ได้ที่เนื้อเยื่อบริเวณระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ซึ่ง ACZ จะออกฤทธิ์เช่นเดียวกับบริเวณท่อไตส่วนต้นคือ ยับยั้งเอนไซม์ CA ทำให้ Na+ เข้าเซลล์ลดลง การแลกเปลี่ยน Na+ กับ K+ ในกระบวนการ Na+/K+ ATPase ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการผลิตน้ำไขสันหลัง (CSF) ถูกรบกวน นำไปสู่การผลิต CSF ลดลง ดังนั้นมีการนำ ACZ มาใช้ในการรักษาเสริมภาวะน้ำคั่งในโพรงสมองในผู้สูงอายุ (NPH) หรือในกรณีที่ไม่สามารถทำ shunt surgery ซึ่งเป็นการรักษาหลักของภาวะ NPH.
♦️นอกจากนี้ยังใช้รักษาต้อหิน
🎯ในกรณีที่​ปีนเขาสูง​ หลังจากลงมาพักที่ระดับความสูง 1000​ เมตร​ พักผ่อนแล้วไม่ดีขึ้น​ ให้กิน​ DIAMOX​ 250.มิลลิกรัม​ วันละ​ 2 ครั้ง
🎯สำหรับการป้องกัน​ ให้ปรับร่างกายที่ระดับความสูง​ 600​-1200 เมตร​ หรือปีนเขาไม่เกินวันละ​ 300​ - 600 เมตร​ ถ้าไม่ดีขึ้นให้กิน​ DIAMOX​ 125​ -​ 250.มิลลิกรัม​ วันละ​ 2-3 ครั้ง​ โดยกินก่อนปีนเขา​ 1-2​ วัน​ และให้กินติดต่อกันไปอีก​ 1-2​ วัน​ การใช้ยาป้องกันไม่ควรใช้กับเด็ก
🛑ห้ามใช้​ ในผู้ที่แพ้ยาซัลฟา​ ผู้ที่เป็นโรคตับ​ โรคไต​ hyponatremia, hypokalemia, หรือ metabolic acidosis
หญิงมีครรภ์​
🌀อาการข้างเคียงจากการใช้ยา
รู้สึก ชาๆ เสียวแปลบๆ อาจคล้ายมีเข็มทิ่มแทง​ (Paraesthesia)
การรับรสเปลี่ยนแปลงไปไม่ตรง กับความเป็นจริง (DYSGEUSIA)
สมดุลย์​เกลือแร่เปลี่ยนแปลง​ (glycemic and/or electrolyte changes)
ปัสสาวะมากผิดปกติ​ (diuresis)​
ภาวะเลือดเป็นกรดจากการมีไบคาร์บอเนต (HCO3) ในเลือด (metabolic acidosis)
📌มีการปรับใช้แอสไพริน​ 320​ มิลลิกรัม​ กินภายใน​ 1 -​ 2 ชั่วโมง​ เมื่อปีนเขาถึงความสูงเป้าหมาย​ โดยกินประมาณ​ 3-4ครั้ง​ หรืออาจใช้ไอบูโพรเฟน​ 600 มิลลิกรัม​ กิน3เวลา​ โดยเริ่มกินก่อนปีนเขา​ ​6 -​24 ชั่วโมง​ (อาจปรับใช้​ NSAIDS​ ตัวอื่น​ เช่น​ Naproxen)​
📌นอกจากนี้อาจใช้จิงโกะ 60​ มิลลิกรัม​ วันละ​ 3 ครั้ง​ หรือ​ 80​ -​120​ มิิลลิกรัม​ วันละ​ 2 ครั้ง​ กินต่อเนื่องไปจนกว่าจะเริ่มปีนเขา​ โดยอาจกินร่วมกับอาหารเสริม​อื่นๆ​ เช่น​ ascorbic acid, tocopherol และ lipoic acid
🚅คนไทยที่จะนั่งรถไฟไปธิเบต​ ก็คงต้องเตรียมตัวเตรียมร่างกายให้แข็งแรง​ จะได้ไม่เป็นโรคเมาความสูง​ อาจจะเตรียมเครื่องวัดออกซิเจน​พกพาไปด้วย​ รายละเอียดเพิ่มเติม
🏔️ส่วนคนจากที่สูงเช่นจากหิมาลัย​ เมื่อลงมาเที่ยวยังพื้นราบ​ เช่นเชียงใหม่​ บางคนก็ปรับตัวไม่ได้​ มีปัญหา​ที่เกิดจากความกดอากาศสูง​ ได้รับออกซิเจนมากกว่าปกติจนอาจเกิดอาการทางกายเช่นหน้าแดง​ ปวดหัว​ ตัวร้อน​ ซึ่งก็คงต้องรักษาไปตามอาการที่เกิดขึ้น
The use of acetazolamide for the prevention of high-altitude illness
🤢 ไปขึ้นเขา SpO2 85 % ไปต่อได้จริงๆ ใช่มั้ยวิ ?
สะดุ้งตื่นมาตอนกลางคืนพร้อมกับอาการใจสั่น ยกข้อมือดูนาฬิกา Heart Rate 112 SpO2 82% อันนั้นคือคืนแรกที่นอนบน Panalaban Basecamp ณ ความสูงระดับ 3272 เมตร (โดยปกติ นาฬิกาจะจับได้ประมาณ SpO2 90-96% จะไม่ค่อยแม่นมากอยู่แล้ว แต่ดูเป็นแนวทางได้ คิดว่าค่าจริงน่าจะอยู่ประมาณ 85-90% นี่แหละ)
❓ คำถามคือ
SpO2 85 % ควรกังวลมั้ย ? แล้วไปต่อได้รึเปล่า ?
✅ คำตอบคือ อันที่จริง Hypobaric Hypoxia นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดามากของ Mountain Medicine ค่ะ ไม่แปลกใจและตกใจเลยสักนิดเดียว ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วเป็นสาเหตุจากภาวะพร่องออกซิเจน สรุปคือ ไปต่อได้ค่ะ ไปแตะขอบฟ้ากันต่อ
🗻 ยิ่งขึ้นที่สูง อากาศยิ่งเบาบางค่ะ ความกดอากาศจะต่ำลง เช่น
⬇️ ณ ความสูง ระดับน้ำทะเล ความกดอากาศ (Atmospheric Pressure) เท่ากับ 101 kPa และ PO2 21 kPa
⬆️ ณ ความสูง ของภูเขาเอเวอร์เรส 8848 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ความกดอากาศเหลือเพียง 33 kPa และ PO2 เหลือ 7.1 kPa
📉 กราฟด้านล่างจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ความสูง (เมตร) และค่า SpO2 เราจะเห็นว่าที่ความสูง 3500 เมตร โดยเฉลี่ย ค่า SpO2 จะอยู่ที่ +/- 85 % ดังนั้น ในการแปลผลว่า SpO2 ระดับไหนอันตราย เราจะต้องรู้ค่าปกติ (Normal value) ของแต่ละความสูงค่ะ ถึงจะเอามาประเมินได้
Lorente-Aznar, T. et al. (2016) Estimation of arterial oxygen saturation in relation to altitude. Med Clin (Barc) 147(10):435-440.
#HighAltitide #MountainMedicine #WildernessMedicine #ExpeditionMedicine #HypobaricHypoxia #ขึ้นที่สูง #ออกซิเจนต่ำเมื่อขึ้นที่สูง
POSTED 2022.10.31
UPDATED 2022.11.07
โฆษณา