Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คาลอส บุญสุภา
•
ติดตาม
12 พ.ย. 2022 เวลา 03:40 • ปรัชญา
ตำนาน กล่องแพนดอรากับความหวังที่เหลือสุดท้าย (Pandora's Box)
กล่องแพนดอราหากเล่าถึงที่มาแบบรวบรัดเลยก็คือ เป็นกล่องที่ถือกำเนิดมาจากความแค้นของเทพเจ้าสูงสุดในโอลิมปัส "ซูส" ซึ่งเป็นความแค้นที่มีต่อโพรมีเทียส ที่ขโมยไฟจากเทพเจ้าไปให้กับมนุษย์ที่ตนเองสร้างขึ้นมา (เพื่อเป็นของเล่นแก้เหงาของซูส)
เหตุผลที่ซูสแค้นนักแค้นหนาก็เพราะว่า ซูสไม่อยากให้มนุษย์เท่าเทียมกับเทพเจ้า โดยซูสมองว่าไฟนั้นแหละที่เป็นตัวแปรสำคัญให้มนุษย์สร้างสรรค์ และเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาให้สูงเทียบเท่ากับพระเจ้าได้
ซูสต้องการจะลงโทษโพรมีเทียสอย่างเจ็บแสบที่สุดโดยพุ่งเป้าหมายไปที่มนุษย์ซึ่งโพรมีเทียสรักอย่างมาก และต้องการจะสั่งสอนมนุษย์เพื่อไม่ให้ทัดเทียมกับพระเจ้าได้ ซูสสั่งให้ฮีเฟสตุสทำอย่างที่โพรมีเทียสทำ คือการปั้นดินเหนียวแล้วทำให้ชุ่มชื้นด้วยน้ำลายของตนเอง แต่เป็นหุ่นมนุษย์เพศหญิง
โดยฮีเฟสตุสให้ อะโฟรไดที เฮรา ดีมีเทอร์ และอะทีนาเป็นแบบในการปั้นหุ่นหญิงสาวให้งดงามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นจึงสร้างชีวิตให้กับนาง
อะทีนาอบรมหญิงสาวเกี่ยวกับงานบ้าน การเย็บปักถักร้อย และการทอผ้า แล้วแต่งตัวให้นางด้วยผ้าสีทองแสนวิจิตร เช่นโดยเดียวเหล่าเทพองค์อื่นที่มอบเครื่องประดับสวยงามมากมาย และอบรมนางให้มีบุคลิกภาพที่น่าหลงใหล
รวมไปถึงเทพเฮอร์มีสที่อบรมเรื่องการพูดและศิลปะการหลอกล่อ ความอยากรู้อยากเห็น และเล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ อีกทั้งยังประทานชื่อให้นางว่าแพนดอรา (Pandora) มีความหมายว่า ผู้ได้รับของขวัญทั้งปวง มาจากการที่เหล่าเทพได้ประทานคุณสมบัติพิเศษและทักษะต่าง ๆ มากมายให้กับนาง
แต่ไม่หมดเพียงแค่นั้นเพราะฮีเฟสตุสได้ประทานของขวัญอีกชิ้นหนึ่งที่สำคัญอย่างมากต่อเส้นเรื่องนี้ นั้นก็คือกล่องบรรจุความลับ
ซึ่ง สตีเฟน ฟราย (Stephen Fry) ผู้เขียน Mythos ได้อธิบายว่า จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่กล่องแต่เป็นโถดินเผาเคลืองเงาและปิดผนึกแน่นสนิท ซึ่งชาวกรีกเรียกว่าพิทอส (Pithos) แต่ทุกวันนี้เรามักเรียกว่ามันกล่องตาม ๆ กันมา เพื่อให้คงความคุ้นชินของผู้อ่านผมจึงขอใช้คำว่ากล่องแทนความคำว่าโถ (อีกอย่างมันดูโรแมนติกมากกว่าด้วย)
ซูสมอบกล่องดังกล่าวให้กับ แพนดอรา และกล่าวว่า "สิ่งนี้มีไว้เพื่อประดับเท่านั้น ห้ามเปิดออกเด็ดขาด" จากนั้นให้เฮอร์มีนพาแพนดอราไปที่บ้านของโพรมีเทียสและน้องชายเอพิมีเทียสใจกลางเมืองมนุษย์ที่เจริญแล้ว
แต่เฮอร์มีสผู้ฉลาดหลากแหลมเลือกช่วงเวลาที่พี่ชายโพรมีเทียสไม่อยู่ เหลือเพียงแค่เอพิมีเทียสที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำก่อนคิดทีหลัง แล้วก็เป็นไปตามแผนทุกอย่างด้วยความงดงามของแพนดอราทำให้เอพิมีเทียสตกหลุมรักเข้าเต็มอก
แน่นอนว่าเรื่องราวความรักนี้คงไม่เป็นที่ถูกใจของโพรมีเทียสอย่างแน่นอนเพราะ จึงน่าจะเป็นความคิดที่ดีหากจะรีบแต่งงานโดยเร็ว เอพิมีเทียสคิด ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น ทั้งสองรีบแต่งงานกันและในเวลาต่อมาทั้งสองก็รักกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตของแพนดอราและเอพิมีเทียสชั่งมีความสุขและมีชีวิตชีวาอย่างมาก
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมและผู้อ่านน่าจะรู้กันดีก็คือ เมื่อชีวิตเริ่มจะดีขึ้นหรือเริ่มเข้าที่เข้าทาง ชีวิตก็จะถีบเราอย่างรวดเร็วด้วยเรื่องเฮงซวยต่าง ๆ มากมาย
แพนดอรา คันยิบ ๆ เหมือนแมลงตัวเล็กที่บินรอบตัวเธอ เธอเอาแต่คิดหาเหตุผลมากมายว่ากล่อง (โถ) ธรรมดานี้ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ ทำไมซูสถึงสั่งว่าห้ามเปิดออก เธอพยายามคิดแล้วคิดอีกและตระหนักเรื่องนี้มันต้องมีคำอธิบาย "มันอาจจะมีสิ่งมีค่าหรือพลังอำนาจบางอย่างก็เป็นได้"
แต่เธอก็ไม่เปิดมันเพราะเธอเคยสาบานไว้แล้วว่าจะไม่เปิดมันออกมา เธอจึงย้ายมันไปเก็บไว้ที่สวนเล็ก ๆ หลังบ้านและขุดหลุมฝังมันเอาไว้อย่างแน่นหนา ไอเดียนี้ค่อนข้างดี แต่เราค่อยคุยกันตอนส่วนวิเคราะห์ท้ายเรื่อง
หลังจากนั้นทั้งสองคนคู่รักก็จัดงานปาร์ตี้แสนสนุก ทุกอย่างสำเร็จราบรื่นไปด้วยดี แพนดอราอิ่มเอมไปด้วยคำชื่นชมที่ได้รับไม่ขาดสาย เธอมีทุกสิ่งทุกอย่างแล้วตอนนี้ ชีวิตรักที่ดี ความงดงาม ที่อยู่อาศัย และอาหารมากมาย แต่ก็เธอนอนไม่หลับเอาแค่คิดเรื่องกล่องจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เธอลุกออกจากบ้านและขุดกล่องนั่นออกมาและเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว แพนดอราร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและตื่นตระหนกเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตน่ากลียดน่ากลัวบินออกมา พวกมันเต็มไปด้วยเงาดำมืดสนิท สุดท้ายเธอรวบรวมความกล้าและปิดฝากล่องผนึกเอาไว้ สิ่งที่บินออกไปพวกมันก็คือลูกหลานกลายพันธุ์ของลูก ๆ ที่มืดมนและชั่วร้ายของนิกส์กับแอเรบุส
พวกมันกำเนิดจากอะพาที (ความหลอกลวง) เกราส (ความชรา) อัวซิส (ความทุกข์ยาก) โมมอส (การกล่าวโทษ) กีเรส (ความตายอย่างทารุณ) ยังมีลูกหลานของอาเท (Ate-ความพินาศ) กับเอรีส (ความขัดแย้ง) ได้แก่ โพนอส (ความยากลำบาก)
ลิมอส (ความหิวโหย) อัลกอส (ความเจ็บปวด) ดิสโมเนีย (อนาธิปไตย) ซูเดีย (การโกหก) นีเกีย (การทะเลาะโต้เถียง) แอมฟิโลเจีย (การปะทะคารม) มาคาย (สงคราม) ฮิสมีนาย (สมรภูมิรบ) แอนดรอกทาซาย (การฆ่าคนโดยไม่เจตนา) และโฟนอย (ฆาตกรรม)
โดยที่เธอไม่มีวันรู้เลยว่าสิ่งที่เธอผนึกเอาไว้ก็คือธิดาคนสุดท้องของนิกส์ สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ถูกทิ้งให้กระพือปีกอย่างสิ้นหวังในกล่องชั่วกาลนาน มันมีชื่อว่า เอลพิส (Elpis) หรือ "ความหวัง"
หลังจากที่สิ่งเลวร้ายได้บินออกไปยุคทองก็สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งชั่วร้ายที่ถูกปล่อยออกมาได้ทำลายอารยธรรมนุษย์จนก่อให้เกิดความตาย เชื้อโรค ความยากจน ความอดอยาก และสงครามกลายมาเป็นเคราะห์กรรมที่มนุษย์ต้องเผชิญอย่าหลีกเลี่ยงมิได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม
ข้อคิด
จุดที่เป็นไฮไลต์หลักของเรื่องก็คือ กล่องที่ถูกเปิดออกเต็มไปด้วยสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ มากมาย แต่เพราะเหตุใด เอลพิส (Elpis) หรือ "ความหวัง" จึงถูกใส่ไว้ลงในกล่องด้วยล่ะ เพราะใครต่างก็เข้าใจว่าความหวังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของมนุษย์ แต่ในหมู่นักคิด นักวิชาการยืนยันว่า เอลพิสจริง ๆ แล้วคือความคาดหวังถึงสิ่งเลวร้ายที่สุด
กล่าวคือ เป็นลางสังหรณ์ถึงหายนะที่กำลังใกล้เข้ามา ดังนั้นภูตตนสุดท้ายที่ถูกเก็บเอาไว้แท้จริงแล้วคือปีศาจที่เลวร้ายมากที่สุด
ลองพิจารณาดูนะครับ ถ้าเรามีลางสังหรณ์ถึงหายนะอยู่ตลอดเวลา เราคงแทบไม่เป็นอันกินอันนอน ซึ่งเมื่อมนุษย์ไม่มีเจ้าความคาดหวังดังกล่าว อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ต้องกลัวชะตากรรมของตนและความหมายที่โหดร้ายของการมีชีวิตอยู่
เรายังคงมีชีวิตอยู่ได้โดยคาดหวังว่าสิ่งดี ๆ อาจจะเกิดขึ้นกับเราสักวันหนึ่ง สักวันฉันจะถูกหวย สักวันฉันจะได้งานที่ดี กล่าวคือ เราจะสามารถอยู่ได้ไปวัน ๆ ท่ามกลางสิ่งเลวร้ายมากมายที่เกิดรอบตัวเรา
ฟรีดริช นีทเชอ (Friedrich Nietzsche) ตีความเรื่องนี้ต่างไปเล็กน้อย เพราะสำหรับเขาแล้วความหวังเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในบรรดาสิ่งที่อยู่ในกล่อง เพราะความคาดหวังทำให้ความทุกข์ทรมานของมนุษย์ทอดยาวออกไป
ดังนั้นการที่ซูสใส่ความหวังเอาไว้ในกล่อง ก็เพราะประสงค์ให้มนุษย์ทรมานด้วยสัญญาลวงที่คิดว่าสิ่งดี ๆ จะมาถึง เมื่อมนุษย์มีความหวัง มนุษย์จะโง่เขลาพอที่จะเชื่อว่าการมีชีวิตอยู่นั้นมีความหมาย มีจุดจบ และมีพันธะสัญญา หากไม่มีความหวัง อย่างน้อยพวกเราจะดำเนินชีวิตอย่างเป็นอิสระจากแรงบัลดาลใจที่ลวงหลอก
ความเห็นของนีทเชอค่อนข้างน่าสนใจ แต่สำหรับผมไม่คิดอย่างนั้น ผมคิดว่าเหตุที่ผู้เขียนเรื่องแพนดอราใส่ความหวังเอาไว้ในกล่องก็เพราะว่า ซูสปรารถนาให้มนุษย์สังหรณ์ถึงหายนะอยู่ตลอดเวลา จนเกิดความทุกข์ทรมานไม่เป็นอันกินอันนอน
แต่เนื่องจากความคาดหวังถูกกักเอาไว้ในกล่อง ก็ทำให้เรายังคงพอจะใช้ชีวิตต่อไปได้ เหตุผลที่ผมไม่เห็นด้วยกับนิทเชอก็เพราะว่าในปัจจุบันมนุษย์ก็ทุกข์ทรมานกับสัญญาลวงที่คิดว่าสิ่งดี ๆ จะมาถึงอยู่แล้ว
และเราทุกคนต่างก็หวังว่าชีวิตของเราน่าจะมีความหมายอยู่บ้างบนโลกใบนี้ทั้ง ๆ ที่เอลพิส (Elpis) หรือ "ความหวัง" ไม่เคยถูกปล่อยออกมา
อ่านบทความน่าสนใจได้ในลิ้งนี้ครับ
https://sircr.blogspot.com
อ้างอิง
Fry, S. (2017). Mythos: The Greek Myths Retold. London: Michael Joseph.
เมื่อชีวิตเริ่มจะดีขึ้นหรือเริ่มเข้าที่เข้าทาง ชีวิตก็จะถีบเราอย่างรวดเร็วด้วยเรื่องเฮงซวยต่าง ๆ มากมาย
เรื่องเล่า
ปรัชญา
ข้อคิด
1 บันทึก
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย