14 พ.ย. 2022 เวลา 02:42 • ความคิดเห็น
การที่เราใช้ชีวิต ตัวคนเดียว ช่วยเหลือตัวเอง มาโดยตลอด เราก็ไม่มีใครคอยช่วยเหลือชี้แนะ ทำนองลูกกำพร้า ขาดพ่อขาดแม่ คอยแนะนำเลี้ยงดูสั่งสอน แม้จะมีปู่ย่าตายาย ช่วยเหลือบ้าง มีญาติ..เค้ารุ่นราวคราวเดียวกัน เค้าก็ไม่เห็นอกเห็นใจ มันก็มีทางเดียวคือ ต้องช่วยเหลือตนเอง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วก็มีชีวิตที่เคยชิน กับการทำอะไร ดีไม่ดี เราก็ไม่ได้ทบทวนไตร่ตรอง เมื่อมาอยู่ร่วมกัน กับเพื่อนฝูงเราก็สนุกกับเค้าได้
แต่อย่ามายุ่งเรื่องที่เราอยากจะทำ..เพราะเราเคยชิน ..ในสิ่งที่เราคิด เราทำ .ทำไปตามอารมณ์ ตามใจตัวเราเอง นั่นมันก็เป็นนิสัยที่เราเคยชิน อยู่ตัวคนเดียว ทำอะไรคนเดียว แต่ว่าในชีวิต เมื่อเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อยู่ร่วมกัน เราก็ต้องมีความเห็นอกเห็นใจกัน เข้าใจกัน เกื้อกูลกันไป แต่เราก็ไม่ไปยึด..ในสิ่งเราทำ หรือ หวังว่าใคร จะพูดอะไร ดีไม่ดีเป็นเรื่องราวของเค้า
เราก็รู้ตัวเองว่าเราดี..ดีที่เราทำ..ไม่ยึดในสิ่งที่ดี หรือ คาดหวังให้ใครมาเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ เราก็ทำไป เพราะมันเป็นเรื่องดี ดีที่เรารักจิตของตัวเองเป็น จิตเราไม่ได้ดีเพราะลมปากใคร สิ่งที่เราคอยสำรวจตัวเอง ลดละอารมณ์ ความยึดถืออะไรเล็กๆน้อยๆ ให้เป็นทาน เป็นบุญ ให้อารมณ์เป็นทานบ้าง อะไรพวกนี้ เราหาสิ่งที่ดีมาหนุนนำจิตใจเรา เพราะยังไง ..คนเราก็เกิดมาด้วยจิตดวงเดียว จากสังขารไป ก็ด้วยจิตดวงเดียว ไม่มีใครตามไปด้วยเลย
สิ่งเหล่านี้ เป็นความดีของจิต จิตเราสะสมขึ้นมา ที่จิตเราเบาขึ้น ไม่ไปยึดเรื่องราวที่ไม่ดี เราก็สำรวจตรวจสอบจิตใจของตนเองเป็น ว่าจิตเราดีหรือไม่ดีอย่างไร รู้ว่าไม่ดี เราก็มีเหตุผล แก้ไขที่ตัวเรา ไม่ให้เกิดมีกรรม เนื่องด้วยอารมณ์นึกคิด ที่จูงจิตให้เราเผลอสติหลงใหล เราก็ตัดมันทิ้งไป ไม่ให้จิตเราจมอยู่กับอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้น เราก็เอาจิตเราถอยออกมา สลัดอารมณ์นั้นทิ้งไป
1
โฆษณา