3 พ.ย. 2022 เวลา 23:34 • การศึกษา
ตัวเขาอาจเป็นศาสดาของตัวเองได้ ถ้าเขามีของเก่ามาดี เพราะจะมีหิริโอตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป โดยธรรมชาติ ศีลธรรมคุณธรรม ไม่ต้องพูดถึง มันรวมอยู่ในกล่องสุ่มเดียวกัน
ถ้าเขาเธอมีของเก่าติดตัวมาทางมิจฉาทิฐิ มีความไม่รู้ครอบงำ(อวิชชา) มีอกุศลจิตเป็นพื้นสันดาน ย่อมเป็นบุคคลอันตราย
ส่วนใหญ่ก่อนที่จะได้บุญเก่าส่งผลมาเกิดเป็นมนุษย์ มักมาจากอบายภูมิ เป็นส่วนใหญ่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน
แต่....ถ้าเขามีบุญเก่าส่งผลให้เจอกัลยาณมิตรก็นับว่าเป็นบุญวาสนาเก่าของเขาเธอ
การกระทำปัจจุบันสำคัญที่สุด เขาเธอแม้ไม่มีศาสนาก็เป็นคนดีได้สามารถสั่งสมทานศีลภาวนาในรูปแบบของเขาได้
ตัดสินที่สภาวะจิต จิตที่ดีมีเมตตา เกื้อกูลดูแล มีความคิดในแนว อกเขาอกเรา ไม่เบียดเบียนคิดร้ายใคร จิตคิดคำนึงถึงชีวิตตัวเองบ้างชีวิตสัตว์บ้างต้นไม้บ้าง ก็เป็นแนวภาวนาแบบธรรมชาติ
มีศาสนาหรือไม่มี ตัดสินที่จิตใจพฤติกรรม
คนมีศาสนา ทำชั่วมากมายมีให้เห็น
เพียงแต่เขายังคงต้องมาวนเกิดวนตาย เปลี่ยนภพภูมิไปเรื่อยๆตามผลบุญบาปที่ทำ ไม่สามารถหลุดจากสังสารวัฏได้เท่านั้นเอง
คนในศาสนาพุทธเองก็เถอะจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ที่ปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฏ น่าเสียดายที่รู้ว่าในศาสนาพุทธมีแนวทางที่จะพ้นทุกข์ แต่ไม่โฟกัส
แต่....กลับไปหลงเชื่อแนวคิดความเชื่อแบบเก่าๆโบราณ อันจะนำโชคลาภผลประโยชน์มาสู่ตนและครอบครัว เกิดกระแสอันมีแรงขับจากความโลภ อยากได้โชคลาภ อยากได้ความสำเร็จ
ไม่เข้าใจว่าผลบุญกรรมนั้นสลับกันมาส่งผลอยู่แล้ว ไปเร่งวาสนา โดยหารู้ไม่ว่าต้องชดใช้พร้อมทั้งต้นและดอกเบี้ย คล้ายเหมือนโกงความตาย
ลองไปสังเกตดู พวกเร่งวาสนาเบี่ยงกรรมแบบชาวโลกที่หนาด้วยกิเลส ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ส่วนมากจะต้องรับผล......
มีบ้างบางส่วนไม่เป็นไร เพราะบุญเก่าหล่อเลี้ยงไว้
การปรับโหงวเฮ้งหรือดวงชะตา หลายคนไม่แก้ที่ภายใน คือ ปรับด้วย ทานศีลภาวนา ปรับด้วยการปฏิบัติบูชาอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ความโลภ
หลายคนชีวิตดีขึ้นจากการบำเพ็ญ ดีขึ้นอย่างมั่นคง พร้อมกับเหล่าเทวดาก็ดูแล
1
คนไม่มีศาสนา หรือมี เทียบไม่ได้กับการมีกัลยาณมิตร และตัดสินที่คุณธรรม
1
คนมีศาสนา ก็มีทั้ง มีศาสนาในกระดาษ กับมีศาสนาในจิตใจ แม้คนส่วนใหญ่มีศาสนามีการเข้าวัดทำในสิ่งที่สังคมทำ แต่ก็เข้าไม่ถึงศาสนามากมาย
เหล่านี้ตัดสินที่โลภโกรธหลง ยังมีง่าย ขาดสติ เหมือนเดิมก่อนตอนยังไม่บำเพ็ญไหม
ถ้ายังแรงในโลภโกรธหลง ก็คือผิดทาง ไม่เข้าใจ วางใจไม่ถูกในการทำบุญถือศีลหรือปฏิบัติ
หลายคนหลงไปกับอัตตาตัวตน มาก ไม่ว่าครูหรือศิษย์อาวุโส ขาดเมตตา กรุณา ชัด อคติ ชัด เหล่านี้สะท้อนถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติ
ไม่ว่าสายไหน สำนักใด ที่ว่าได้สภาวะธรรม ได้บรรลุขั้นนั้นขั้นนี้ หลงคิดไปเองเยอะ ต้องตัดสินที่นิวรณ์5 เบาบางลงแค่ไหน
เข้าใจดีว่าแม้โสดาบันก็ยังมีโลภโกรธหลง แต่ท่านเบาบางมาก และไม่นำไปเบียดเบียนใคร ทำร้ายใคร เพราะสติท่านมีกำลังมากพอ
ทุกวันนี้เราจะเห็น คนบ้าอำนาจ อีโก้ อัตตาตัวตนสูง ปล่อยจิตอารมณ์ให้อำนาจโทสะโมหะครอบงำได้ง่าย
มีมากในหมู่ผู้มีโอกาสได้ลาภสักการะ ครู อาจารย์ แม้ในหมู่ผู้ปฏิบัติ
กฎแห่งกรรมเที่ยงธรรมเสมอ ล.จรัญฯท่านก็เคยพูดเสมอว่า " เปรตในวัดก็มาจากคนในวัดนี่แหละโยม "
โฆษณา