9 พ.ย. 2022 เวลา 13:24 • หนังสือ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับหัวขบถ [โหมดเอาจริง]
Ch09: เซเวอรัส สเนป
[2]ทางสู่การเป็นผู้เสพความตาย
เราได้รู้จักภูมิหลังของสเนปในตอนแล้วว่ามันเป็นตีมศาสนาซึ่งเป็นหนึ่งในแกนของวรรณกรรมเรื่องนี้ บรรดากูรูก็เคยไปหาความหมายของชื่อ "Severus" มาบอกผู้อ่านมานานแล้วว่าหมายถึง "เข้มงวด", "เคร่งครัด", หรือ "รุนแรง" ซึ่งเข้ากับบุคลิกแกตอนเป็นครูมาก แต่... ท่านผู้อ่านเคยเฉลียวใจมั้ยว่า Se-ve-rus เกือบจะเหมือนกับคำว่า Se-ver-us ทั้งการเขียนและการออกเสียง งั้นดูประโยคนี้ครับ "The head was severed from the body" คิดว่าแปลไม่อยาก
และ "Sever us" ก็แปลว่า "สับเราเป็นชิ้นๆ เถิด!"
ดูเหมือนชาวคริสต์ตะวันตกมักตั้งชื่อลูกโดยคิดถึงเจ้าของชื่อเป็นหลักแล้วชั่งหัวคำแปล เช่น "แมร์รี่" ที่พอจะเข้าใจว่าตั้งตามชื่อแม่ของพระเยซู แต่ถ้าแปลความหมายคงอึ้งอีกว่าคิดยังไงถึงตั้งชื่อลูกที่พึ่งลืมตาดูโลกว่า "Eขมขื่น" เช่นกัน ใครก็ตามที่กำลังคิดจะตั้งชื่อลูกว่า "เจมส์" หวังว่าท่านจะคิดดีแล้วนะครับเพราะมันแปลว่า "ไอ้ขี้โกง"
ไอ้แจ่มบอก "เป็นอะไรก็ช่าง อย่ายุ่งกะของกู"
ผมแปะใหม่เนื่องจากมีผู้อ่านท้วงว่า "โวลเดอร์ต้องการแฮร์รี่ ไม่ใช่ลิลี่" ผมจึงตระหนักว่าผู้อ่านไม่สามารถจดจำเนื้อหาจากบทก่อนๆ ได้ง่ายนักและคงไม่สะดวกที่จะย้อนไปดู ตรงนี้อยากให้ดูข้อความที่น่าสนใจและมักถูกมองข้ามคือคุณ Rachel Nell ถามว่า "เจมส์ไม่รู้เหรอว่าลิลี่กะสเนปเป็นเพื่อนกัน?" แล้ว JK Rowling ก็ตอบว่า "ทุกคนรู้แค่พวกเขาเคยเป็นเพื่อนและไม่ได้เป็นอีกต่อไป ไม่มีอะไรมากกว่านั้น"
คือยังไงครับ? ทุกคนคงคิดว่าพวกเขาแค่เจอกันบนรถไฟ พอแยกบ้านก็เลิกคบเหรอ?
คิดว่าลิลี่แค่คุยกะสเนปเพราะสงสารด้วยมั้ย?
ดูเหมือนสเนปและลิลี่จะห่างเหินกันมากที่ฮอกวอร์ต นั่นอธิบายว่าทำไมไม่มีใครหลุดปากบอกแฮร์รี่เกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างลิลี่กับสเนป นี่ทำให้ผมคิดย้อนเกี่ยวกับ Prince's tale อีกครั้ง ตอนที่เพ็ตทูเนียไล่ตีลิลี่เกี่ยวกับการที่เธอแอบอ่านจดหมาย แล้วลิลี่ก็พูดเหมือนกับว่ามันเป็นความรับผิดชอบของสเนป ทั้งที่ตามหลักสเนปไม่สามารถเข้าห้องเพ็ตทูเนียได้เพราะห้องของเจ้าของบ้านมักอยู่ชั้นบน การที่จะขึ้นไปชั้นบนได้สเนปก็ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ลิลี่ และเขาไม่สามารถเข้าออกห้องของใครได้เว้นแต่คนในบ้านจะพาเขาไป
นี่คือเบาะแสว่าสเนปได้รับการปฏิบัติที่ดีจากพ่อแม่ลิลี่จนถึงขั้นที่ลิลี่พาเขาทัวส์ชั้นบนได้ แต่ในขณะเดียวกันสิ่งนี้ทำให้เห็นว่าลิลี่เป็นประเภท toxic friend ที่ทิ้งเพื่อนเพื่อเอาตัวรอด เพราะเธอพาเขาเข้าห้องพี่สาวเพื่อ? แต่พอมีปัญหามาเธอรีบโยนความผิดให้เขาเหรอ?
แล้วเธอก็ไม่ได้พึ่งทำครั้งเดียวแต่หลายครั้งใน Prince's tale จนผมพูดได้ว่าถ้าสเนปจะเกลียดลูกมักเกิ้ลมันก็เพราะลิลี่ เนื่องจากลิลี่คือลูกมักเกิ้ลคนเดียวในโลกแคบๆ ที่เขาติดต่อด้วยและเป็นตัวแทนของภาพพจน์ลูกมักเกิ้ลทั้งโลกที่กำลัง present ต่อหน้าเขา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับกลายเป็นว่าสเนปไม่เกลียดลิลี่แถมยังฝังใจรักเธอในฐานะแม่ผ้าขนหนู และดังที่ JK Rowling ก็บอกกับอลัน ริคแมน ว่า สเนปปฏิสัมพันธ์กับผู้คนไม่มาก โลกของคนออทิสติกโดยเฉพาะในวัยเด็กมักจะแคบเอามากๆ แต่นั่นก็ทำให้เขาแทบไม่มีปัญหากับมักเกิ้ลแม้จะอยู่ในย่านสลัมที่สภาพแวดล้อมไม่ดี การเลือกที่จะอยู่บ้านนั้นต่อยิ่งย้ำว่าเขาต้องรักที่นั่นมากเพราะหมายความว่าเขาต้องต่อสู้กับทางการและเสียเงินมากมายเพื่อรักษาบ้านของเขาเนื่องจากอังกฤษมีการกวาดล้างสลัมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ 1955
สเนปไม่เกลียดมักเกิ้ลเพราะเขารักพ่อแบบสต๊อคโฮล์มซินโดรม และใช่ เขารักพวกเอฟเวนส์ด้วย และเราต้องพูดความจริงว่าในหนังสือสเนปไม่เคยใช้คำหยาบคายกับเพ็ตทูเนีย แค่ใช้สำเนียงที่ไม่ดี เช่นเวอร์ชั่นไทยแปล "You're a Muggle" ให้เป็น "เธอมันเป็นไอ้มักเกิ้ล" ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าคุณสุมาลีแปลแบบนั้นไม่ค่อยยุติธรรมกับสเนปวัย 8 ขวบและทำให้เขาดูเป็นเด็กก้าวร้าวทั้งที่เขาอาจจะไม่ใช่ เนื่องจากโคกเวิร์คในท้องเรื่องตั้งอยู่ในย่านอุตสาหกรรมเก่าบริเวณมิดแลนด์ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสำเนียงที่นั้นห้วนเหมือนกำลังประชดประชัน
แปะให้ เดี๋ยวหาว่าผมมั่ว
กล่าวคือสเนปเป็นเด็กก้าวร้าวอาจเป็นเพียงความเข้าใจผิดของแฮร์รี่และพวกลิลี่ที่ดูจะไม่ได้รู้จักสำเนียงคนที่นี่เลย (ครอบครัวของพวกเธอพึ่งย้ายเข้ามา?) และนั่นก็ยิ่งทำให้สเนปซับซ้อนขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเพราะแค่สำเนียงโคกเวิร์คที่หลุดรึไม่? เราเดาได้ไม่ยากว่าสเนปน่าจะประสบปัญหามากที่ฮอกวอร์ต เจมส์รังแกสเนปเพราะความเข้าใจผิดว่าถูกดูหมิ่น! พวกครูอาจเข้าใจผิดว่าเขาก้าวร้าว? ดังนั้นเวลามีปัญหาทุกคนคงเชื่อถือตัวกวนที่สำเนียงสุภาพน่ารักมากกว่าสเนปที่พูดแข็งๆ ห้วนๆ
โลกเวทมนตร์ทรยศเขาอย่างโหดเหี้ยม คนที่รังแกเขาเป็นเลือดบริสุทธิ์ ครูและนักเรียนเป็นพ่อมดที่เขาคาดหวังว่าจะต้อนรับและให้การยอมรับเขาก็เข้าร่วมกับเจมส์ ดังนั้นมันแปลกจริงๆ ที่มีคนมากมายเชื่อว่าสเนปเข้าร่วมกับผู้เสพความตายเพราะต้องการทำลายล้างมักเกิ้ลและลูกมักเกิ้ลทั้งหมด เพราะในมุมของผม--ตามรูปการณ์ สเนปน่าจะเกลียดพ่อมดแม่มดและโลกเวทมนตร์ทั้งหมดมากกว่า!
แต่อย่างไรก็ตาม JK Rowling ก็หักล้างทั้งทฤษฎีแรกและทฤษฎีของผมโดยอธิบายถึงสเนปในฐานะเด็กที่เข้าร่วม DE เพราะสิ้นหวัง
อยากให้สาวปลื้มครับ แค่นั้นจริงๆ XD
อันที่จริงอันนี้เคยแปะมาแล้วในตอนของหางหนอนแต่ผมเอามาแปะซ้ำ "สเนปเข้าร่วมกับผู้เสพความตายเพราะเขารู้สึกว่ามันเท่ เขาคิดว่าถ้าเขาเท่แบบนั้นเธออาจจะประทับใจ"
งานนี้หลายคนออกมาดิ้นพราดๆ ทีเดียวครับว่ามันไม่สมเหตุสมผม JK Rowling พูดจาไร้สาระ ลิลี่ก็ทำให้เห็นอยู่เธอเกลียดผู้เสพความตาย สเนปจะไม่รู้ได้ไง ซึ่งผมก็ต้องเตือนทุกท่านที่กำลังคิดแบบเดียวกับคนกลุ่มนี้ว่า "ใจเย็นๆ ครับ ท่านลืมไปรึเปล่าว่าสเนปที่เข้าร่วมกับผู้เสพความตายไม่ใช่สเนปที่ท่านรู้จักตั้งแต่เล่ม 1-7 แต่เป็นสเนปที่กำลังเห่อหมอย?"
ขอโทษที่ใช้คำหยาบครับ ("- -)
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนปี 1980 เด็กโตช้ากว่าทุกวันนี้ ผู้หญิงมีขนและประจำเดือนตอนอายุราว 14-15  ผู้ชายก็เริ่มราวๆ ฝันเปียกและออกขนราวๆ 15-16 เว้นแต่โภชนาการไม่ค่อยดีแบบสเนปอาจจะซัก 17-18
ผมแน่ใจว่าทุกท่านเคยเห็นวัยรุ่นที่แต่งตัวแปลกๆ ทำอะไรทุเรศๆ หรือซิ่งมอร์เตอร์ไซต์จนตายห่าที่ถนน พวกเขามีเหตุผลที่ฟังขึ้นรึ? แน่นอนว่าไม่! และสเนปไม่ได้อายุมากไปกว่าเด็กพวกนั้น และ--หากเรามองด้วยตรรกะของเขา (แต่กูไม่เห็นด้วย!) เขามีเหตุผลทุกประการที่จะกลายเป็นผู้เสพความตาย
1. ผู้คนที่เข้าร่วมกับผู้เสพความตายในเวลานั้นมีความเข้าใจแค่ว่าพวกเขาจะไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไปและสามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างอิสระตามที่ครีเซอร์บอกเรา และซิเรียสบอกในเล่ม 4 ว่าผู้คนมากมายหลงเชื่อโวลเดอร์มอร์เพราะอุดมการณ์ตอนนั้นฟังดูดีจริงๆ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงผู้เสพความตายในโรงเรียนไม่ดีเพราะมันอยู่ในความสนใจของพวกอนุรักษ์นิยมที่เหยียดมักเกิ้ลลิลี่จึงมองว่า "ผู้เสพความตาย=เหยียดมักเกิ้ล" ขณะที่สเนปมองว่า "ผู้เสพความตาย=อิสระภาพ"
2. เราสังเกตมั้ยว่าลิลี่มักพูดเสมอใน Prince's tale ว่าเจมส์เป็นคนชั่วช้าจัญไรและเธอเกลียดเขาอย่างไร แต่การกระทำของของเธอตรงข้าม! เช่น ทันทีที่สเนปต่อว่าเจมส์เธอก็รีบตีแสกหน้าเขาว่าเจมส์ช่วยชีวิตเขา--เธอรู้เรื่องนี้แล้วนะแต่ไม่แม้แต่จะถามไถ่จนกว่าเขาจะพูดถึงเจมส์ไม่ดีเธอจึงหยิบเอาเรื่องนี้ออกมา!? ตอนที่สเนปเกือบสำลักน้ำสบู่ตายแทนที่เธอจะสะกดนิ่งพวกตัวกวนแล้วเข้าไปช่วยเขา เธอกลับยืนต่อปากต่อคำกับเจมส์ 3 หน้ากระดาษ! ถ้าใครดูไม่ออกว่าเธอกำลังคลั่งใคล้เจมส์น่าจะปิดหูปิดตาตัวเองเกินไปมั้ย!?
ถ้าผมอยู่ตรงนั้นคงจะบอกว่า "Eกะหรี่เลือดสีโคลน เพื่อนเกือบตายมึงมัวจีบผู้ชาย เห็นดอร์สำคัญกว่าชีวิตเพื่อนเรอะ" แต่ผมเองก็เป็นมักเกิ้ลเหมือนกับพวกท่านใช่มั้ย? คนที่พ่นคำว่าเลือดสีโคลนไม่ได้แปลว่าเป็นพวกเหยียดลูกมักเกิ้ลเสมอไป
ว่าแล้วอธิบายเพิ่มหน่อยว่า ในต้นฉบับภาษาอังกฤษแต่เดิมเลือดสีโคลนเป็นคำนิยามสำหรับคนที่พ่อหรือแม่หรือทั้งคู่เป็นมักเกิ้ลเพราะ parent ไม่ได้เติม s และในหนังสือมีตอนที่เดรโกพูดคำนี้แล้วสเนปสะดุ้ง--ไม่ใช่แค่หน้าบึ้ง นั่นเป็นคำใบ้เกี่ยวกับสถานทางสายเลือดของสเนป
ที่แน่ๆ สเนป เขาคิดจริงๆ ว่า ลิลี่ชอบคนเลวๆ(ด่าเจมส์ขนาดนั้น) ดังนั้นถ้าเขาเป็นคนแบบที่เธอมองว่าเลว(ผู้เสพความตาย)เธอคงจะกลับดีกับเขา ดังนั้นสเนปมองว่า "ผู้เสพความตาย(เลว)=เท่"
*อื้ม... ถ้าเป็นลูกเป็นหลานผมตบหัวทิ่มเลยน่ะเนี่ย ผู้หญิงเขาห่างเหินมามาตั้งหลายปีก็ช่วยเข้าใจหน่อยสิว่าเขาไม่เอามึง! เรื่องบางอย่างไม่ต้องให้เขาพูดก็ได้มั้ง! ไปทู่ซี้กวนเขาอยู่ได้!
**ผมชัดเจนมาตั้งแต่ตอนของลิลี่แล้วนะครับว่าลิลี่จะคบกับใครหรือเลิกคบกับใครเป็นสิทธิของเธอ แล้วผมก็ไม่มีปัญหากับการเลิกคบสเนปและไม่เกลียดเธอจุดนี้ (เกลียดความโง่ของสเนปมากกว่า) แต่ผมรังเกียจความไร้จิตสำนึก ถ้าลิลี่พูดว่า "ขอโทษที่ทิ้งให้เธอสำลักฟอง แต่ยังไงเราไม่สามารถคุยกันอีกแล้ว" ผมจะโอเคกับทนายฝ่ายลิลี่ที่แก้ต่างว่าเธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่น เพราะเธอเป็นวัยรุ่นชอบคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกเหมือนแก๊งสามช่ากริฟฟินดอร์รุ่นลูก นี่แต่จิตสำนึกของเธอด้อยกว่าแฮร์รี่ รอน และ เฮอร์ไมโอนี่มาก
ประการที่3 การรังแกที่พวกตัวกวนทำต่อสเนปนั้นรุนแรงมากจน JK Rowling ใช้คำว่า 'relentless bullying' คือเป็นการรังแกฝ่ายเดียวที่หนักหน่วงรุนแรง คุกคามทุกด้านในชีวิต หากข้อมูลเกี่ยวกับ 'relentless bullying' เราจะพบเรื่องราวที่เหยื่อการฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง และใน pottermore ได้เปิดเผยว่ากำเนิดแผนที่ตัวกวนไม่ได้วางอยู่บนเรื่องราวมิตรภาพอันน่าประทับใจของแก๊ง Marauders อย่างที่ลูปินพล่ามในเล่มที่ 3 แต่เพื่อรังแกสเนปและดูหมิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่มีครูคนไหนเห็นและสเนปหนีไม่พ้น
ไม่เพ้อเจ้อเรื่องแผนที่แห่งมิตรภาพแล้วนะ แผนที่โรคจิตชัดๆ
ผมแก้ตัวให้ลูปินละกันว่าเขาต้องโกหกเพื่อเห็นแก่ภาพพจน์ของเจมส์ในใจแฮร์รี่ แต่แน่นอน ขอบคุณภาวะออทิสติกของสเนปที่ปกป้องเขาไว้เนื่องจากเหยื่อของ relentless bullying ส่วนใหญ่ในโลกมักเกิ้ลจบที่การฆ่าตัวตายหรือย้ายโรงเรียน ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าสเนปจะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เพราะกลุ่มตัวกวนคือกลุ่มที่ป๊อปปูล่าที่สุดที่ประกอบด้วย 3 หนุ่มหล่อ +1 ลิ้วล้อ ขณะที่คนถูกรังแกเป็นแค่ wraith ที่ลอยผ่านไปพร้อมกับบรรยากาศชวนหดหู่ ไม่เคยทำร้ายใครและไม่มีใครสังเกตเห็น..
ดังนั้นสำหรับสเนป "ผู้เสพความตาย=ปลอดภัย"
JK Rowling อุส่าห์บอกนะครับว่าระหว่างไปกรอกใบสมัครนี่ถ้ามีเหตุขัดข้องทำให้เวลายืดออกไปซักหน่อยสเนปคงรอด แต่เรื่องจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะเส้นทางสะดวกตลอดสาย สเนปจึงได้แต่อ้าปากผงาบๆ ไม่กล้าบอกว่า "ไม่เอาแล้ว กลับบ้านดีกว่า" ความที่เป็นคนเปราะบางและง่ายต่อการข่มเหงนั่นเอง ตรามารจึงถูกบรรจงประทับลงบนแขนแห้งๆ กลายเป็นผู้เสพความตายนับแต่บัดนั้น
ซึ่งผมก็ได้แต่คำรามว่า "ไอ้เด็กขี้ขลาดเอ้ย! เกรงใจในเรื่องที่ไม่ควรเกรงใจนะมึง!"
ว่าแล้วคุณ AAaAAaonly (รี้ดอะไร้ท์)ได้ถามเข้ามาเป็นการส่วนตัวว่า "หากโทเบียสเป็นพ่อที่ดี สเนปจะยังเป็นผู้เสพความตายรึไม่?" ผมใช้เวลาหลายวันในการวิเคราะห์ แล้วตอนนี้ก็ต้องตอบว่า "สเนปจะยังคงเป็นผู้เสพความตายด้วยเหตุผลที่ต่างจากcanon คือเป็นเพราะมีอุมดมการณ์จริงๆ อยากทำให้โลกดีขึ้น แต่เขาจะย้ายค้างเมื่อเขาพบว่าผู้เสพความตายเริ่มคุกคามมักเกิ้ล"
และโดยการนี้สเนปไม่ได้แตกสลายตั้งแต่เป็นเด็กเขาจึงไม่กระหายแม่ผ้าขนหนู สเนปจึงไม่รักลิลี่แต่ยังเป็นเพื่อนะเธอ เจมส์จึงยังคงรังแกจนเขาและลิลี่เลิกคบกัน
เมื่อโวลเดอร์มอร์มุ่งเป้าไปที่ลิลี่เขาจะไม่สติแตกวิงวอนจอมมาร ดังนั้นพวกพอตเตอร์จะไม่มีใครรอดชีวิต(Goodbye Harry) สเนปอาจจะเสียใจแต่ด้วยความรักของครอบครัวเขาจะก้าวข้ามอย่างรวดเร็ว และถ้าสมมติว่าแฮร์รี่บังเอิญรอดสเนปก็จะไม่มีภาระใจที่ปกป้องแฮร์รี่มากนัก คือปกป้องแต่คงไม่ทุ่มสุดตัว แฮร์รี่จึงอาจจะตกไม้กวาดคอหักตั้งแต่เล่มแรก ดังนั้นดูเหมือนแฮร์รี่จะมีโทเบียสให้ขอบคุณตรงนี้สำหรับการเป็นพ่อแสนเลวและทำให้เซเวอรัสถูกกำหนดให้เป็นแองเจิลการ์เดี้ยนของแฮร์รี่ตลอด 7 เล่ม
ตอนหน้าเราก็ยังคงอยู่กับสเนปครับ (^_^)
โฆษณา