10 พ.ย. 2022 เวลา 01:31 • ปรัชญา
"คืนสู่ความไม่มี
กลับคืนสู่ความเป็นกลางของธรรมชาติ
… เดิมทุกอย่างมันก็คือความไม่มีอยู่แล้วนะ"
2
" … ให้เวลากับการเพาะบ่มสติปัญญา เพื่อเป็นแสงสว่างในการนำพาตนเองเสียบ้าง
1
ฝึกอบรมตนเองด้วยสติปัฏฐานสี่อยู่เนือง ๆ จนเริ่มมีสติตั้งมั่น เริ่มยั้งตัวขึ้นมาได้ แล้วเราจะพบเลยว่าอารมณ์ต่าง ๆ ที่มันอยู่ค้างคาในใจ มันจะเพิกออกไปจากใจ
1
ฝึกสติดี ๆ มันเริ่มยั้งตัวขึ้นมาได้ ความคิดต่าง ๆ ที่คอยดึงรั้งไป มันจะค่อย ๆ คลายออก ๆ คลายออก ๆ ไปนะ
1
แม้กระทั่งกายที่มันหลงยึดมั่นถือมั่น กายมันก็หายไป สลายไป ฝึก ๆ ไปมันจะค่อย ๆ สลายไป
1
สิ่งต่าง ๆ มันจะคอยหมดไปจากใจ หมดไปจากใจ
เพราะฉะนั้นทางโลกมันเป็นเรื่องของการสะสม เกิดความมี ความเป็น เกิดตัวเรา เกิดของเราขึ้นมา
นี่ก็ตัวเรา นี่ก็เงินเรา นี่ก็พ่อเรา นี่ก็แม่เรา นี่ก็แฟนเรา นี่ก็ลูกเรา นี่ก็ทรัพย์สมบัติเรา เกิดความี ความเป็น เกิดการหลงยึดมั่นถือมั่น
1
มันไม่ได้มีใครมาขังเราในวัฏฏะนี้หรอก
ก็ตัวเราเองนี่แหละ
ติดกับดักสิ่งที่ตัวเองสร้างมา
1
ผูกเงื่อนปมขึ้นมา แล้วมันก็มัดตัวเอง แล้วก็ติดข้องอยู่ในวังวน สิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นไว้อยู่ร่ำไป
1
ติดกับดักการใช้ชีวิต ติดกับดักตัวเอง
2
การที่เราจะคลี่คลายสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
ก็ต้องอาศัยการฝึกฝน อบรมขัดเกลาตนเอง
รู้ ละ สละ วาง
เพาะบ่มสติปัญญา ให้ยั้งตัวขึ้นมา
แล้วเป็นแสงสว่างในการนำพาตน
1
จากฐานกาย จนมีสติตั้งมั่นอยู่กับกายได้ดี แม้กระทั่งกายมันก็ระงับลงไป กายมันก็สลายตัวไป หมดไปจากใจของเรา
1
เมื่อเข้าสู่ฐานเวทนา เกิดความรู้ตัวทั่วพร้อมขึ้นมา อยู่กับความรู้สึกตัวทั่วพร้อมไปเรื่อย ๆ ถึงจุดหนึ่ง กำลังสติสัมปชัญญะมันดีจริง ๆ แม้กระทั่งฐานเวทนามันก็สลายไป จางคลายไป หมดไปจากใจของเรา
เข้าถึงฐานจิต มีความตั้งมั่นตื่นรู้อยู่ ฝึก ๆ ไป กำลังสติสัมปชัญญะได้ดี แม้กระทั่งจิต ก็หมดออกไปจากใจของเรา
เข้าสู่วิปัสสนา เห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง ฝึก ๆ ไป สิ่งต่าง ๆ มันก็สลายไป สิ่งต่าง ๆ มันก็สลายไป ทุกอย่างมันก็หมดออกไปจากใจของเรา
1
มันตรงข้ามกับทางโลก โลกมันเป็นเรื่องของความมี ความเป็น ความหลง แต่สติปัญญาเป็นเรื่องของการคลี่คลายออก ละออก สละออก วางออก
1
จนสิ่งต่าง ๆ มันหลุดออกไปจากใจ
มันหมดออกไปจากใจเราได้
2
ที่สุดแล้ว ปัญญาที่แท้
มันคือ ความไม่มี นั่นเอง
1
มันหมดทุกสิ่งทุกอย่างจากใจของเรา
ความโลภก็หมดไป ความโกรธก็หมดไป
ความหลงก็หมดไป
ความยึดมั่นถือมั่น ตัณหา อุปาทาน ทั้งหลายทั้งปวง
มันหมดออกไปจากใจของเรา
2
ความไม่มี มันคือสภาวธรรม มันคือการกลับคืนสู่ความบริสุทธิ์ของธรรมชาตินั่นเอง
1
เดิมทุกอย่างมันก็คือความไม่มีอยู่แล้วนะ
แต่พอมันเกิดการเคลื่อนออก เกิดการหมุนวนขึ้นมา
มันจึงเริ่มเกิดความมี ความเป็น
ความหลงยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายทั้งปวงขึ้นมา
1
การจะพ้นออกไปจากวังวนตรงนี้ มันก็ต้องคืนสู่ความเป็นธรรมชาติ คืนสู่ความไม่มีนั่นเองนะ
1
เพราะฉะนั้นปัญญาที่แท้ในทางธรรม ก็คือเรื่องของความไม่มี
1
ความไม่มี มันไม่ใช่ทิฏฐินะ
มันไม่ใช่ทิฏฐิว่ามี ว่าเป็น หรือ ไม่มี ไม่เป็น
แม้กระทั่งทิฏฐิก็ต้องหมดออกไปจากใจ
เหลือแต่รู้ธรรมเฉพาะหน้า ที่เป็นปัจจุบันธรรมได้ต่อเนื่องกันไป
2
แค่รู้ แค่รู้สึก
สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่ารู้สึก
ไม่ติดข้องอยู่
ไม่ยึดถืออะไร ๆ ทั้งปวงในโลกด้วย
ที่เรียกว่า ทางสายกลาง นั่นเอง
1
รู้ธรรมเฉพาะหน้า คืนสู่ความไม่มี
กลับคืนสู่ความเป็นกลางของธรรมชาติ
1
ความเป็นกลางที่เข้าถึง ก็มีหลายระดับเช่นกัน
ค่อย ๆ เพาะบ่มสติปัญญา ฝึกฝนอบรมไปนะ …"
1
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา