16 พ.ย. 2022 เวลา 01:36 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว : Speak No Evil - พักร้อนซ่อนตาย
Filmment Rating : 7.0
#เนื้อเรื่องย่อ
บียอร์น, หลุยส์ และแอ็กเนส ครอบครัวชาวเดนมาร์กได้เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศอิตาลี ที่นั่นพวกเขาได้พบกับ แพทริก, คาริน และเอเบล ครอบครัวชาวดัตช์โดยบังเอิญ ทั้ง 2 ครอบครัวสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้เวลาในการเที่ยวพักผ่อนร่วมกันก่อนที่จะแยกย้ายกลับบ้านหลังจบวันหยุด
แต่บียอร์นและหลุยส์กลับได้รับคำเชิญจากแพทริกและคาริน ให้เดินทางมาพักผ่อนที่บ้านของพวกเขาในชนบทอันห่างไกลของเนเธอร์แลนด์ ด้วยความไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจอันดีงาม ทำให้ทั้งบียอร์น, หลุยส์ และแอ็กเนสออกเดินทางไปเที่ยววันหยุดที่บ้านของครอบครัวชาวดัตช์ แต่การเดินทางครั้งนี้กลับกลายเป็นทริปแห่งความสยองขวัญ เมื่ออันตรายบางอย่างกำลังคุกคามพวกเขาจนไม่อาจหนีออกจากบ้านแห่งนี้ไปได้
#ความเห็น
ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์อย่าง Night Edge Pictures ยังคงเดินหน้าทำตามวิสัยทัศน์ในการยกระดับและเพิ่มความหลากหลายในวงการภาพยนตร์สยองขวัญต่อไป ด้วยการนำเข้าและจัดจำหน่ายผลงานฟอร์มดีจากยุโรป ซึ่งมากด้วยไอเดียและความแปลกใหม่ที่ผู้ชมชาวไทยอาจไม่คุ้นเคยนัก
คราวนี้พวกเขาหยิบยื่นภาพยนตร์สัญชาติเดนมาร์กอย่าง Speak No Evil - พักร้อนซ่อนตาย ที่พาผู้ชมไปสัมผัสกับความระทึกขวัญที่ไร้ซึ่งผีสางหรือวิญญาณร้าย หากแต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของภาพยนตร์ก็คือ จิตใจอันต่ำช้าของมนุษย์ที่พร้อมจะเอาเปรียบทุกคนที่ไม่กล้าตอบปฏิเสธพวกเขา
ภาพยนตร์เริ่มต้นสถานการณ์ทั้งหมดของเรื่องด้วยแนวความคิดที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงเป็นอย่างมากครับ ว่าด้วยการสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นกับใครสักคนผู้เป็นคนสุภาพ และไม่กล้าตอบปฏิเสธทุกคำร้องขอจากผู้อื่น แม้ว่ามันจะทำให้ตัวเองลำบากใจก็ตามครับ โดย Speak No Evil เดินหน้าสร้างความอึดอัดให้กับผู้ชม ด้วยความคาบเกี่ยวทางศีลธรรม, วัฒนธรรม รวมถึงเส้นแบ่งของมารยาทที่ไม่เท่ากันระหว่างตัวละคร
นำมาซึ่งสถานการณ์อันแปลกประหลาดมากมาย เช่น การถกเถียงกันถึงเรื่องรสนิยมการกิน, การพลอดรักกันอย่างไม่ขวยเขิน หรือกระทั่งการชวนใครสักคนมาร่วมทานมื้ออาหารแสนแพง พร้อมผลักภาระค่าใช้จ่ายไปให้กับแขกร่วมโต๊ะ
ดังนั้นหากจะบอกว่า Speak No Evil เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเต็มรูปแบบก็คงจะไม่ใช่สักทีเดียวครับ แต่มันคือภาพยนตร์ที่พาผู้ชมเดินทางไปเจอกับกลุ่มตัวละครที่เต็มไปด้วยพฤติกรรมอันแสนประหลาดและชวนโมโห รวมถึงเมื่อเหล่าตัวละครทั้ง 2 ครอบครัวนั้นมาจากต่างประเทศ, ต่างภาษา และต่างวัฒนธรรมกันนั้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าของตัวละครจึงเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และต้องยอมไหลตามน้ำเพื่อรักษาน้ำใจซึ่งกันและกันมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ชมถูกตีกรอบการรับชมด้วยมารยาทส่วนตัวแล้ว ก็ยิ่งออกรสชาติในการตัดสินพฤติกรรมอันไม่น่าพิสมัยของพวกเขามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบทภาพยนตร์ของ Speak No Evil นั้นจะมุ่งเน้นในการนำเสนอประเด็นอันแข็งแรงของเรื่องราวเป็นหลัก แต่ในแง่ของการถ่ายทอดแง่มุมความเป็นมนุษย์ของตัวละครนั้นกลับเป็นปัญหา การตัดสินใจในบางสถานการณ์ของตัวละคร ถูกจำกัดด้วยประเด็นที่ภาพยนตร์ต้องการนำเสนอมากจนเกินไป นำมาซึ่งความอึดอัดขับข้องใจของผู้ชมในการเอาใจช่วยพวกเขา
นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังขาดแรงดึงดูดในการตรึงผู้ชมเอาไว้กับเบาะ ไม่มีการสร้างปริศนาหรือการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ชมเกิดความสงสัย แม้สถานการณ์ในเรื่องจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน แต่เวลาบนจอกลับผ่านไปช้าเหลือเกิน
ภาพยนตร์มายกระดับและทวีความเข้มข้นขึ้นในช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่อง เมื่อสถานการณ์ทั้งหมดตึงเครียดถึงขีดสุดและเดินหน้าเข้าสู่บทสรุปของเรื่อง อันเต็มไปด้วยความรุนแรง, หดหู่ และกดประสาทของผู้ชมจนดำดิ่งเมื่อภาพยนตร์จบลง ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนจอก็ยิ่งตอกย้ำประเด็นที่ภาพยนตร์นำเสนอได้อย่างสะเทือนอารมณ์ครับ
โดยสรุปแล้วการที่ Speak No Evil - พักร้อนซ่อนตาย ถูกโปรโมทในฐานะภาพยนตร์สยองขวัญสั่นประสาท แต่กลับไม่มีผีหรือวิญญาณร้าย ไม่มีท่าทีในการกระตุกขวัญผู้ชม รวมถึงไม่มีฉาก Jump Scare เลยแม้แต่ฉากเดียวนั้น ก็อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่จิตแข็งและชอบความโฉ่งฉ่างเท่าไรนักครับ หากแต่มันเป็นภาพยนตร์ที่พาผู้ชมเดินหน้าสำรวจบริบททางสังคมอันเปราะบางของมนุษย์ จี้ใจดำของผู้ที่ถูกกระทำจากความสุภาพของตัวเอง และสะท้อนความเจ็บปวดของการเป็นคนดีเกินไปในโลกอันโหดร้ายใบนี้ครับ
#ประเด็นตกผลึก
ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง Speak No Evil - พักร้อนซ่อนตาย ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ
การกล่าวปฏิเสธบ้างในบางครั้ง เป็นสิ่งที่พึงกระทำเมื่อถึงคราวจำเป็น
ภาพยนตร์ชวนผู้ชมตั้งคำถามได้อย่างน่าสนใจครับ แน่นอนครับว่าเราทุกคนย่อมเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกับในภาพยนตร์มาบ้าง และผมเชื่อว่ามีหลายต่อหลายครั้งครับที่เราได้รับผลเสียจากการที่เราเป็นคนสุภาพจนเกินไปครับ ในบางสถานการณ์ของชีวิต เราต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้สึกขุ่นเคืองใจ แต่ทันทีที่สถานการณ์เหล่านั้นจบลงแล้ว มันกลับกลายเป็นเราเองครับที่ต้องทนทุกข์จากผลของการตามใจผู้อื่น จนต้องนั่งโทษตัวเองที่ไม่ยอมกล่าวปฏิเสธไปเสียตั้งแต่แรกครับ
ประเด็นดังกล่าวถูกสะท้อนออกมาผ่านตัวละครหลักของเรื่องอย่างบียอร์นและหลุยส์ ซึ่งพวกเขาได้รับคำเชิญจากแพทริกและคารินให้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ พวกเขาไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจอันดีงามของทั้งคู่ แม้มันจะแลกกับการขับรถนาน 8 ชั่วโมงในการเดินทางไปใช้เวลาในวันหยุดพักผ่อนกับคนที่พวกเขาแทบไม่รู้จัก
การตัดสินใจของทั้งบียอร์นและหลุยส์เป็นดั่งภาพสะท้อนของวัฒนธรรมที่มนุษย์ส่วนใหญ่ยึดถือ นั่นคือการอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยและยอมทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนรอบข้างสบายใจ ทั้งคู่เลือกตัดสินใจทุกอย่างบนพื้นฐานของกรอบทางสังคม มากกว่าที่จะเลือกฟังความต้องการของตัวเองครับ
บริบททางสังคมมักบีบให้มนุษย์ไม่สามารถพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาได้ตรงๆ เสมอ หรือหากได้พูดมันออกมาก็จะกลายเป็นการสร้างบรรยากาศที่ไม่สู้ดีนักกับผู้คนรอบข้าง นำมาซึ่งความอึดอัดคับข้องที่กดทับอยู่ในใจของเราเสมอครับ เห็นได้ชัดจากการที่ตัวละครอย่างบียอร์น ได้ระบายความในใจของเขาถึงความเป็นคนอ่อนแอและไม่กล้าโบกมือปฏิเสธผู้อื่น มันทำให้เขากลายมาเป็นคนที่เขาไม่อยากเป็นครับ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือภาพยนตร์หยิบยื่นโอกาสหลายต่อหลายครั้งให้ตัวละครสามารถเดินออกจากสถานการณ์นี้ได้ แต่ก็เป็นบียอร์นเองที่เกรงใจและประหม่าเกินไปที่จะคว้าโอกาสเหล่านั้น
สิ่งที่ภาพยนตร์ตะโกนบอกผู้ชมก็คือ การปฏิเสธผู้อื่นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายครับ ในชีวิตจริงนั้นเราย่อมต้องพบเจอกับการขอให้ทำอะไรที่เราไม่เต็มใจนัก แต่ก็มักจะน้ำท่วมปากในการปฏิเสธอยู่เสมอ เรามักต้องไปกินอาหารในร้านที่เราไม่อยากกินร่วมกับผู้อื่น, เรามักถูกขอยืมเงินโดยที่เราเองก็ไม่ได้มีมากมายนัก หรือเรามักจะถูกมอบหมายงานที่ไม่ใช่ของเราในรูปแบบของการขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ
ซึ่งหากการปฏิเสธเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือแสดงถึงความเห็นแก่ตัวจนเกินไป มันก็เป็นการป้องกันตัวเราเอง จากผู้ที่จ้องจะฉวยโอกาสและเอาเปรียบจากความสุภาพของเราครับ แต่หากเราตัดสินใจยอมรับมันโดยที่ไม่เต็มใจนัก เราอาจจะได้พบเจอกับความเจ็บปวดเหมือนกับในภาพยนตร์ก็เป็นได้ ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
#SpeakNoEvil #พักร้อนซ่อนตาย #Filmment
โฆษณา