7 พ.ย. 2022 เวลา 10:35 • ประวัติศาสตร์
" ความเชื่อในเรื่องพญานาค "
Thailand Tourism Directory
ความเชื่อของชาวพุทธในเรื่องเกี่ยวกับพญานาคนั้น...
...ชาวพุทธต่างเชื่อกันมานมนานแล้วว่า พญานาคนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ และมีที่อยู่ภพภูมิอยู่ลึกลงไปที่เมืองบาดาล ที่ลึกลงไปจากใต้ดินถึง 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร
เมืองบาดาลที่ว่านั้น ก็เหมือนเมืองอื่นๆ ประกอบไปด้วยปราสาทราชวัง และสิ่งวิจิตรตระการตาสารพัดสารสารพัน
 
เรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องด้วยเมืองบาดาลนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่กล่าวอ้างขึ้นมาลอยๆ เพราะมีเค้าและความเรื่องอยู่ในบทไตรภูมิพระร่วง ซึ่งในไตรภูมิพระร่วงก็มีอันพูดถึงเรื่องราวของพญานาคว่าเป็นเทพที่คอยปกปักรักษาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา
...อันเป็นความเชื่อมาแต่โบราณ ที่อิงศาสนาเข้ากับความเชื่อ ความนับถือของบุคคลได้
ในบันทึกเก่าๆ กล่าวถึงพญานาคไว้ว่า พญานาคเป็นพญาแห่งงูและสัตว์มีพิษทั้งปวง มีกายทิพย์ มีฤทธานุภาพมากสามารถจำแลงกายเป็นอะไรก็ย่อมได้ เพราะพญานาคเป็นเทพกึ่งสัตว์
 
ว่ากันว่า พญานาคมีฤทธิ์ และพิษมาก เวลาเลื้อยไปที่ใด ก็ต้องย่อมอ้าปากไปด้วยเสมอๆ เพราะความที่มีพิษเยอะหรืออย่างไร ทำให้ละอองพิษปลิวออกจากร่างกาย
" ละอองพิษนี้เมื่อลอยไปถูกสิ่งใดเข้าก็พากันล้มตายลงหมด "
คนโบราณเชื่อกันว่า พิษร้ายของพญานาคนั้น มี 64 ชนิด ด้วยความที่มีพิษร้ายขนาดนั้นอยู่ในตัว จึงต้องหาทางคายพิษทิ้งไว้ในที่เร้นลับทุกๆ 15 วันเพราะไม่อย่างนั้นพิษร้ายจะย้อนเข้าตัว
ด้วยความที่พญานาคเที่ยวคายพิษไว้ทุกๆ 15 วัน ทำให้พิษที่คายไว้นั้น แพร่ไปตามพื้นดิน ด้วยความที่พิษของพญานาคมีฤทธิ์มาก ตกลงที่ไหนก็หายนะที่นั่น
 
แต่ทว่าพิษพวกนี้กลับเป็นที่สนใจของพวกสัตว์จำพวกงู พวกมันพากันมาดื่มกินพิษกันคนละเล็กละน้อย ก็เลยทำให้พวกมัน มีพิษอยู่บ้างสัตว์อื่นๆ จำพวก แมงป่อง, ตะขาบ, คางคก, แมงมุง และพวกมดและแมลงอีกหลายชนิด ต่างก็มาดูดกินเศษนี้ ท้ายที่สุดก็ทำให้พวกมันพลอยได้รับพิษเข้าสู้ร่างกาย และกลายเป็นสัตว์มีพิษมาจนทุกวันนี้
พญานาคมีอิทธิฤทธิ์ แปลงอะไรได้ตามใจนึกคิดปรารถนา แต่ทว่าถึงกระนั้น ก็ยังต้องกลับมาคืนสู่สภาพเดิมเป็นพญานาคงูใหญ่ ด้วยเงื่อนไข 5 ข้อก็คือ
 
1. เมื่อลอกคราบ 2. เมื่อเสพกามผสมพันธุ์ 3. เมื่อนอนหลับ 4. เ้มื่อแรกเกิด และ 5. เมื่อตาย
ซึ่งพญานาคนั้น หากตายโดยธรรมชาติหรือเมื่อถึงอายุขัย ก็จะกลับคืนร่างเดิม โดยขดตัวเอง เป็นบัลลังก์ ( เรียกนาคบัลลังก์ ) หรือนอนราบเหยียดยาว
ในบันทึกเก่าๆ มีตำนานความเชื่อเกี่ยวกับการตายของพญานาคอยู่ว่า...
"...สภาพร่างกายจะกลับเป็นหิน ไม่ได้ย่อยสลายเหมือนกับซากสัตว์อื่นๆ เนื่องมาจากพญานาคเป็นสัตว์กึ่งเทพที่มีฤทธิ์เดชมาก พอแตกดับลงพิษนั้นจะกลับซึมเข้าสู่ร่างกาย จนร่างกายค่อยๆ กลายเป็นหินในที่สุด และมักจะพบร่างกายของพญานาคที่กลายเป็นหิน อยู่ในถ้ำลึก หรืออยู่ในก้นแม่น้ำใหญ่ "
ถิ่นอาศัยของพญานาคตามคตินิยมของเราแต่โบราณนั้น ว่ากันว่าพญานาคมีอยู่ทั่วๆ ไปในเมืองบาดาล, บนสวรรค์, ป่าหิมพานต์ หรือแม้แต่กระทั่งในโลกมนุษย์เองก็ตาม
ด้วยความที่พญานาคมีกายทิพย์ ซึ่งมีท้าววิรูปักษ์ ซึ่งเป็นประธานของเหล่านาค องค์ท้าววิรูปักษ์ปกครองสวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา และนอกจากนั้น ยังเห็นว่า พญานาคมีอยู่ด้วยกันสี่ตระกูลใหญ่ ซึ่งแต่ละตระกูลนั้น แยกตามความเชื่ิอได้ดังนี้
Thainews Online
1. ตระกูล วิรูปักษ์ กำเนิดจาก โอปปาติกะ
เป็นพญานาค ที่มีลำตัว สีรุจน์อุไรวรรณจันทราภา ( สีทอง ) มีเกล็ดทองคำบุศรินทร์ บางตำนานว่าสีทองมหิธาสุวรรณชาด เป็นชั้นปกครองเป็นหนึ่งในสองพญานาคที่ฆ่าฟันกันเอง ที่ชิงความเป็นใหญ่แห่งหนองแส และ ต่อมากลายเป็นตำนานที่เลื่องลือของลุ่มแม่น้ำโขง และเชื่อกันว่าเป็นผู้จุดประทีปโคมไฟถวายในงานออกพรรษา โดยท่านวิรูปักษ์เป็นประธาน
Thainews Online
2. ตระกูลเอราปถ กำเนิดจากฟองไข่
ว่ากันว่าตระกูลนี้ มีลำตัวมะเมื่อมเขียวมรกตจงกลนี ( บางตำราว่าสีไพลมณีรัตนชาติ ) เกล็ดมรกตนภัศวรรอดเพชร บ้างก็ว่าลักษณะออกไป ทางงูใหญ่ อยู่ในถ้ำวิธูปนะ ลึกถึงห้าสิบโยชน์ เป็นพญานาคตระกูลที่พบได้มากที่สุด และขึ้นมาบนพิภพมนุษย์บ่อยครั้ง ตามบันทึกว่าพบในทุกๆพื้นที่บทโลกมนุษย์
Thainews Online
3. ตระกูลฉัพพยาปุตตะ กำเนิดจากครรภ์
เป็นพญานาคกายสีเลื่อมรุ่งมรุลี ( บางตำราว่าสีโกเมนสุริยฉัตรปภัศร ) พญาสุรอุทก เป็นบุตรของพญาขุนขอมราชบุตรแห่งเมืองอินทปัต มีแม่เป็นพญานาคเทวี ธิดาพญานาคคราช ได้อพยพพลเมืองมาสร้างเมืองใหม่ที่หนองหารหลวง เป็นพญานาคที่มีฤทธิ์มาก และมีตำนานที่กล่าวขานถึงมากมายหลายเรื่อง ( บ้างว่า เรื่องนางอุทัยเทวีก็เป็นที่มาจากเรื่อง นางอุทัยเทวี เป็นลูกสาวของ พระสมุทรมาลาพญานาคราช เห็นว่า นางอุทัยเทวีมี รูปโฉมที่งดงามมาก และนับเป็นหนึ่งในตำนานพญานาคด้วย )
Sanook
4. ตระกูลกัณหาโคตมะ กำเนิดจากสิ่งหมักหมม
เป็นพญานาค ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กายนิลกาฬมหิธร ( สีดำ ) เกล็ดนิลปาศรอมรสุภรัตน์ เป็นพญานาคที่นอนหลับอย่างยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ค่อยมีใครได้เห็นตัว ตามตำราโบราณว่า เคยตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง มาดูถาดทองคำที่พระโพธิสัตว์ทรงอธิษฐานก่อนจะบรรจุธรรมสำเร็จเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่ากันว่า เป็นการลอยถาดทองคำทวนน้ำที่ไปจมลงที่เมืองบาดาล และพญากาฬที่หลับใหลได้ตื่นขึ้นและบอกว่า เมื่อวานที่ตื่นก็มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ไปแล้วองค์หนึ่ง มาวันนี้ตรัสรู้อีกองค์หนึ่งแล้วหรือนี่ว่า
แล้วพญากาฬก็หลับต่อมาจนถึงปุจจุบัน
ที่กล่าวมานั้น เป็นส่วนหนึ่งในตำนานพญานาค ว่าที่จริงน่ามีจะวงศ์วานว่านเครือที่มากกว่านี้ แต่พญานาคสี่ตระกูลใหญ่นี้ นับเป็นพญานาคที่มีฤทธิ์มากที่สุด และมีเรื่องราวแตกแขนงออกไปมากที่สุด
ในเรื่องของเมืองบาดาล หรือที่อาศัยของพญานาคนั้น ตามตำราโบราณว่าเป็นแดนลี้ลับซึ่งเป็นโลกซ้อนโลกที่เรียกว่าเมืองบาดาล เป็นพิภพที่ซ้อนกันระหว่างภพมนุษย์ กับภพนาคและทางเข้าออกมักจะอยู่ใต้พื้นน้ำท้องน้ำขนาดใหญ่ หรือใต้สมุทร
นาคพิภพนั้น มีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่ วัดได้โดยประมาณถึง 500 โยชน์ มีหลายดินแดน และอยู่ในที่ที่แตกต่างกัน แต่ล้วนแล้วนับเป็นนาคพิภพทั้งสิ้น มีเรื่องราวเล่าต่อกันมาหลายเรื่องว่า
...วรุณนาค ที่เคยเป็นผู้บรรเลงดนตรีถวายพระพุทธเจ้า ใกล้ที่อยู่ของ พญามุจลินทร์ ( ที่ขึ้นมาแผ่พังพานบังฝนให้พระพุทธเจ้า ) ที่สระโบกขรณี ณ ที่นั้นคือนาคพิภพในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
หรือนาคพิภพที่เป็นที่อยู่ของพญาอนันตนาคราช แห่งทะเลสีทันดร อันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งพระนารายณ์ทรงบรรทมอยู่ในเกษียรสมุทร ซึ่งพญานาคราชก็ต้องแบ่งภาคมารับใช้โดยเป็นพระแท่นที่บรรทม
บ้างว่า นาคพิภพ อยู่บนยอดเขาสูง มีเถื่อนถ้ำมากมาย และในถ้ำนั้นมีแอ่งน้ำใหญ่ ว่ากันว่าแอ่งน้ำนั้น เป็นทางเข้าเมืองบาดาล ผรือต่อไปสู่เมืองของพญานาคได้
ดังนั้น นาคพิภพหรือเมืองบาดาล จึงมีอยู่หลายที่ หลายสถานะแต่ล้วนเป็นเมืองบาดาลทั้งสิ้น บ้างก็ว่า ด้วยความที่เมืองบาดาล ซ้อนอยู่กับโลกมนุษย์
" ดังนั้น จึงไม่แปลกที่มนุษย์ จะพบพญานาคอยู่หลายครั้ง และในแต่ละครั้งพญานาคที่ขึ้นมาให้เห็นก็เนื่องจากบาดาลและโลกมนุษย์มาซ้อนต้องกันพอดี ทำให้มนุษย์ได้เห็นพญานาคนั่นเอง "
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยเด้อ
ที่มา หนังสือ ฤทธิ์พญานาค
โฆษณา