เหมือนเป็นปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรมและบ่มเพาะไปเรื่อยๆ
ถ้าปะทุขึ้นมา คงจะหนักกว่าปัญหาโรคระบาดแน่ๆ
เพราะผลกระทบของที่เกิดขึ้น จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต
มันถูกมองว่าเป็นปัญหาเล็กๆเพราะตัวเราเองก็เคยมองแบบนั้นมาก่อน ตอนนั้นยังไม่ได้ให้ความสนใจ ไม่ได้ศึกษาผลกระทบ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ
พอลองนึกย้อนไปถึงแผนที่โลกในอดีต ที่ยังมีผืนแผ่นดินเยอะกว่าตอนนี้ หลายพื้นที่เคยเชื่อมต่อกัน และสิ่งมีชีวิตในยุคนั้นสามารถเดินเท้าอพยพจากทวีปหนึ่งไปยังทวีปหนึ่งได้ แต่การหายไปของผืนแผ่นดินที่ว่านี้ มันคงเกิดขึ้นอย่างช้าๆโดยที่เราไม่รู้ตัว และมันคงใช้เวลานานมากจริงๆ จนเราคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ช่วงนี้หลายคนกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ หลายสื่อมีการนำเสนอและพูดคุยเรื่องผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น สภาวะโลกร้อน ฯลฯ ผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้ได้เรารู้รายละเอียดมากขึ้น และเริ่มรับรู้แล้วว่ามันน่ากลัวกว่าที่คิด
ทั่วโลกพยายามผลักดันเรื่องพลังงานสะอาด เช่น ผลักดันการใช้รถไฟฟ้า แต่มันก็น่าคิดเกี่ยวกับกรรมวิธีการผลิตแร่ธาตุที่ใช้ในแบตเตอรี่ มันไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมใช่หรือไม่?หรือถ้าขุดมาใช้เรื่อยๆมันก็ต้องมีวันหมด? แล้วมันจะตอบโจทย์เรื่องสภาวะโลกร้อนได้หรือไม่?
อีกทั้งสภาวะที่ถูกบีบเค้นให้กลับไปใช้พลังงานแบบเดิมๆเพราะสงครามรัสเซียยูเครน และปัจจัยอื่นๆที่มีความเชื่อมโยงกันซึ่งเราควบคุมไม่ได้..แต่เราสามารถช่วยโลกได้กับสิ่งเล็กๆที่อยู่รอบตัวเรา เริ่มต้นจากตัวเรา…
เราเพียง1คนก็จะกลายเป็นเราหลายคนได้ถ้าทุกคนช่วยกัน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
