11 พ.ย. 2022 เวลา 05:16 • คริปโทเคอร์เรนซี
สาเหตุที่ทำให้ตลาดคริปโทร่วงยับในช่วงเดือนนี้
เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัปดาห์แห่งฮาร์ดคอร์ของวงการคริปโตเลยทีเดียว เพราะหลังจากเวบเทรด FTX ที่เป็นกระดานเทรดอันดับ 2 ของโลกคริปโตถูกแฉว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัทคือเหรียญ FTT ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ส่งผลให้ CZ เจ้าของ Binance กระดานเทรดอันดับ 1 ทำการประกาศเทขายเหรียญ FTT ทันที ทำให้คนแห่เทขายเหรียญนี้ทิ้งตาม ราคาเหรียญ FTT วันที่ 5 พฤศจิกายน ยังอยู่ที่ประมาณ 1000 บาท มาในวันนี้ ลดลง 90% เหลือมูลค่าประมาณ 100 บาท
นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในเวบเทรดอีกต่อไป เลยทำให้เกิดการแห่ถอนเงินออกจาก FTX จนทำให้ FTX ขาดสภาพคล่องหรืออยู่ในสภาพเกือบล้มละลายในที่สุด ซึ่งการที่โดนคนแห่ถอนเงินรัว ๆ ขนาดนี้ คือสิ่งที่ในโลกธนาคารรู้จักกันมานานอยู่แล้ว เรียกว่า “Bank Run”
เมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้น Sam Bankman-Fried เจ้าของ FTX ต้องแก้ไขปัญหาโดยการขายกิจการเวบเทรดออกไป ทั้งๆที่ในช่วงครึ่งปีแรก 2022 Sam นี่ได้ถูกวางตัวเป็น “ผู้กอบกู้” ตลาดคริปโต ที่คนอื่นจะมาเร่ขายแพลตฟอร์มคริปโตที่ใกล้เจ๊งให้กับเขา แบบใครใกล้เจ๊ง Sam จะไปพิจารณาว่าจะซื้อไหม และบางทีก็ไม่ซื้อด้วยเพราะบริษัทมีหนี้สินมากเกินไปจนเกินเยียวยา
พอมาถึงช่วงปลายปีกลับเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง ตอนแรก Sam พยายามจะไปติดต่อขายให้ OKEX แต่ทาง OKEX ไม่ตกลงซื้อกิจการ จนในที่สุดในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ทาง Binance ก็ได้ประกาศเจตนารมณ์จะเอาเงินไปอุ้ม FTX พร้อม “เทกโอเวอร์กิจการ” โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องขอดูงบดุลขององค์กรก่อน ถ้ามันไม่สามารถฟื้นฟูได้ ก็พร้อมจะถอนดีล
ทางผู้บริหาร Binance คือ CZ ออกมาพูดชัดเจนว่าเขาไม่อยากให้ FTX เจ๊ง เพราะมันไม่เป็นผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรม เพราะ FTX เป็นกระดานเทรดคริปโตที่นักลงทุนเชิงสถาบันลงทุนไปมากมายมหาศาล การที่ FTX เจ๊ง น่าจะทำให้เกิดการถอนทุน อย่างใหญ่โตของนักลงทุนเชิงสถาบัน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตโดยรวมแบบหายนะแน่ ๆ อันเนื่องมาจากการเติบโตของคริปโตในรอบล่าสุด มันเกิดจากเงินของนักลงทุนเชิงสถาบันที่ไหลเข้ามา
และแล้วท้ายที่สุด 1 วันถัดมาทาง Binance ก็ได้ประกาศถอนข้อตกลงโดยอ้างว่า สถานการณ์ที่ FTX กำลังเจอมัน “เกินการควบคุมของเรา และเกินเยียวยาที่เราจะช่วยเหลือ” แน่นอน ข่าวล่มข้อตกลงทำให้ตลาดคริปโตทิ้งดิ่งลงไปอีก อันนี้คงไม่ต้องพูดกันมากมาย คำถามต่อมาคือ “แล้วไงต่อ?”
Sam ก็คงต้องหานักลงทุนเข้ามาซื้อกิจการ FTX ต่อไป และอาจจะไม่ได้ขายได้ในเร็ว ๆ นี้ หรืออาจจะหาวิธีการทำกำไรเพิ่มเติมให้ก่อเกิดมีสินทรัพย์ที่มีราคาเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ทาง Alameda Research ซึ่งเป็นบริษัทในเคลือของ FTX จึงได้ยืม 250,000 USDT จากแพลตฟอร์ม Aave ย้ายไปทำการ short เพื่อทำกำไรระยะสั้นที่แพลตฟอร์ม Curve ทำให้ Pool ของ USDT ไม่สมดุล ส่งผลทำให้สภาพคล่องน้อยลงหรือเหรียญไม่เพียงพอต่อความต้องการ นักลงทุนจึงเริ่มเปลี่ยนไปถือครองเหรียญ stable coin อื่นๆ แทน เช่น USDC BUSD เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเหตุการณ์ทำให้เหรียญ USDT หลุด Peg ไป 2% แต่ก็ยังคงเสถียรภาพไว้ได้ในเวลาต่อมา
เหตุการณ์นี้กำลังทำลายความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในคริปโต เราต้องรอดูกันต่อไปว่า จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้อย่างไร
โฆษณา