6 พ.ย. 2022 เวลา 11:00 • ธุรกิจ
หากคุณเป็นร้านอาหารที่กำลังมองหาระบบ POS ที่ครบครันทั้งฟีเจอร์และ Data ที่แน่น พร้อมให้ Insight ของธุรกิจให้กับคุณอยู่ อย่าพลาดรีวิวนี้ของเรากับ “10 จุดเด่นของ FoodStory” ครับ
และอย่าลืมเลื่อนไปด้านล่างเพื่อรับสิทธิพิเศษสุดๆ จาก FoodStory ด้วยนะครับ!
1. ฟังก์ชั่นพื้นฐานทุกอย่างที่ร้านอาหารต้องการ
ไม่ว่าจะตั้งแต่การคีย์ขาย เปิดออเดอร์ การจัดการโต๊ะ การสร้างเมนู สูตรการผลิต การจัดการสต็อกจนไปถึงการสั่งซื้อวัตถุดิบ FoodStory สามารถทำให้คุณได้ทั้งสิ้น
และด้วยรูปแบบการใช้งานที่ง่ายสุดๆบน iPad ที่แสดงผลรายการทุกอย่างได้ชัดเจน คุณจะสามารถสอนพนักงานใหม่ให้ใช้ได้เป็นในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนครับ
2. จัดการโต๊ะแบบ Interactive Layout
คุณสามารถจัด Layout โต๊ะต่างๆ ตามรูปแบบร้านอาหารจริงได้เลยไม่ว่าจะมีกี่ชั้น กี่โต๊ะ เล็กใหญ่อย่างไร FoodStory สามารถจำลองผังร้านให้คุณได้เลย ทีนี้พนักงานของคุณก็สามารถเข้าใจได้ง่าย ลดโอกาสผิดพลาดในการเปิดออเดอร์ให้กับลูกค้า
และไม่ว่าจะเป็นการ Split Bill หรือ รวมโต๊ะ FoodStory ก็สามารถจัดการให้คุณได้ทั้งสิ้น พร้อมทั้งการแสดงสัญลักษณ์สี ที่แสดงให้ทีมของคุณเห็นได้ชัดเจนว่า โต๊ะไหนได้รับรายการที่สั่งครบแล้วหรือยังไม่ครบ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะสามารถมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้นั่นเองครับ
3. ช่วย Staff เปิดขายจากมือถือ
นอกเหนือจากการคีย์ขายที่หน้าตัว POS แล้ว FoodStory ยังมีฟีเจอร์ Mobile Staff ให้พนักงานของคุณสามารถใช้ โทรศัพท์ Android ในการเดินไปรับออเดอร์ หรือให้บริการลูกค้าได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องใช้กระดาษจดอีกต่อไป
คุณจะสามารถสั่งอาหารให้กับลูกค้า เช็ค Status ของอาหารที่สั่งไปแล้ว และยังสรุป Bill ให้กับลูกค้าพร้อมกับ Gen QR Code สำหรับชำระเงินให้กับลูกค้าแสกนเลยก็ได้ด้วย สะดวกสุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะครับ
4. สั่งอาหารและขอรับบริการผ่าน QR code
นี่เป็นอีกฟีเจอร์นึงที่ได้รับความนิยมมากๆในช่วยโควิดที่ผ่านมา
คุณสามารถ Gen QR Code ไปแปะไว้ประจำโต๊ะ แล้วให้ลูกค้าของคุณแสกนและสั่งอาหารเข้ามาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบาย และลดความผิดพลาดในการรับออเดอร์ได้ด้วย
นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถกดขอรับบริการจากพนักงานเพิ่มเติมได้ไม่ว่าจะเป็น การขอจานชามช้อนส้อมหรือเครื่องปรุง ขอสั่งอาหารเพิ่ม แม้กระทั่งเรียกเก็บเงิน ทั้งหมดนี้ก็จะช่วยลดปัญหาโต๊ะในมุมอับหรือห้องส่วนตัว ที่คุณกลัวว่าจะไม่ได้รับบริการอย่างทั่วถึงได้ดีทีเดียวครับ
5. รองรับออเดอร์สั่งอาหารออนไลน์ พร้อมแอปจัดการ Rider
FoodStory รองรับการเชื่อมต่อกับ Delivery Platform ยอดฮิตอย่าง LineMan ไว้แล้วในตัว ซึ่งนี่จะช่วยให้คุณสามารถรับ-ส่งออเดอร์ได้ในระบบเดียวสะดวกสบายสุดๆ
แต่ถ้าคุณคิดมาตลอดว่าอยากจะมีช่องทางการจำหน่ายอาหารแบบสั่งออนไลน์ของตัวเอง โดยไม่พึ่ง Delivery Platform แล้วล่ะก็ FoodStory ก็ทำให้คุณได้เช่นกันครับ โดยตัวระบบจะมี Link ที่ลูกค้าของคุณสามารถกดเข้ามาสั่งอาหารได้ จากนั้นตัวออเดอร์ก็จะวิ่งไปแจ้งที่ครัวเพื่อให้เตรียมอาหารไว้ให้พร้อมได้ทันที
แน่นอนว่า ถ้าคุณมี Fleet Rider ของตัวเอง FoodStory ก็เตรียม Application อีกตัวไว้ให้กับพวกเขาเข้ามารับออเดอร์ได้ตามเวลาที่กำหนด แต่ถ้าคุณไม่มี คุณก็ยังสามารถใช้ผู้ให้บริการขนส่งอย่าง Lalamove ได้เช่นกัน โดย FoodStory จะเตรียม Link ไว้ให้คุณนำไปวางตอนเปิดออเดอร์กับ Lalamove เพื่อประหยัดเวลาในการ key ข้อมูลต่างๆ และแน่นอนว่า ตัวลูกค้า ทางร้าน และ rider ก็จะได้รับการอัพเดทสถานะออเดอร์ไปพร้อมๆกันด้วยครับ
6. FoodStoryCRM ระบบสะสมแต้มพร้อม Transactional Data
ในเมื่อการหาลูกค้าใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การรักษาฐานลูกค้าเดิมก็เป็นสิ่งที่ร้านอาหารก็ต้องให้ความสำคัญ
FoodStory มี Function ใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า “FoodStoryCRM” ให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์การสะสมแต้มได้ในระบบนี้เลย คุณสามารถกำหนดกติกา Earn & Burn ต่างๆได้เอง ตลอดจนรูปแบบรางวัลที่ลูกค้าสามารถนำแต้มมาแลกใช้ได้
ทั้งหมดนี้มีเบื้องหลังเป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ Insight ลูกค้าที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชิง Demographic การติด Tag และ สร้าง Segmentation เพื่อวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าต่างๆ ว่าใครคือกลุ่มที่สร้างรายได้ให้คุณมากที่สุด และคุณควรจะดูแลพวกเขาให้ดีเป็นพิเศษ รวมไปถึงฟังก์ชั่นการ Broadcast หรือ ประชาสัมพันธ์เรื่องโปรโมชั่นต่างๆกลับไปหาพวกเขาได้ในอนาคตอีกด้วย
7. ระบบจัดการรายการสินค้าและเมนูอาหารง่ายๆจากที่เดียว
นี่เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมคิดว่าร้านอาหารที่มีหลายสาขาต้องห้ามพลาด คือการที่คุณสามารถบริหารจัดการรายละเอียดหลังบ้านทุกๆอย่างได้จากที่เดียว
ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเมนูใหม่ ตั้งค่าสูตรการผลิต หรือสูตร BOM ว่าแต่ละเมนูต้องใช้วัตถุดิบอะไรมากน้อยแค่ไหน รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ก็จัดการสร้าง อัพเดท และ เปิด-ปิดทุกอย่างได้จากที่นี่ ไม่ต้องไปนั่งทำทีละสาขาๆอีกต่อไป แค่ใช้ฟีเจอร์นี้อย่างเดียว เจ้าของเครือร้านอาหารอย่างคุณก็สามารถประหยัดเวลาไปได้มากเลยครับ
8. จัดการสต็อกแบบ Advance
เพราะสต็อกเท่ากับต้นทุนของร้านอาหาร นอกเหนือจากการบริหารจัดการสต็อกโดยพื้นฐานทั่วไปแล้ว คุณยังสามารถตั้งค่า Min-Max หรือ Safty Stock ให้ระบบช่วยแจ้งเตือนเวลาวัตถุดิบเหลือน้อย และใกล้จะต้องสั่งเพิ่มในปริมาณที่เหมาะสมได้ด้วย
หากคุณเป็นร้านขนาดเล็ก FoodStory ก็มีฟังชั่นสำหรับเติมสินค้าแบบง่ายๆ เหมือนทำงานกับ Excel แต่ถ้าคุณต้องการจัดการแบบเป็นกิจจะลักษณะมีเอกสารครบทุกขั้นตอนแล้วล่ะก็ FoodStory ก็สามารถออกเอกสาร PR, PO ร่วมกับฝ่ายจัดซื้อ รวมไปถึงเอกสาร Transfer Stock ระหว่างสาขาได้ด้วยเช่นกัน
9. รายงานการขายแบบแยกตาม Delivery Platform
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการขายผ่าน Delivery Platform นั้นแทบจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับธุรกิจร้านอาหารไปแล้ว ดังนั้น FoodStory จึงสร้างรายงานขายที่สามารถแบ่งแยกการวิเคราะห์ช่องทางการขายตาม Platform ต่างๆไว้โดยครบถ้วน แถมคุณยังสามารถระบุอัตราค่า GP ของแต่ละเจ้าเข้าไปได้ด้วย ซึ่งระบบก็จะนำไปคำนวนเพื่อสะท้อนภาพรายได้ที่แท้จริงก่อนและหลังหัก GP ให้คุณด้วย
และนอกจากช่องทาง Delivery แล้ว FoodStory ก็ยังให้คุณวิเคราะห์รายงานการขายรายช่องทางอื่นๆ หรือจะมองตาม Payment Method ก็ได้เช่นกันครับ
10. Dashboard แบบจัดเต็ม
หนึ่งในเหตุผลสำคัญของการใช้ POS ก็เพื่อเก็บข้อมูลการขายให้ได้อย่างแม่นยำและนำไปวิเคราะห์ต่อใช่ไหมล่ะครับ
FoodStory เตรียม Dashboard มาให้คุณได้วิเคราะห์กันอย่างจุใจไปเลย นอกจากจะอ่านง่ายแล้ว ยังให้มุมมองที่น่าสนใจและจำเป็นต่อการทำธุรกิจร้านอาหารจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น การดูเมนูขายดี, ยอดขายต่อ bill, ช่วงเวลาที่ขายดี ดูรายช่องทางการขาย และ สาขาก็ได้
และมีแม้กระท่ังรายงานภาษีขาย ซึ่งเมื่อพูดถึงรายงานด้านภาษีแล้วล่ะก็ FoodStory เองก็เชื่อมต่อกับ Partner ที่เป็นโปรแกรมบัญชีอย่าง FlowAccount และ PEAK ที่กำลังจะตามมาในเร็วๆนี้ ให้คุณได้ทำธุรกิจได้ต่อเนื่องแบบไม่มีสะดุดอีกด้วย
FoodStory เหมาะกับใคร?
จริงๆต้องพูดว่า ร้านอาหารทุกๆร้านทุกๆประเภทนั้นควรมี POS ไว้ใช้งานเพื่อบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถึงแม้ว่าแพ็กเกจของ FoodStory นั้น จะสามารถรองรับการใช้งานของร้านตั้งแต่ขนาดเล็กๆได้
แต่ Toolscape มองว่าฟีเจอร์หลายๆตัวของ FoodStory ก็เป็นสิ่งที่ร้านอาหารแบบ Full Scale ต้องการ โดยเฉพาะร้านที่มีหลายสาขา และต้องการบริหารวัตถุดิบและโปรโมชั่นการขายให้อยู่หมัด
หรือแม้กระทั่งร้านอาหารที่มีโมเดลการให้บริการพิเศษๆ อย่าง บุฟเฟต์ ร้านที่มีระบบ Self-ordering หรือ Online Delivery FoodStory ก็สามารถดูแลได้เช่นกันครับ
แพ็กเกจและราคา
แพ็กเกจของ FoodStory เริ่มต้นที่
- 15,000 บาทต่อปีสำหรับร้านค้าขนาดเล็กแบบจ่ายก่อนกินอย่าง Food Truck และร้านขนาดเล็กทั่วไป
- 17,000 บาทต่อปี สำหรับร้านแบบกินก่อนจ่าย ต้องการฟีเจอร์การจัดการโต๊ะ
- 30,000 บาทต่อปี สำหรับร้านอาหารแบบ Full Service
- และ 32,000 บาทต่อปี สำหรับร้านอาหารบุฟเฟต์ครับ
✨สิทธิพิเศษสำหรับผู้ติดตาม Toolscape✨
✅ ส่วนลดพิเศษ 2,000 บาทสำหรับซอฟต์แวร์ เมื่อสมัครใช้งานทุกแพ็กเกจเป็นเวลา 1 ปี (โปรนี้ถึง 31 ธันวาคม 2565 เท่านั้น)
(*จำกัดส่วนลด 2,000 บาท ต่อ 1 license / สามารถใช้ส่วนลดได้มากกว่า 1 สิทธิ์ในกรณีที่มีการเปิดหลายสาขา)
✅ อย่าลืมสมัครทดลองใช้งานฟรีได้เลยที่ลิงค์นี้ https://signup.foodstory.co/ref/freetrial
================
อย่าลืมกดกระดิ่งและ Subscribe ช่อง #Toolscape ของเราเพื่อตามอัปเดตแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ต่อการบริหารจัดการธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังติดตามเราได้ในช่องทางอื่นๆ ตามนี้เลย
โฆษณา