2 พ.ย. 2022 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“เงินเฟ้อด้านอาหาร” เตรียมสูงอีกครั้ง? หลังรัสเซียยกเลิกส่งออกข้าวสาลี
เตรียมรับมือราคาข้าวสาลีแพงขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่รัสเซียระงับสัญญาการส่งออกธัญพืชจากทะเลดำไปยังประเทศปลายทาง
การเคลื่อนไหวของรัสเซียในครั้งนี้ ทำให้บรรดาผู้นำต่าง ๆ ทั่วโลกต้องดิ้นรนหามาตรการมารองรับอีกครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงของ UN ที่จะช่วยประชากรในกลุ่มประเทศเปราะบางจากความอดอยาก
ข้อตกลงที่บรรลุไปในเดือนกรกฎาคมได้ช่วยปรับสภาพราคาสัญญาข้าวสาลีล่วงหน้าหลังจากที่ราคาข้าวสาลีนั้นพุ่งสูงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในปลายเดือนกุมภาพันธ์
โดยการยกเลิกสัญญาในครั้งนี้ของรัสเซีย อาจไปซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้วในหลาย ๆ ประเทศ และ อาจทำให้วิกฤติอาหารโลกทวีความรุนแรงขึ้น
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตุรกีและองค์การสหประชาชาติกำลังทำงาน เพื่อกอบกู้ข้อตกลงดังกล่าว แม้ว่ารัสเซียจะกล่าวว่าขั้นตอนต่อไปใด ๆ ก็สามารถทำได้หลังจากการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบที่เกี่ยวกับการโจมตีกองทัพเรือ
โดยมีการคาดการว่า ราคาของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่น่าจะไต่ระดับสูงเหมือนในเดือนมีนาคม
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้คนรับรู้แล้วว่ายูเครนจะไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่
สถาบันวิจัยนโยบายอาหารระหว่างประเทศในวอชิงตันกล่าวว่า ราคาธัญพืชอาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 5% ถึง 10% ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากตลาดรับรู้ข้อมูลข่าวร้ายในครั้งนี้แล้ว
จากข้อมูลพบว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นหลังจากรัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงอนุญาตให้ส่งออกธัญพืชจากยูเครนผ่านทะเลดำ ข้อตกลงดังกล่าวมีความสำคัญต่อการผ่อนคลายอุปทานโลกที่ตึงตัวและควบคุมต้นทุนอาหารโลก
ข้าวสาลีในชิคาโกพุ่งขึ้นมากถึง 7.7% สู่ 8.9325 ดอลลาร์ต่อบุชเชลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ราคาข้าวโพดพุ่งขึ้นไป 2.8% และน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น 3%
1
จากปัญหานี้อาจไปกดดันให้เงินเฟ้อด้านอาหารเพิ่มสูงขึ้น และปัญหาความหิวโหยจะรุนแรงขึ้น
หากราคายังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากรัสเซียยกเลิกสัญญา ทาง UN ร่วมกับ ยูเครน และตุรกี กล่าวว่า จะสานต่อข้อตกลงธัญพืชต่อไปแม้ว่ารัสเซียจะถอนตัวออกไป เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าวได้รับการออกแบบมา เพื่อสินค้าต่าง ๆ ผ่านอย่างปลอดภัย ช่วยเรื่องปัญหาอุปทาน
1
โดยยูเครนได้จัดส่งธัญพืชและอาหารอื่น ๆ ไปแล้วมากกว่า 9 ล้านตัน และราคาข้าวโพดและข้าวสาลีได้ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในช่วงต้นปี ข้อตกลงดังกล่าวมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 19 พ.ย. นี้
โดยปกติ โลกเราพึ่งพาภูมิภาคทะเลดำสำหรับการส่งออกข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์มากกว่า1 ใน 4 ต่อปี ประมาณ 1 ใน 5 ของสินค้าข้าวโพดและการขนส่งน้ำมันดอกทานตะวันอีกจำนวนมาก
นอกจากการลดการส่งออกธัญพืชแล้ว ยังมีความกังวลอีกว่า หากการยุติข้อตกลงทะเลดำอาจทำให้เส้นทางการส่งออกปุ๋ยหลักที่เกษตรกรต้องพึ่งพาการปลูกพืชผลได้รับผลกระทบอีกด้วย
1
และเกษตรกรยังต้องเผชิญกับการหาพื้นที่ เพื่อจัดเก็บข้าวสาลีและข้าวโพดที่ไม่สามารถส่งออกได้
ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาถัดไป คือ เกษตรกรอาจจะไม่ปลูกพืชผล เนื่องจากกังวลว่าหากปลูกไปแล้วอาจขายไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้ราคาอาหารแพงขึ้นและกระทบต่อไปที่เงินเฟ้อ
ผู้เขียน : ณิศรา วาดี Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References:
โฆษณา