Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
6 พ.ย. 2022 เวลา 09:50 • ปรัชญา
“การกระทำของเรามันจะมีผลต่อการเป็นตัวตนของเรา”
ตามหลักคำสั่งคำสอน พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เรามีกรรมเป็นผู้ให้กำเนิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จะทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่ว เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น อันนี้แหละเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรามาเกิดกัน เรามีกรรมเป็นผู้ให้กำเนิด กำเนิดก็มี ๓ แบบ มาเกิดเป็นคนดี เกิดเป็นคนไม่ดี เกิดเป็นคนแบบกลางๆ จะดีก็ไม่ใช่ จะไม่ดีก็ไม่เชิง คือไม่ดีไม่ชั่ว เพราะอดีตของเรา เรา
ตอนที่มาเกิดในโลกนี้ เราเคยอยู่ในโลกอื่นมาก่อน เราเคยเกิดมาเป็นมนุษย์ในยุคก่อนๆ และเราเคยทำกรรมดีบ้างทำกรรมชั่วบ้าง ทำกรรมไม่ดีไม่ชั่วบ้าง ผลเวลาที่เราสรุป สรุปแล้วบางทีเราก็ทำกรรมดีมากกว่า เราก็จะมาเกิดเป็นคนดี ถ้ากรรมที่เราสรุปแล้วเป็นความชั่วมากกว่ากรรมอย่างอื่น เราก็จะมาเป็นคนชั่ว ถ้าการสรุปของกรรมมันทำให้เรามีกรรมกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่วมากที่สุด เราก็จะมาเกิดเป็นแบบกลางๆ คือไม่ดีไม่ชั่ว ถึงแม้เราอาจจะมาเกิดจากพ่อแม่คนเดียวกัน แต่พี่น้องใน
ครอบครัวของเรานี้อาจจะเป็นคนดี เป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดีไม่ชั่ว เพราะว่าการเป็นคนดีเป็นชั่วหรือเป็นคนไม่ดีไม่ชั่วนี้ ไม่ได้มาจากพ่อแม่ของเรา พ่อแม่ทางร่างกาย พ่อแม่ทางร่างกายให้ร่างกายเรามา หน้าตาเราอาจจะเหมือนกัน บางคนเป็นฝาแฝด ออกมาเป็นแฝดสองแฝดสามหรือแฝดสี่ หน้าตาเหมือนกันหมดเลย มาจากพ่อแม่เดียวกัน นี่คือร่างกายของพวกเรา ร่างกายของพวกเรานี้ได้มาจากพ่อแม่ของเรา พ่อแม่มีหน้าตาอย่างไร เราก็จะมีหน้าตาคล้ายคลึงกับพ่อแม่ทางร่างกาย
พ่อแม่เป็นชาวต่างชาติเป็นชาวฝรั่ง เราก็จะมีหน้าตาเป็นชาวฝรั่ง ถ้าพ่อแม่มีหน้าตาเป็นชาวไทย หน้าตาของเราก็จะเป็นชาวไทย อันนี้คือทางร่างกาย
แต่การมีร่างกายเป็นฝรั่งหรือเป็นไทยนี้ไม่ได้เป็นการกำหนดว่าเป็นคนดีหรือไม่ใช่เป็นคนดี เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือเป็นคนฝรั่ง ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ฝรั่งก็มีคนดีมีคนไม่ดี มีคนกลางๆ คนไทยก็มีคนดีมีคนไม่ดีมีคนกลางๆเหมือนกัน นี่การที่เป็นคนดีไม่ดี เป็นคนกลางๆ นี้ ไม่ได้มาจากพ่อแม่ พ่อแม่อาจจะเป็นคนดี แต่ลูก
ที่มาเกิดอาจจะไม่ได้เป็นคนดีก็ได้ หรือพ่อแม่เป็นคนไม่ดี แต่ลูกที่มาเกิดอาจจะเป็นคนดีก็ได้ เพราะการเป็นคนดีเป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดีไม่ชั่วนี้ ไม่ได้มาจากร่างกายของพ่อแม่ มาจากกรรม คือการกระทำของเราในอดีตชาติ ตามหลักศาสนานี้ เราไม่ได้อยู่ดีๆก็โผล่มาจากดินน้ำลมไฟเหมือนต้นไม้ ต้นไม้นี้มันโผล่มาจากดินน้ำลมไฟ พอฝนตกเอาเมล็ดลงไปฝังไว้ในดิน ต่อไปเมล็ดนั้นก็จะงอกงามขึ้นมาเมื่อได้ดินได้น้ำได้ลมได้ไฟ แต่การเป็นคนดีเป็นคนชั่ว การเป็นคนไม่ดีไม่ชั่วนี้
เกิดจากการกระทำความดีความชั่วหรือความไม่ดีไม่ชั่วของเราในอดีตชาติ เพราะว่าใจของเรานี้ไม่ได้ตายไปกับร่างกายของเรา เมื่อชาติก่อนเราก็เคยมาเกิดเป็นมนุษย์กัน แล้วเราก็มาทำความดีกันบ้างทำความชั่วกันบ้าง ทำความไม่ดีไม่ชั่วบ้าง แล้วมันก็สะสมขึ้นมา ทำให้เรามีนิสัยดี นิสัยไม่ดี นิสัยชั่วกัน หรือนิสัยไม่ดีไม่ชั่ว พอร่างกายของเราตายไป แต่ใจที่มีบรรจุด้วยความดีความชั่วความไม่ดีไม่ชั่วนี้ ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย พอมันมาได้ร่างกายอันใหม่ มันก็เอาความดีความชั่วความไม่
ดีไม่ชั่วติดมาด้วยกับใจ ความดีความชั่วความไม่ดีไม่ชั่วนี้อยู่ในใจของแต่ละคน ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย เช่น ถ้าร่างกายของเราที่เรามีอยู่นี้ วันใดวันหนึ่งมันก็ต้องตายไป แต่ใจของเราที่ดีหรือไม่ดีหรือเป็นใจที่กลางๆ อันนี้ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย ใจที่เป็นอะไรก็จะไปเกิดได้ร่างกายอันใหม่ จากพ่อแม่คนใหม่ พ่อแม่คู่ใหม่ แต่เป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดีหรือเป็นคนกลางๆนี้ ก็อยู่ที่การกระทำของเราในปัจจุบันในชาตินี้
นี่แหละที่ท่านบอกว่าเรามีกรรมเป็นกำเนิด กำเนิดก็คือผู้ให้เรามาเกิดเป็นคนดี เป็นคนไม่ดี เป็นคนกลางๆครึ่งๆ ครึ่งดีครึ่งไม่ดี อันนี้ไม่ได้มาจากพ่อแม่ทางร่างกาย พ่อแม่ทางร่างกายให้ร่างกายของเรามา ให้ร่างกายที่มีอาการ ๓๒ คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เป็นต้น แต่ผู้ที่ให้นิสัยที่ดีนิสัยที่ไม่ดีนั้นก็คือกรรม คือการกระทำของเราในอดีตชาตินั่นเอง เราจึงมาเกิดเป็นคนที่ไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะเกิดอยู่ในครอบครัวเดียวกัน พ่อแม่คนเดียวกัน คนหนึ่งก็อาจจะชอบไปเสพ
อบายมุข ชอบไปดื่มสุรา ชอบไปเล่นการพนัน ชอบไปเที่ยว ชอบไปทำบาป ยิงนกตกปลา ชอบไปลักเล็กขโมยน้อย ชอบไปประพฤติผิดประเวณี อีกคนหนึ่งนี้กลับไม่ชอบอบายมุข ไม่ชอบทำบาป แต่ชอบไปวัด ชอบไปทำประโยชน์ ไปเป็นอาสาสมัครไปทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมให้แก่ผู้อื่น หรือชอบไปปฏิบัติธรรม ชอบไปฝึกสมาธิ บางคนก็ชอบไปบวช บางคนบวชตั้งแต่เด็กก็มี เกิดมานี้พอเห็นวัดเห็นพระเห็นเณร ก็ขอพ่อแม่บวชเลย บางทีพ่อแม่ไม่ได้บอกให้บวช แต่ใจที่เคยมีอดีต
อยู่กับการบวช พอเห็นพวกนักบวชนี้ก็มีความผูกพันขึ้นมาทันที เพราะว่าได้กระทำในสิ่งที่ตนชอบเอง สิ่งที่ทำให้ตนเองมีความสุขก็จะเลือกสิ่งนั้น คนที่มีความสุขกับอบายมุขกับการทำบาป เขาก็จะเลือกไปทำบาปไปเสพอบายมุข คนที่มีความสุขจากการทำบุญจากการทำความดีต่างๆ จากการได้บวช ก็จะไปบวชกัน นี่แหละคือความแตกต่าง ที่ทำให้พวกเราที่มาเกิดนี้มีความแตกต่างกันนั้น ก็เกิดจากการกระทำของพวกเราที่เรียกว่ากรรมนี้ ที่แตกต่างกันในสมัยอดีตชาตินี่เอง
ดังนั้น การกระทำของเรานี้ไม่ว่าจะภพไหนชาติไหน เช่นชาติปัจจุบันนี้ มันก็จะมีผลต่อการเป็นตัวตนของเรา จะมีผลว่าเราจะเป็นคนดีต่อไปหรือไม่ จะเป็นคนชั่วต่อไปหรือไม่ หรือจะเป็นคนไม่ดีไม่ชั่วต่อไปหรือไม่ อยู่ที่การกระทำของเราในปัจจุบัน ในอดีตนั้นเราไปกลับไม่ได้แล้ว เราย้อนกลับไปในอดีตชาติไม่ได้ กลับไปแก้การกระทำของเราไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นวิสัยของใครที่จะทำได้ เพราะอดีตนี้มันผ่านไปแล้ว ทำกรรมอันใดไว้แล้วก็จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น แต่อนาคตนี้เป็นสิ่ง
ที่ยังไม่มา เป็นสิ่งที่จะตามมาจากปัจจุบัน อันนี้เราสามารถกำหนดอนาคตของเราได้ เพราะถ้าเรารู้เหตุของการที่เราจะไปเป็นในอนาคตว่าเราจะเป็นอะไร เราจะไปเป็นคนดีต่อ เราจะเป็นคนชั่วต่อ เราจะเป็นคนไม่ดีไม่ชั่วต่อ ก็อยู่ที่การกระทำของเราในปัจจุบันนี้เอง ถ้าตอนนี้เรายังไม่ดีพอ เราก็สามารถทำให้ดีไปกว่านี้ได้ วันนี้เราเป็นคนอย่างนี้ พรุ่งนี้เป็นอนาคตแล้ว เราอาจไม่ต้องรอถึงภพหน้าชาติหน้า เราก็สามารถจะปรับปรุงตัวเราเองให้เป็นคนดีได้ในชาตินี้เลย
ธรรมะหน้ากุฏิ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย