4 พ.ย. 2022 เวลา 09:06 • ประวัติศาสตร์
การตายอย่างต่อเนื่องในคฤหาสน์โบราณ มันคือฝีมือของผีร้ายหรือคนร้ายแน่???
คฤหาสน์ที่มีอายุกว่า 100 ปี และมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลล่า ถูกซื้อต่อด้วยมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากธุรกิจค้ายาและเวชภัณฑ์ แต่หลังจากการย้ายเข้าอยู่ โจนา แซกไน กลับต้องสูญเสียลูกชายและแฟนสาวในเวลาไล่เลี่ยกัน ในคฤหาสน์หลังนั้น
โจนาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง เขามีลูกกับภรรยาคนแรก 2 คน และกับภรรยาคนที่ 2 อีก 1 คน ในตอนเกิดเหตุเขาได้อาศัยอยู่กับแฟนสาวที่มีชื่อว่า รีเบคก้า ซาฮา ซึ่งมาจากเมียนมาร์ เนื่องจากหลังจากการหย่าร้างกับภรรยา ลูก ๆ ทั้ง 3 คนได้อาศัยอยู่กับแม่ แต่ช่วงวันหยุดยาวในหน้าร้อน เขาจะถือโอกาสรับลูก ๆ มาอาศัยอยู่ด้วยกัน และรีเบคก้าก็ได้นำซีน่า น้องสาวมาพักอยู่ด้วยกันในช่วงวันหยุด
เมื่อครบกำหนดใกล้เปิดเทอม โจนาได้ขับรถไปสนามบินเพื่อส่งลูกชาย 2 คนแรกให้กลับไปหาแม่ หลังจากนั้นเขายังพอมีเวลาว่างจึงได้แวะออกกำลังกายที่ฟิตเนสอยู่ 2 ชั่วโมง ซึ่งเหตุร้ายได้เกิดขึ้นในขณะนั้นเอง
จากคำบอกเล่าขอซีน่า เธอเล่าว่าเนื่องจากไดร์เป่าผมของเธอเสีย เธอจึงไปยืมใช้ของพี่สาวในส่วนตัว ในขณะนั้น แม็ก ลูกชายวัย 6 ขวบอีกคนของโจนาได้เล่นสกู๊ตเตอร์อยู่บริเวณระเบียงทางเดิน จากนั้นไม่นานเธอได้ยินเสียงดังสนั่นจึงได้วิ่งออกจากห้องพี่สาวไปดู เธอพบว่าแม็กนอนอยู่ที่พื้นชั้นล่าง รอบตัวที่เศษโคมไฟระหย้าขนาดใหญ่อยู่รอบ ๆ เธอรีบตะโกนเรียกพี่สาวให้ออกมาดู
รีเบคก้าตกใจตันตัวสั่น แต่ก็ยังบอกให้ซีน่ารีบโทรหาตำรวจและรถพยาบาล ก่อนที่เธอจะทำการผายปอดให้กับแม็ค หลังจากส่งเด็กน้อยไปยังโรงพยาบาล แพทย์ทำได้เพียงใส่เครื่องช่วยหายใจเพื่อพยุงสัญญาณชีพของเขาเท่านั้น เพราะร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บจนสาหัสมาก แต่สุดท้าย…แพทย์ก็ไม่สามารถยื่อชีวิตของเขาเอาไว้ได้
จากการสืบส่วนในขั้นต้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบว่าแม็คมีส่วนสูงที่พอดีกับระเบียง หากเขาไม่ใช้แรงอย่างมากเพื่อปีนขึ้นไป มันไม่มีทางที่เขาจะตกลงมาได้เองอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเกิดจากการลื่นไถลของสกู๊ตเตอร์ที่แม็กเล่นอยู่ แต่ด้วยพรมอันหนาที่ปูอยู่มันไม่สามารถทำให้สกู๊ตเตอร์วิ่งได้เร็วพอที่จะส่งผลให้เด็กน้อยไถลจนตกลงมา
อีกทั้งที่หลังของเด็กชายก็ยังมีฟกช้ำคล้ายกับเลข 7 ซึ่งรอยแบบนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าการที่เกิดรอยแบบนี้ได้ต้องเกิดจากที่เด็กได้พิงระเบียงและมีใครกดตัวเขาหงายไว้ จึงทำให้มีรอยเส้นตั้งและเส้นนอนแบบนี้
แต่ด้วยส่วนสูงและน้ำหนักของซีน่าผู้เป็นน้องสาว มันไม่มากพอที่จะจับแม็กโยนลงมาได้ ตำรวจจึงหันไปหารีเบคก้า เพราะในขณะนั้นไม่มีคนอื่นอยู่ในบ้านเลย แต่แล้วตำรวจก็ต้องมืด 8 ด้าน เพราะเพียงหลังจาก 2 วันของการเกิดเหตุ รีเบคก้าก็ได้เสียชีวิตอยู่ในคฤหาสน์เช่นเดียวกัน
ร่างของรีเบคก้าไม่ได้สวมเสื้อผ้า และบนประตูมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า
เธอช่วยเขา แล้วคุณล่ะช่วยเธอได้ไหม
เพื่อนบ้านบอกว่าในคืนก่อนพบศพของเธอได้เกิดเรื่องประหลาด เพราะในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน หลายคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วย เสียงเพลงดังมาจากในตัวคฤหาสน์พร้อมทั้งไฟก็เปิดสว่าง แต่เมื่อได้เดินมาเช็คดูทุกอย่างก็เงียบลงอีกทั้งไฟก็ดับสนิท เรื่องนี้ได้แพร่ออกไป จนกระทั้งมีหมอผี บาทหลวงมาทำพิธี อีกทั้งเหล่าวัยรุ่นที่อย่างจะลองของ
แต่ตำรวจไม่เชือเรื่องพวกนั้น อีกทั้งในคืนเกิดเหตุก็มีน้องชายของโจนามาอาศัยอยู่ด้วย
อดัม ผู้เป็นน้องชายอายุ 50 ปี เคยเป็นกะลาสีมาก่อน และยังโสด เขาเล่าว่าเนื่องจากเกิดเหตุกับหลานชายเมื่อ 2 วันก่อน ทำให้พ่อครัวไม่มาทำงานเขาจึงต้องออกไปหาอะไรทานเอง เมื่อเดินผ่านระเบียงเขาก็ได้พบกับร่างของรีเบ็คก้าผูกห้อยอยู่แบบเปลือยเปล่า เขาจึงได้รีบหาเก้าอี้มาปีนตัดเชือกแล้วปฐมพยาบาล ก่อนจะวิ่งกลับไปโทรแจ้งตำรวจที่เรือนรับรอง
เมื่อเจ้าหน้าที่ชันสูตรได้นำร่างของรีเบ็คก้าไปตรวจสอบกลับพบแต่ดีเอ็นเอของตำรวจ ซึ่งหากตรงกับคำบอกเล่าของอดัมแล้ว มันควรจะต้องมีดีเอ็นเอของเค้าอยู่บนนั้นด้วย เพราะเขาก็ได้ทำการผายปอดให้เธอเช่นกัน แต่ด้วยความสัมพันธ์อันดีของอาดัมและรีเบ็คก้าจากปากของพยาน รวมไปถึงการเข้าเครื่องจับเท็จที่ไม่ตรวจพบความผิดปกติ จึงไม่สามารถตั้งข้อกล่าวหาใด ๆ กับเขาได้
ถึงแม้ว่าหลายหลายคนจะเชื่อว่าการตายของรีเบ็คก้าเป็นการตัดสินใจของเธอเอง แต่ครอบครัวของเธอไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะสภาพศพของเธอมีการมัดมือและเท้า รวมไปถึงมีเสื้อยืดยัดอยู่ในปาก ซึ่งมันดูยุ่งยากเกินไปสำหรับคนที่จะฆ่าตัวตาย
หลังจากผ่านไป 7 ปีที่ตำรวจได้ระบุว่าคดีของแม็คคืออุบัติเหตุ และคดีของรีเบ็คก้าคือการฆ่าตัวตาย ครอบครัวของทั้งสองได้ยืนยันที่จะหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในการสืบคดี ในขั้นตอนการให้ปากคำในชั้นศาล ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งได้แจ้งถึงจุดที่น่าสงสัยไว้ว่าศพของรีเบ็คก้าไม่มีอาการคอหัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการทิ้งตัวลงมาจากระเบียงเช่นนั้นกระดูกที่คอต้องมีการเสียหาย รวมไปถึงร่างของเธออยู่สูงจากพื้นเพียงแค่ 27 นิ้วเท่านั้น แต่ตามคำบอกเล่าของอดัมกล่าวว่าเขาได้หาโต๊ะมาต่อเพื่อตัดเชือกและเอาตัวเธอลงมา
ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวต่อไปว่าหากเขานำโต๊ะมาต่อขึ้นไปจริงเค้าจะอยู่สูงเกินกว่าจุดตัดไปมาก อีกทั้งร่างของเธอยังจะต้องตกกระแทกพื้น และมองว่าโต๊ะมีหน้าที่เดียวคือการนำร่างของเหยื่อที่เสียชีวิตแล้วขึ้นไปแขวน อีกทั้งเงื่อนที่ใช้มัดมือและเท้าของเหยื่อยังเป็นเงื่อนที่เรียกกันว่าเงื่อนกะลาสี
ในท้ายที่สุดของการตัดสินในคดีแพ่ง ศาลได้ถามอดัม 2 คำถามว่าเค้าเคยทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับรีเบ็คก้าใช่ไหม และพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้รีเบ็คก้าเสียชีวิตใช่หรือไม่ ทั้งสองคำถามได้คำตอบว่า “ใช่” ทำให้ศาลตัดสินให้อดัมจ่ายเงินค่าปรับให้กับครอบครัวของรีเบ็คก้าเป็นจำนวนเงิน 500 ล้านดอลลาร์ แต่เงินจำนวนนี้ถือว่าไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะมุ่งหมายที่แท้จริงของครอบครัวของรีเบ็คก้าคือการนำคดีนี้ไปสู่คดีอาญา ซึ่งในปัจจุบันตำรวจยังไม่มีการเปลี่ยนข้อสรุปของคดีรีเบคก้านี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
ข้อมูลและรูปภาพ
Youtube ช่อง สำนักสืบลับ
โฆษณา