1 พ.ย. 2022 เวลา 01:26 • ธุรกิจ
CRM ระบบที่ทีมขายควรใช้...
หลายคนน่าจะพอรู้จัก CRM หรือ Customer Relationship Management กันมาบ้างนะคะ มันคือระบบจัดการลูกค้าเพื่อให้ทีมขายหรือบริษัทรู้จักลูกค้าได้ดีขึ้น บริหารช่องทางการติดต่อกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น และสามารถนำเสนอสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า เช่นระบบบัตรสมาชิก บัตรสะสมแต้มต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของ CRM เหมือนกันค่ะ
CRM ระบบที่ทีมขายควรใช้
ก่อนเมื่อพูดถึง CRM เรามักจะคิดถึงระบบขนาดใหญ่ที่มีราคาสูงอย่าง SalesForce ทำให้ธุรกิจ SME กับ CRM ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาตลอด แต่ปัจจุบันมีการแข่งขันในตลาดมากขึ้น ทำให้มีบริการ CRM ใหม่ๆ อย่าง Zoho, Zendesk, aqua CRM ที่ให้บริการในราคาแค่หลักร้อยบาทต่อคนต่อเดือน ก็ทำให้ธุรกิจเล็กๆ สามารถเข้าถึงเครื่องมือยุคใหม่เหล่านี้ได้ง่ายขึ้นนะคะ
ซึ่งหลายบริการก็มีให้บริการในภาษาไทย และรองรับการสนับสนุนเป็นภาษาไทยด้วย ก็ทำให้สามารถเรียนรู้การใช้งานและแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นค่ะ Sokochan จึงอยากบอก 5 เหตุผลที่ธุรกิจทั่วไปควรใช้ CRM ให้ฟังกันค่ะ
1. จัดการข้อมูลของลูกค้าแบบรวมศูนย์
หนึ่งในเรื่องปวดหัวของการจัดการลูกค้าคือข้อมูลไม่รวมศูนย์กันค่ะ ถ้าแย่หน่อยเซลล์แต่ละคนก็ถือไฟล์ลูกค้าของตัวเองแยกกันไปเลยทำให้จัดการยาก หรือดีขึ้นมาหน่อยก็ทำเป็น Google Sheet รวมกันเอาไว้แบบออนไลน์ แต่ทำแบบนี้ก็จัดการการเข้าถึงข้อมูลและขอบเขตข้อมูลที่แต่ละคนเข้าถึงได้ยากเข้าไปอีก ซึ่ง CRM ก็เข้ามาช่วยในจุดนี้ได้ค่ะ คือทั้งสามารถรวมฐานข้อมูลลูกค้าของทั้งบริษัทได้ และจัดการให้สิทธิ์แต่ละคนเห็นข้อมูลเฉพาะที่จำเป็นต่อตัวเองเท่านั้นก็ได้
2. รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า
เมื่อฐานข้อมูลลูกค้าทั้งหมดรวมศูนย์เข้ามาแล้ว การสานต่องานก็ง่ายค่ะ เพราะในระบบ CRM จะมีการบันทึกข้อมูลการติดต่อเอาไว้ เซลล์คนเดิมเคยคุยอะไรไว้ มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในอดีตก็เป็นข้อมูลรวมกันอยู่ในระบบ เกิดทีมงานเดิมป่วยหรือลาออก ทีมงานใหม่ก็สามารถสานต่อได้ทันที ลูกค้าไม่ต้องเล่าใหม่ให้เสียอารมณ์
3. ติดตามสถานะงานขายได้ง่าย
CRM ช่วยจัดการเรื่องราวของลูกค้าจำนวนมากให้เป็นระบบ นอกจากข้อมูลรายละเอียดการติดต่อที่จะเห็นได้ง่ายๆ แล้ว ผู้ดูแลยังมองเห็นสถานะของงานขายได้ง่ายๆ ด้วย เช่น เห็นรายละเอียดว่าลูกค้าคนนี้เคยเสนอขายไปแล้ว ลูกค้าคนนี้รอ feedback ลูกค้าคนนี้รอใบเสนอราคา ลูกค้าคนนี้ยังต้องการต่อรองราคา และทีมขายคุยกับผู้มีอำนาจแล้วหรือยัง หรือลูกค้าคนนี้ปิดการขายได้แล้ว ก็ระบุไว้ได้ค่ะ
4 .เก็บข้อมูลและค้นหาลูกค้าที่เป็นไปได้
เราอาจได้ข้อมูลกลุ่มผู้เป็นไปได้ว่าจะมาเป็นลูกค้า (Lead) จากหลายทาง เช่นหน้าตอบรับสมาชิกทางอีเมลในหน้าเว็บ ข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาหน้าเว็บเรา คนที่เข้ามากดไลก์โพสต์เรา เพจเรา ซึ่งความยากอย่างหนึ่งของธุรกิจคือการเปลี่ยน Lead ให้กลายเป็นลูกค้าหรือ Customer ให้ได้ ซึ่ง CRM สามารถจัดการข้อมูลเหล่านี้ แล้วใช้วิธีการต่างๆ เช่นการโฆษณาที่เจาะกลุ่ม หรือการประเมินแนวโน้มว่า Lead ใดบ้างที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากกว่า Lead ทั่วๆ ไป
เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจส่งโปรโมชันหรือการเจรจา เพื่อดึงดูดลูกค้าค่ะ นอกจากนี้ CRM ยังช่วยรักษาสถานะของลูกค้า เพื่อหาความเป็นไปได้ในการกลับไปขายสินค้าให้ลูกค้าที่เราเคยขายไปแล้วได้ด้วยค่ะ
5. เหมาะกับทั้งธุรกิจแบบ B2B และ B2C
ความแตกต่างของ B2B หรือการทำธุรกิจกับองค์กร กับ B2C หรือการทำธุรกิจกับผู้บริโภคทั่วไปนั้นมีหลายอย่างค่ะ ในขณะที่ลูกค้าแบบ B2B จะมีไม่กี่ราย และต้องใช้เวลาติดต่อเจรจากันนาน แต่มูลค่าการทำธุรกิจนั้นสูง CRM ก็เข้ามาช่วยแทร็กกระบวนการขายที่ใช้เวลา ให้ข้อมูลไม่ขาดตกบกพร่องได้ ส่วนการทำธุรกิจแบบ B2C ลูกค้าอาจมีเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสน ใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน แต่มูลค่าการค้าขายต่อรายก็น้อย CRM ก็เข้ามาช่วยจัดการลูกค้าหรือ Lead จำนวนมาก
เพื่อตามหาความเป็นไปได้ในการขายใหม่ๆ หรือรักษาลูกค้าเดิมให้ยังสนใจสินค้าของเราต่อไปค่ะ ที่ Sokochan เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่เลี้ยวเดียวของ CRM เท่านั้นนะคะ เพราะระบบนี้พัฒนากันมายาวนาน จึงมีความกว้างที่ตอบสนองการทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ได้ ซึ่งอาจเป็นระบบย่อยอีกมากมายที่ทำมาเพื่อแต่ละธุรกิจโดยเฉพาะ ส่วนถ้าต้องการทำให้ระบบ CRM เชื่อมต่อกับระบบสต็อกสินค้าหรือการจัดส่งสินค้า ก็ปรึกษา Sokochan ได้ค่าา
โฆษณา