3 เคล็ดลับเปลี่ยนไอเดียให้เป็นธุรกิจที่ทำกำไร
ข้อมูลจาก U.S. BUREAU OF LABOR STATISTICS ระบุว่า 20% ของ startup ส่วนใหญ่ จะปิดตัวลงภายในหนึ่งปี และอีกกว่าครึ่งนึงในนั้น ก็เจ๊งตามๆ กันภายในอีก 5 ปี
สิ่งนี้กำลังบอกเราว่า ไม่ใช่ทุกไอเดีย ไม่ใช่ธุรกิจที่จะอยู่รอด บางไอเดียอาจมีความต้องการ แต่ก็เป็นเพียงแค่ในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อหมดช่วงโปรโมชัน ก็ไปต่อไม่ได้จนต้องปิดตัวลงก็มีให้เห็นเยอะมาก
เรื่องราวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเราตรวจสอบและวางแผน หาทางหนีทีไล่ให้กับหัวใจสำคัญของทุกๆ ธุรกิจ นั่นก็คือ การทำกำไรครับ
และนี่คือ 3 เช็กลิสต์ที่จะช่วยตรวจสอบว่า จากไอเดียนึง จะสามารถทำให้กลายเป็นธุรกิจที่กำไรได้หรือไม่ ลองไปปรับใช้กันดูครับ
1. ไม่ตกหลุมรักไอเดียตัวเอง
ไอเดียใคร ใครก็รัก อันนี้ไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่การตกหลุมรักไอเดียตัวเอง จนไม่ฟังเสียงใคร คือกับดักอันดับต้นๆ ที่ทำให้หลายๆ ธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า
การทำธุรกิจ ไม่ได้วัดกันที่ว่า สินค้าของคุณเจ๋งขนาดไหน แต่สิ่งสำคัญคือ มันเป็นสิ่งที่ลูกค้ามีต้องการหรือเปล่า
ดังนั้น อย่าตกหลุมรักไอเดียตัวเอง จนลืมตรวจสอบว่า ไอเดียนั้นๆ สามารถทำให้เกิดเป็นสินค้าหรือบริการ ที่ช่วยทำให้ชีวิตของใครดีขึ้นกว่าเดิมไหม
2. อย่าดูถูกคู่แข่งเด็ดขาด
หลังจากที่เช็กแล้วว่า ไอเดียของเรามีความต้องการในตลาด สิ่งที่ต้องทำต่อมา คือ การสำรวจคู่แข่ง ในขั้นตอนนี้ เราทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไปดูหน้าร้าน ดูสินค้าที่เขามี เช็กผ่าน Social Media ดูสถิติการขายย้อนหลังของคู่แข่ง เป็นต้น
อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้ก็คือ การใช้ SWOT เข้ามาช่วย ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นถึงจุดแข็ง และจุดอ่อนในธุรกิจได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงมองเห็นโอกาสและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
3. ทดสอบไอเดียก่อนเอาไปทำจริง
ถึงแม้ว่าจะได้ข้อมูล รู้ภาพรวมแล้วว่าจะขายใคร แต่ก่อนที่จะลงทุนเงินทั้งหมดไปกับการผลิตสินค้า ให้ลองทำสินค้าทดลองขึ้นมา และนำไปทดสอบกับตลาดจริงๆ เสียก่อน
หลายคนอาจจะละเลยการทดสอบตลาด และใช้วิธีคิดแทนลูกค้า ซึ่งผมคงไม่ต้องบอกว่า ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง ดังนั้น ขั้นตอนนี้จึงเป็นอีกส่วนที่สำคัญ ที่จะช่วยการันตีให้เราได้ว่า ไอเดียของเราจะสามารถเปลี่ยนให้เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้หรือไม่นั่นเองครับ
ข้อมูลจาก Entrepreneur
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
