ทำความรู้จักกับ Web 3.0 กุญแจสู่ยุคสมัยใหม่ของโลกอินเตอร์เน็ต
2
ในปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องมีอินเตอร์เน็ตมาเกี่ยวข้องด้วยตลอดแทบทุกครั้ง แต่เคยได้ยินหรือเปล่าว่า มันกำลังจะมีสิ่งที่เป็นเว็บไซต์รูปแบบหนึ่งที่เรียกกันว่า WEB 3.0
ซึ่งคนที่อยู่ในวงการคริปโตเคอเรนซี่ ก็คงจะคุ้นๆ กับคำว่า Web 3.0 กันมาบ้าง แต่ว่า Web 3.0 มันมาจากไหน แล้ว Web 1.0 2.0 หล่ะ มันหายไปไหน ดังนั้นก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับ Web 3.0 เดี๋ยวเราไปทำความรู้จักกับ Web 1.0 และ Web 2.0 กันก่อน
ทำความรู้จักกับ Web 3.0 กุญแจสู่ยุคสมัยใหม่ของโลกอินเตอร์เน็ต
จุดเริ่มต้นของการส่งข้อมูลไร้พรมแดน การเกิดขึ้นของ Web 1.0
2
ย้อนกลับไปในปี 1989 ที่สภาวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป (The European Organization for Nuclear Research) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเซิร์น (CERN) มีนักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อว่า ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี (Tim Berners-Lee) ก็ได้นั่งขบคิดถึงโปรโตคอลที่สามารถให้นักวิจัยแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ระหว่างกัน จากที่ใดในโลกนี้ก็ได้ ก่อนที่เขาจะได้ทำการพัฒนามาเป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่า เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW)
ข้อมูลต่างๆ ในยุค Web 1.0 นั้นมาจากเจ้าของเว็บไซต์เพียงฝั่งเดียว รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ก็ถูกเก็บโดยเจ้าของเว็บไซต์ และวิธีการในการสื่อสารนั้นก็ถูกกำหนดโดยเจ้าของเว็บไซต์
เรียกง่ายๆ ว่าในยุคของ Web 1.0 นั้น ทั้งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล และวิธีการสื่อสาร เป็นแบบรวมศูนย์ (Centralized) ทั้งหมด ไม่มีส่วนใดที่เป็นแบบกระจายศูนย์ (Decentralised) ทำให้หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนารูปแบบการใช้งานรูปแบบใหม่ขึ้นมา จึงเป็นที่มาของการเกิดขึ้นของ Web 2.0
Web 2.0 กับรูปแบบการใช้งานที่มากกว่าแค่การอ่าน
Web 2.0 นั้นไม่ได้หมายถึงการพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตหรือเว็บไซต์ แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งาน จาก Web 1.0 ที่เราใช้งานในรูปแบบ Write-only มีการสื่อสารแบบทางเดียว (One Way Communication) ก็ถูกแทนที่ด้วยรูปแบบการใช้งานแบบ Write-Read มีการสื่อสารแบบ 2 ทาง (Two Way Communication) ซึ่งเป็นรูปแบบของ Web 2.0 ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน
ในช่วง Web 2.0 นอกจากการใช้อินเตอร์เน็ตในการอ่านอย่างเดียวแล้ว ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ก็สามารถที่จะสร้างเนื้อหาหรือเขียน และเผยแพร่เนื้อหาของตนเองได้อย่างอิสระบนเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งรูปแบบการใช้งานเหล่านี้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อกันทางสังคมขึ้นมาบนโลกอินเตอร์เน็ต
ในอุตสาหกรรมสื่อ บรรดาเว็บไซต์สตรีมมิ่งทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Youtube, Spotify หรือ Apple Music ต่างก็คิดส่วนแบ่งจากบรรดาศิลปินทั้งหลาย โดยในบางครั้งส่วนแบ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นธรรมกับบรรดาผู้สร้างเนื้อหา นอกจากนี้บรรดาเว็บไซต์ก็ยังสอดแทรกโฆษณาเข้ามาเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมอีก