Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
•
ติดตาม
17 พ.ย. 2022 เวลา 14:37 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 86 คำขอโทษ....
ผมหยิบกล้องส่องทางไกลออกจากกระเป๋าเป้มาส่องไปยังหมู่บ้านอินทนิลขวางซึ่งอยู่เบื้องล่าง
และสิ่งที่ผมเห็นผ่านกล้องส่องทางไกลทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น..!!!
“ค่ายทหารพม่า”ผมเผลออุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ชิปหายแล้ว”เสียงของตาเยาว์พูดออกมาเมื่อได้ยินผมอุทาน
“ถอยก่อนๆ”ผมบอกให้ทุกคนถอยเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ จากนั้นทุกคนก็รีบพากันซ่อนตัวในพุ่มไม้บนเนินเขากันอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้นพวกเราทั้งหมดได้ยินเสียงคนคล้ายกำลังตอกสังกะสีดังมาจากภายในหมู่บ้านอินทนิลขวาง
ตาเยาว์จึงขอกล้องส่องทางไกลจากผมแล้วค่อยๆเดินย่องออกไปจากพุ่มไม้เพื่อส่องดูภายในหมู่บ้าน
“พวกพม่ามันกำลังรื้อบ้านของพวกเรา”ตาเยาว์บอกกับผมหลังจากที่กลับมาจากการสังเกตการณ์
“เลวจริงๆ พวกมันเอาสังกะสีไปขายแน่ๆ”พี่เทืองพูดออกมาด้วยความโมโห
“คืนนี้เราคงต้องซุ่มอยู่แถวนี้กันก่อน เพราะถ้าเดินทางกลับกันมืดๆก็อันตราย แถมยังส่องไฟฉายกันไม่ได้อีก”ผมบอกกับทุกคน
“เสียดายมาถึงที่นี่แล้ว แต่กลับเข้าไปที่หมู่บ้านของพวกเราไม่ได้”พี่เทืองบอกกับผมด้วยความเสียใจ
“ใจเย็นๆ ขืนเข้าไปตอนนี้ก็ไม่คุ้ม”ผมบอกกับพี่เทือง
“นี่ก็ใกล้จะมืดแล้วเดี๋ยวเรากินข้าวกันก่อนดีกว่า แล้วเรื่องบุหรี่ก็ระวังกันด้วยเผื่อทหารพม่าลาดตระเวนผ่านมาแถวนี้”ผมบอกกับทุกคนก่อนที่จะเอาเสบียงออกมา
จากนั้นทุกคนก็นำเสบียงออกมาแบ่งกันกิน
คืนนั้นพวกเราต่างซุ่มอยู่ในพุ่มไม้บนเนินเขาหลังบ้านหลังเก่าของผมกันอย่างเงียบๆ
“ผมคิดว่าจะแอบลงไปที่บ้านผมซักหน่อย ทรายจะไปกับผมมั๊ย”พี่เทืองเดินมาถามกับผม
“ไม่ล่ะพี่ ถ้าไปยิงกับทหารพม่าผมไปนะ แต่ถ้าให้ย่องไปแอบดูผมคงไม่ไปหรอก เพราะสภาพผมนี่คงวิ่งหนีทหารพม่าไม่ทัน”ผมบอกกับพี่เทืองไปตามตรงเพราะหากเกิดอะไรขึ้นสภาพผมตอนนั้นที่รูปร่างอ้วนมากคงจะหนีไปไหนไม่ไหวและหากผมเป็นอะไรไปพี่โอ๋ก็หมดสิทธิ์ที่จะเดินกลับบ้านไปได้เพียงลำพัง
“งั้นผมไปกับพี่เยาว์ก่อนนะ”พี่เทืองบอกกับผมเพราะเขาอยากจะเข้าไปสำรวจความเสียหายที่บ้านของเขาในหมู่บ้านอินทนิลขวาง
"งั้นเอานี่ไปด้วย ใช้เป็นนะแค่เหนี่ยวไกเหมือนปืนลูกโม่แหละ ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยนะ"ผมบอกกับเขาก่อนจะส่งปืน 9 ม.ม.จากพี่โอ๋ให้เขาไป
จากนั้นพี่เทืองพร้อมกับตาเยาว์ก็ค่อยๆเดินลงไปจากยอดเขาไปยังหลังบ้านหลังเก่าของผมทันที
ไม่นานนักทั้งสองคนนั้นก็รีบวิ่งกลับขึ้นมาหาผม
“ทหารพม่ามันนั่งเฝ้าอยู่ที่บ้านหลังเก่าของทราย ผมเลยไปต่อไม่ได้”พี่เทืองบอกกับผมก่อนที่จะส่งปืนกระบอกนั้นคืนให้กับผม
“แล้วพวกมันเห็นพี่มั๊ย”ผมถามกับพี่เทืองด้วยความตกใจ
“พวกมันไม่ทันเห็น ผมวิ่งหนีกลับกันมาก่อน”ตาเยาว์บอกกับผม
“งั้นเดี๋ยวเราผลัดกันไปนั่งดูต้นทางไว้ ยังไงคืนนี้งดสูบบุหรี่ด้วยนะ”ผมบอกกับทุกคนก่อนที่จะส่งปืนคืนให้พี่โอ๋ส่วนพี่เทืองก็เดินไปนั่งดูต้นทางไว้
คืนนั้นอากาศหนาวมาก และเป็นการนอนในป่าที่ทรมาณที่สุดในชีวิตของผมเนื่องจากพวกเราก่อไฟกันไม่ได้ ผูกเปลกันก็ไม่ได้ พูดคุยกันก็ไม่ได้ สุดท้ายผมกับพี่โอ๋ต้องนั่งกอดกันและนำเปลออกมาห่อตัวเพื่อคลายความหนาว
จนรุ่งเช้าพวกเราก็เตรียมตัวเดินทางกลับ
“รอก่อนนะพี่กร ยังไงผมก็จะกลับมาพาพี่ออกไปให้ได้ ผมสัญญา"ผมพูดออกมาหลังจากที่ยืนมองหมู่บ้านอินทนิลขวางซึ่งอยู่เบื้องหน้าผมก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินตามทุกคนไปยังเส้นทางเดิมที่พวกเราเดินกันมาเมื่อวาน
หลังจากที่เดินมาได้ไม่กี่ชั่วโมงน้ำดื่มของผมก็หมดลง
1
“ใครยังมีน้ำอีกมั๊ย”ผมถามกับทุกๆคน
“ของผมก็หมดแล้ว”บ่าวบอกกับผม
“ของผมก็หมด”ทุกๆคนบอกโดยพร้อมเพรียงกัน
“เวรล่ะ น้ำหมดทำไงดีวะ”ผมถามกับทุกคนเพราะพวกเรานำน้ำดื่มติดมากันไม่เยอะเพราะตอนแรกทุกคนคิดว่าจะสามารถลงไปตักน้ำที่ลำคลองในหมู่บ้านได้ แต่เมื่อมาเจอกับทหารพม่าจึงทำให้ทุกคนต้องเดินกลับมาตามเส้นทางบนสันเขาเหมือนเดิมทำให้ไม่มีน้ำดื่ม
“ตัดลงจากสันเขาไปหาน้ำกันมั๊ย”ตาเยาว์ถามกับผมเมื่อเห็นผมเดินอย่างอ่อนแรง
“ไม่เป็นไรหรอก กว่าจะลงไปหาน้ำกว่าจะกลับมาเส้นทางเดิมก็เสียเวลา ผมว่าพวกเรารีบเดินกันเถอะ”ผมบอกกับทุกคนทั้งที่รู้ดีว่ากว่าพวกเราจะเดินทางกลับถึงช่องหินหมูก็คงเป็นช่วงเย็น
จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็เดินทางกันต่อด้วยความอ่อนแรง
“เอานี่ พอจะช่วยได้บ้าง”ลุงท่อตัดเถาวัลย์ซึ่งมีน้ำไหลออกมาให้ผมได้ดื่ม
จากนั้นพวกเราก็เดินทางมาถึงบ้านของลุงดำที่ช่องหินหมูในเวลาเย็นโดยที่ไม่มีใครได้กินอะไรกันเลยตลอดทั้งวัน
เมื่อผมไปถึงบ้านลุงดำก็พบกับลุงสิงห์กำลังนั่งรอพวกเราอยู่กับลุงดำ
“มาๆ มากินข้าวกินขนมกันก่อน”ลุงสิงห์ตะโกนเรียกพวกเราเพราะรู้ดีว่าพวกเราจะต้องกลับมาในสภาพที่หิวโซจึงได้เตรียมข้าวกับขนมหวานไว้รอ
“โห ลุงสิงห์นี่รู้ใจกันจริงๆ”ผมบอกกับลุงสิงห์ด้วยความดีใจขณะที่เขากำลังตักข้าวจากหม้อส่งให้พวกเราทุกคน
“แหม่ เราก็เคยเดินป่ามาก่อน ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”ลุงสิงห์บอกกับผมก่อนที่จะส่งขวดน้ำให้กับผมซึ่งผมก็รับมาดื่มอย่างกระหายก่อนที่จะรีบคว้าจานข้าวมากิน
“แล้วเป็นไงบ้าง”ลุงสิงห์ถามกับผมขณะที่ผมกำลังตักข้าวเข้าปากด้วยความหิวโหย
“พวกผมไปได้แค่เนินเขาหลังบ้านหลังเก่าของผม พอดีมีทหารพม่ามันเฝ้าอยู่เลยไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้าน”ผมบอกกับลุงสิงห์ขณะที่กินข้าวไปพลาง
“สงสัยทหารพม่ามันจะยึดพื้นที่แล้วมั้ง พวกเราคงหมดโอกาสเข้าไปอีก สงสารก็แต่ไอ้กรแหละที่ไม่ได้ออกมาพบหน้าลูก”ลุงสิงห์พูดออกมาแบบเศร้าๆ
“ยังไงผมก็จะไปเอาพี่กรออกมาให้ได้ “ผมบอกกับลุงสิงห์ก่อนที่จะเดินไปตักถั่วเขียวต้มน้ำตาลมากินอีกถ้วยหลังจากข้าวในชามเพิ่งหมดไป
จากนั้นผมและคนอื่นก็ช่วยลุงสิงห์ล้างหม้อล้างจานให้ลุงดำก่อนจะเตรียมตัวเดินทางกลับ
“ไปก่อนนะลุงดำ เดี๋ยวคราวหน้าผมจะมารบกวนใหม่”ผมบอกกับลุงดำก่อนที่จะนั่งรถกระบะของลุงสิงห์พร้อมกับคนอื่นๆกลับมายังบ้านของผู้ใหญ่โรจน์บนเนินเขา
จากนั้นผมก็บอกลาทุกคนก่อนจะขับรถยนต์กลับมาที่จังหวัดระนองพร้อมกับพี่โอ๋
“เดี๋ยวนี้ที่ด่านทหารมันไม่ค้นรถมึงแล้วเหรอ”พี่โอ๋ถามผมเมื่อผมขับรถยนต์ผ่านด่านของทหารมาอย่างปกติ
“โดนไปแบบนั้น ใครจะกล้าค้นอีกล่ะ “ผมบอกกับพี่โอ๋
“เออ ตอนที่มันมาจับมึง มันคงคิดว่ามึงเป็นหมูมั้ง “พี่โอ๋บอกกับผม
“ถึงผมหมูก็หมูป่านะ ไม่ใช่ว่าจะเคี้ยวกันได้ง่ายๆ”ผมบอกกับพี่โอ๋อย่างอารมณ์ดี
จากนั้นผมก็ขับรถมาส่งพี่โอ๋ที่บ้านของเขาก่อนที่จะแวะนำซาลาเปาที่ผมแวะซื้อระหว่างทางมาฝากให้แม่
หลังจากคุยกับพ่อและแม่ไม่นานผมก็กลับมาที่บ้านของผมที่ในตัวเมือง
“เป็นไงบ้าง ได้เข้าไปในหมู่บ้านมั๊ย”กุ้งถามกับผมเมื่อเห็นผมเดินลงจากรถยนต์ที่เพิ่งจอดที่บ้านของผมในเวลาดึก
"ไม่ทันได้เข้าไปในหมู่บ้าน พี่เทืองดันไปเจอทหารพม่าซะก่อน”จากนั้นผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง
"งั้นเราว่าเธออย่าเสี่ยงเลย ดูแล้วจะไม่คุ้ม”กุ้งบอกกับผมด้วยความห่วงใย
“แต่ยังไงเราก็สัญญากับน้องน๊อตไว้แล้ว เราต้องทำให้ได้”ผมบอกกับเธอไป
“เออๆค่อยว่ากัน นี่ก็ดึกแล้วไปอาบน้ำเถอะ”กุ้งรีบไล่ให้ผมไปอาบน้ำ
เช้าวันต่อมาผมและกุ้งก็ไปซื้อนมให้ลูกชายที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองระนอง
“หนังสือปืนเดือนนี้น่าจะมาแล้ว”ผมบอกกับกุ้งก่อนที่จะชวนเธอเข้าไปยังร้านหนังสือ
ระหว่างที่ผมกำลังจ่ายเงินค่าหนังสืออยู่นั้น..
“ไอ้ผู้พันคนนั้นนี่นา”กุ้งพูดออกมาเมื่อเห็นผู้พันคนที่เคยเงื้อมือจะตบเธอและเป็นคนเดียวกับที่มาช่วยน้องชายผมเพื่อแลกกับการเก็บความลับที่ชั่วร้ายไว้กำลังเลือกซื้อล๊อตตารี่อยู่บริเวณประตูทางเข้าห้างกับลูกน้องที่เป็นทหารในเครื่องแบบ
จากนั้นกุ้งก็รีบเดินปรี่เข้าไปหาทหารกลุ่มนั้นทันทีโดยที่ไม่ยอมรอผมซึ่งผมกำลังรอรับเงินทอนจากทางพนักงานของร้าน
“ไงผู้พัน”กุ้งถามกับทหารนายนั้นทันทีเมื่อเดินเข้าไปถึง
โดยที่ไม่ทันคาดคิดนายทหารนายนั้นกลับยกมือไหว้เธอ
“ผมขอโทษด้วยครับที่วันก่อนผมทำกริริยาไม่ดีใส่คุณ วันนั้นผมโดนผู้การด่าผมเลยเครียด ผมต้องขอโทษจริงๆครับ”ผู้พันคนนั้นบอกกับกุ้งต่อหน้าลูกน้องของเขา
“ได้ ถ้าคุณขอโทษชั้นก็ยกโทษให้ คราวหลังก็อย่าไปทำอะไรแบบนี้กับคนอื่นอีก”กุ้งบอกกับผู้พันคนนั้น
“นี่ครับผมมอบให้”ผู้พันส่งล๊อตตารี่ทั้งชุดที่เขาเพิ่งซื้อมาให้กับกุ้งเป็นการขอโทษ
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากได้”กุ้งบอกกับผู้พันคนนั้นก่อนเดินออกมา
“รับไว้เถอะครับ”ผู้พันหันมาส่งล๊อตตารีชุดนั้นให้ผมซึ่งเพิ่งรีบเดินออกมาจากร้านหนังสือแทน
“ผมไม่เอาหรอก”ผมบอกกับผู้พันก่อนที่มองไปยังล๊อตตารี่ของเขา
“038 แต่ถ้าเย็นนี้ดันออกเลขนี้ผมค่อยไปหาผู้พันที่ในค่ายก็แล้วกัน”ผมบอกกับทหารคนนั้นก่อนที่จะเดินตามกุ้งไปที่รถยนต์
“ทำไมไม่ด่ามันล่ะ ไหนว่าอยากเจอตัวมานานแล้ว”ผมถามกับกุ้งขณะที่ขับรถยนต์ออกมา
“ตอนแรกก็กะว่าจะด่าให้ลั่นห้างเลย แต่พอเจอคนรุ่นพ่อยกมือไหว้นี่เราไปต่อไม่ถูกเลย”กุ้งบอกกับผม
“เออว่ะ ไม่เห็นทำตัวคับถ้วยเหมือนตอนที่จับเราเลย”ผมบอกกับกุ้ง
“ช่างเถอะ คนที่ผิดแล้วยอมรับผิดขอโทษเราก็ไม่อยากจะไปจองล้างจองผลาญเขา”กุ้งบอกกับผมอย่างอารมณ์ดี
“แต่ไอ้ตัวที่ยังไม่สำนึกนี่สิ ต้องเล่นให้หนัก”ผมบอกกับกุ้งอย่างเครียดแค้น
“เท่านี้พวกนั้นก็คงรู้แล้วล่ะว่าอย่ามาแหยมกับพวกเราอีก”กุ้งผมบอกกับผม
เมื่อผมและกุ้งขับรถยนต์มาถึงที่บ้านก็พบว่ามีจดหมายจากรัฐสภาส่งมาถึงบ้านของผม
“จดหมายอะไรอีกล่ะ”กุ้งถามกับผมด้วยความสงสัย
“จดหมายจากกรรมธิการต่างประเทศเชิญไปประชุม”ผมบอกกับกุ้งหลังจากเปิดจดหมายออกมาอ่าน
“เรื่องอะไรอีกล่ะ”กุ้งถามก่อนที่จะดึงจดหมายไปอ่าน
“เรื่องเดิมนี่แหละ เอกสารเดิม แค่เปลี่ยนชื่อหน้าซองเอง บอกแล้วว่าเราจะฟ้องให้ไม่ต้องเป็นอันทำงานเลย 555”ผมบอกกับกุ้งความสะใจที่กรรมาธิการต่างประเทศรับเรื่องของผมไว้อีกชุด
“นี่ก็โดนกันหมดเลยเหรอทั้งผู้ว่าทั้งนายอำเภอ”กุ้งบอกกับผมหลังจากที่พับจดหมายใส่ซองไว้อย่างเดิม
“นั่นสิ สงสัยงานนี้จะไปต่อบัตรประชาชนไม่ได้แล้วล่ะ555"ผมบอกกับกุ้งพลางหัวเราะ
“แล้วชื่อของเธอพวกทหารเอาออกจากป้ายแล้วนี่นา”ถามกับผมด้วยความสงสัย
“อันนั้นก็ต้องให้เขาไปอธิบายกับกรรมาธิการเอง”ผมบอกกับภรรยาของผมก่อนที่จะขนของที่ซื้อมาลงจากท้ายรถยนต์ไปเก็บไว้ในบ้าน
วันต่อมา
เช้านี้มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดที่บ้านของผม
“ทราย ทะเบียนปืนของทรายออกแล้วนะ แต่ไม่มีใครกล้าเอาไปให้นายอำเภอเซ็น”เจ้าหน้าที่ของอำเภอบอกกับผม
“อ้าวทำไมล่ะ ในเมื่อผมไม่ติดข้อห้ามตามกฎหมายนี่”ผมถามกับเจ้าหน้าที่คนนั้นที่เดินทางมาพบผมถึงที่บ้าน
“ก็ตอนนี้นายอำเภอคนที่มีเรื่องกับทรายเขาย้ายมาที่นี่ เลยไม่มีใครกล้าเอาทะเบียนปืนไปให้เขาเซ็น”เจ้าหน้าที่บอกกับผม
“แล้วยังไง ผมจ่ายค่าน้ำชาไปเยอะนะ ถ้าไม่ได้ทะเบียนผมก็ขอเงินคืน”ผมบอกกับเจ้าหน้าที่คนนั้นด้วยความโมโห
“เอ่อ ให้ทะเบียนปืนเป็นชื่อของแฟนทรายได้มั๊ย เพราะทรายกับแฟนไปไหนมาไหนด้วยกัน”เจ้าหน้าที่ต่อรองกับผมเพราะไม่อยากคืนเงินให้กับผม
“งั้นก็ได้ แต่ผมอยากได้ ป.3ใหม่ กระบอกนี้ผมจะเอาไปขายคืนแล้ว”ผมบอกกับเจ้าหน้าที่คนนั้นไปเพราะ Kimber ที่ผมใช้ขึ้นสนิมบ่อยและเล็กเกินที่จะยิงอะไรได้แม่นยำผมจึงอยากจะเปลี่ยนเป็นปืนขนาดฟลูไซค์แทน
“ได้ๆ เดี๋ยวไปจัดการให้”เจ้าหน้าที่บอกกับผมก่อนที่จะกลับไป
คืนนั้นผมเข้านอนตามปกติจนกระทั่ง
“ทำไมหมามันเห่าไม่หยุดเลย”กุ้งปลุกผมขึ้นมากลางดึกหลังจากที่ได้ยินเสียงหมาเห่าแบบแปลกๆ
"เออว่ะ หมามันเห่าแปลกๆ เธอรออยู่ในห้องกับลูกนะไม่ต้องเปิดไฟ”ผมบอกกับกุ้งเบาๆก่อนที่จะหยิบปืนสั้นของผมเดินออกไปทางหลังบ้าน
หลังจากที่ยืนมองสักพักผมก็เห็นชายชุดดำยืนอยู่ที่บริเวณแท้งค์น้ำ
“ยกมือขึ้นสูงๆให้กูเห็นนะ ถ้าตุกติกกูยิงให้ลูกแมงวันแดกแน่”
ผมตะโกนออกไปก่อนที่จะเปิดสวิตซ์เลเซอร์ของปืนที่ชี้ไปยังศรีษะของเขา..!!!
#เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
บันทึก
5
1
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย