16 พ.ย. 2022 เวลา 03:34 • ไลฟ์สไตล์
3 ปรัชญาการดำเนินชีวิตให้มีความสุข 😊
.
😞หลักปรัชญา แนวทางการใช้ชีวิตให้มีความสุขจากประเทศต่าง ๆ ซึ่งวันนี้เราจะหยิบยกปรัชญาการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ และ เหมาะกับคนที่กำลังหาแนวทางการใช้ชีวิตมาให้ได้ลองศึกษาและนำไปปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตดู
.
🧡1. ปรัชญาฮุกกะ
เป็นปรัชญาแนวการให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตให้มีความสุขของชาวเดนมาร์ก “ฮุกกะ”ในภาษานอร์เวย์โบราณมีความหมายว่า “ความเป็นอยู่ที่ดี” และเปรียบเทียบฮุกกะเป็นความ Cozy สบายๆในการใช้ชีวิต ชาวเดนมาร์กหันมาใช้คำว่าฮุกกะกันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน โดยฮุกกะ มีหลักการปฏิบัติในชีวิตประจำวันอยู่ 6 ข้อ นั่นคือ
1. สร้างบรรยากาศให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย โดยนำธรรมชาติเข้ามาอยู่แวดล้อม เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ โต๊ะไม้ ถ้วยเซรามิก สิ่งของที่ทำให้เกิดฮุกกะมากกว่าการสัมผัสกับเหล็ก แก้ว หรือพลาสติก
2. มีเครื่องมือในการสร้างความสุนทรียะ เช่น เทียนหอม ช็อกโกแลต ชาสมุนไพร ไดอารี่ หรืออัลบั้มภาพ เพื่อที่คุณจะเปิดกล่องเพื่อค้นพบความสุขในนั้นและทำให้ลืมทุกอย่างที่เผชิญมาในวันนั้น
3. ลงมือทำหัตถกรรม งานฝีมือ เช่น การถักไหมพรม วาดรูป
4. กินอาหารฮุกกะ คือ อาหารที่ได้ร่วมมือทำด้วยกัน โดยเฉพาะอาหารที่พิถีพิถัน ใช้เวลาทำนาน ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้ร่วมกันทำ ทำให้เชื่อมโยงถึงความทรงจำและประสบการณ์ที่ดี เช่น อาหารแบบ slow food อย่างสตูที่เคี่ยวนาน ๆ หรือขนมอบ
5. ทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัวหรือคนที่คุณรัก ‘ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ’ นับเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของฮุกกะ
6. รู้สึกดีได้กับเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้น เช่น ออกไปเดินเล่นในวันที่สดใส การจิบเครื่องดื่มถ้วยโปรด การดูหนังหรือฟังเพลงที่ชอบ
.
❤️2. ปรัชญาอิคิไก
เป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่นที่ทำให้มองเห็นเหตุผลของการมีชีวิตอยู่มากขึ้น อิคิไก หมายถึง คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ที่แท้จริง มาจากคำว่า อิกิ (iki) ที่แปลว่า การมีชีวิต และ ไก (gai) ที่แปลว่า คุณค่า
หลักการของอิคิไก ikigai คือการตอบคำถาม 4 ข้อพื้นฐาน เพื่อตอบคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน ดังนี้
1. อะไรคือสิ่งที่เรารัก (What you love) คือ สิ่งใดที่ทำแล้วทำให้เกิดความสุข อยากทำสิ่งนั้น เพื่อจะได้พัฒนาศักยภาพในตัวเราให้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การเลือกงานที่เหมาะสมกับตัวเราจริง ๆ และจะทำให้สามารถอยู่ในองค์กรนั้นได้นาน และใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่
2. อะไรคือสิ่งที่เราทำได้ดี (What you are good at) คือ สิ่งใดที่เรามีความสามารถทำได้ดีกว่าสิ่งอื่น หรือ Hard skill ทักษะความรู้ความสามารถที่ใช้ในการทำงาน เกิดจากการฝีกฝนจนชำนาญ จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญ โดยทักษะที่เรามีความสามารถไม่จำเป็นต้องตรงกับสาขาวิชาที่เรียนมาโดยตรง อาจเกิดจากการฝึกฝนของตนเอง จนเกิดความชำนาญ ถ้าเราค้นพบว่าเรามีความสามารถในเรื่องใด เราก็จะพบ อิคิไก ikigai ของชีวิตเราง่ายขี้น
3. สิ่งที่ทำให้เกิดรายได้ (What you can be paid for) คือ สิ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้เรา สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
4. สิ่งที่สังคมต้องการ (What the world needs) คือ สิ่งที่ทำแล้วจะเปลี่ยนแปลงสังคมหรือรอบข้างได้
.
📍เมื่อนำคำตอบแต่ละข้อไปทำเป็นวงกลมทับซ้อนกัน เพื่อหาความหมายของตัวมันเองในแต่ละอัน นั่นคือ
.
1. สิ่งที่เรารัก + สิ่งที่เราทำได้ดี = แรงผลักดัน เช่น เมื่อเรารู้ว่าเราชอบทำงานอะไรและงานอะไรที่เราทำได้ดี ก็จะกลายเป็นแรงผลักดัน ให้งานนั้นสำเร็จ ดี และมีประสิทธิภาพมากขี้น
2. สิ่งที่เรารัก + สิ่งที่โลกต้องการ = หน้าที่ เช่น เราได้ทำงานที่เรารักและงานนั้นก็ยังมีความต้องการสูงในตลาดแรงงาน เมื่องานที่เรารักเป็นงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและคนอื่น เราจะเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น เพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อสร้างความสุขให้กับคนรอบข้าง
ถ้าเราสามารถหาสร้างอิคิไก (Ikigai) ข้อนี้ได้ เราก็จะยิ่งสรรสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ยิ่งถ้ามีคนต้องการความช่วยเหลือจากสิ่งที่เรารักที่จะทำ นอกจากจะได้เป็นผู้ให้แล้ว ยังได้เป็นผู้รับจากสิ่งที่ทำอีกด้วย สิ่งที่ได้รับนั้นก็คือ ความสุข นั่นเอง
3. สิ่งที่โลกต้องการ + สิ่งที่ทำให้เกิดรายได้ = ทักษะในการทำงาน เช่น งานที่ทำนอกจากเป็นงานที่คนส่วนใหญ่ต้องการแล้ว งานนั้นอาจจะสร้างรายได้ให้อย่างมหาศาล นอกจากเป็นรายได้จากงานประจำอาจเป็นรายได้เสริม ถ้าเรามองหาจุดเชื่อมต่อ ระหว่าง 2 ข้อนี้ได้งานที่เป็นที่ต้องการและทักษะที่เกิดรายได้ ก็จะสร้างความภูมิใจให้กับสิ่งที่เราทำแม้แค่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
4. สิ่งที่เราทำได้ดี + สิ่งที่ทำให้เกิดรายได้ = อาชีพ เช่น จากการที่เรามีประสบการณ์ทำงานมาหลากหลายที่แล้ว รู้ถึงความสามารถของตัวเอง สามารถนำสิ่งที่มีอยู่นี้มาสร้างรายได้ ทำงานที่ตรงกับความสามารถของเราอย่างแท้จริง จนกลายเป็นอาชีพ
ดังนั้น เมื่อเราเจอ อิคิไก ikigai แล้ว ความสุขในการทำงานก็จะเกิดขี้น ทัศนคติแง่บวกในการทำงานก็จะตามมา แรงผลักดันในการทำงานก็จะเกิด และผลงานก็จะออกมาดี เมื่อผลงานออกมาดี รายได้ที่ดีก็จะตามมา
เราสามารถนำ ทฤษฎีอิคิไก ikigai มาใช้ในการทำงานได้ในทุก ๆ วันที่ตื่นขึ้นมา
.
💚3. กฎของยานเต้
เป็นปรัชญาการใช้ชีวิตที่ชาวสแกนดิเนเวียนยึดถือปฏิบัติกันมาที่มีหลักการที่ว่า “คุณอาจไม่ได้ดี-เก่ง-เหนือไปกว่าผู้อื่น” โดยยานเต้ มีกฎอยู่ 10 ข้อด้วยกัน คือ
1. อย่าคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าผู้อื่น
2. อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนดีมากเกินไป
3. อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าผู้อื่น
4. อย่าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น
5. อย่าคิดว่าตัวเองมีมากกว่าผู้อื่น
6. อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าผู้อื่น
7. อย่าคิดว่าตัวเองเก่งไปทุกเรื่อง
8. อย่าคิดว่าตัวเองจะได้รับความสนใจจากผู้อื่น
9. อย่าคิดว่าตัวเองจะเที่ยวไปสอนผู้อื่นได้
10. อย่าหัวเราะเยาะผู้อื่น
.
ถึงแม้จะเหมือนว่ามีกฎค่อนข้างเยอะ แต่ชาวสแกนดิเนเวียก็ยึดถือกฎทั้ง 10 ข้อมา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ข้อกฎหมายบังคับ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขานั้นปฏิบัติสืบต่อกันมา เพราะถือว่ากฎของยานเต้จะนำพาความสุขมาให้ชีวิตของพวกเขาเอง
.
✅การพัฒนาชีวิตของคนเรานั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ช่วยส่งผลต่อการดำเนินชีวิต เมื่อเรามีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดี ก็จะทำให้ชีวิตของเราไปในทิศทางที่ถูก คุณค่าของการใช้ชีวิตยังมีอีกหลายข้อที่ตัวเราเองนั้นก็อาจจะยังไม่รู้ ลองหลักการใช้ชีวิตต่างๆไปปรับใช้ในเหมาะกับตัวเองดูกันนะคะ
.
โฆษณา