• ผ่านเรื่องราวเฉียดตายก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาพักฟื้นตัวเองในช่วงกลางที่ว่าด้วยเรื่องของความรักของตัวเองล้วนๆอย่าง If I can’t go see you right now ถ้าวันนึงฉันไม่สามารถไปหาเธอได้แล้วในตอนนี้มันจะเป็นยังไงนะ, Goodbye, stay well งั้นเราทั้งคู่มาอำลาจากกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเถอะ เพลงนี้ได้ guest คนพิเศษเพียงหนึ่งเดียวอย่าง ชองฮา มาร่วมฟีทเจอร์ริ่งที่ไม่ต้องมีเทคนิคอะไรให้มันมากมาย ฟีลลิ่งปล่อยหัวใจตัวเองไปตามความรู้สึกล้วนๆ
• Missed Call กลายๆว่าภาคต่อจาก Next episode ที่เล่าถึงชีวิตของตัวเองที่ร้องไห้ต่อหน้าผู้เป็นแม่ แต่คราวนี้มาในมาดที่โตขึ้นเริ่มออกห่างจากบุพการีจนลืมรับสายของท่านทั้งคู่ เป็นช่วงเวลาสามแทร็คที่ทำให้เห็นว่าชานฮยอกเริ่มจะคิดถึงคนรอบข้ามที่เคยปล่อยปะละเลยไปก่อนหน้านี้ เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจใน bucket list ที่ต้องสะสางให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะไม่ได้มีโอกาสได้ทำมันอีกครั้ง
• What the เลยเป็นความละอายแก่ใจในชีวิตของตัวเองก่อนหน้านี้ที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้เสียทุกอย่าง มู้ดเรโทร soul-ballad สูตรสไตล์เกาหลีเป็นแน่แท้ บรรยากาศที่ชานฮยอกสื่อออกมาทำให้เราได้เห็นถึงความเศร้าของเจ้าตัวจนอยากตบไหล่เบาๆปลอบใจ เป็นเพลงเดียวในอัลบั้มที่รู้สึกว่าติดสูตรความเป็นอัคมูจาก NEXT EPISODE มาแบบ 100% แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจมาก ก็เจ้าตัวเป็นโปรดิวเซอร์นี่หน่า..
• ไทม์มิ่งช่วงสุดท้ายของอัลบั้มพร้อมที่จะลงมือทำเพื่อก่อนที่มันจะสายเกินไป Castle in my dream การเปรียบเทียบถึงสิ่งที่อยากทำเป็นปราสาทหลังใหญ่ที่เคยวาดฝันเอาไว้ว่าจะต้องสร้างมันให้ได้ในสักวันหนึ่งของชีวิตยังคงเป็น folk pop ปล่อยใจสบายๆแต่ก็หนักแน่นไปด้วย passion ที่พร้อมจะลงมือทำมันเสียเลยตอนนี้
• A DAY เลยเป็นการต่อเนื่องที่สุดท้ายแล้วจะมีชีวิตอยู่รอดแค่เพียงวันเดียวเท่าไหร่ ทำตามความฝันของตัวเองมันซะเลยสิเดี๋ยวมาบ่นเสียเวลาทีหลังไม่ได้แล้ว อีกหนึ่งอย่างของเพลงนี้คือสิ่งที่ชานฮยอกโยนคำถามให้กับคนฟังเหมือนกันว่าถ้ามีชีวิตแค่เพียงหนึ่งวันจะเลือกทำอะไร ซาวนด์มาในสไตล์ r&b-blues แต่ใช้เทคนิคการร้องบิดพริ้ว auto-tune ซะแอบเซ็งกับมู้ดที่ไม่ค่อยเข้ากันหน่อยๆ