20 พ.ย. 2022 เวลา 23:00 • ประวัติศาสตร์
พระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์ (Nebuchadnezzar II) 632-562 ก่อนคริสตกาล
กษัตรย์
พระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์
ในแผ่นจารึกโบราณของบาบิโลน ซึ่งคาดกันว่าเขียนขึ้นในสมัยของพระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์ ทำให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่า พระองค์เป็นบุตรของ เนโบโพลาสซาร์(Nabopolassar) พระองค์เป็นผู้ปลดปล่อยบาบิโลนออกจากการเป็นเมืองประเทศราชของอัสซีเรีย และทำลายเมืองนิเนเวห์
พระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมากกว่ากษัตริย์องค์อื่นในเมืองบาบิโลน พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับราชธิดาของ ซียาซาเรส (Cyaxares) ซึ่งส่งผลให้มีเดียและบาบิโลนเป็นทองแผ่นเดียวกัน
ในสมัยของพระองค์นั้น อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และเคลื่อนไหวอยู่ของโลกในช่วงดังกล่าว มีอยู่เพียงไม่กี่อาณาจักร โดยอาณาจักรสำคัญคืออียิปต์ และเมืองใหญ่แถบเมโสโปเตเมีย ซึ่งดินแดนทั้งสองส่วนนี้ถือว่าอยู่ในบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลจากกันนัก
รูปวาด พระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์ อาณาจักรบาบิโลน
กษัตริย์นิโคที่ 2 (Necho II ) ของอียิปต์ได้ทรงรับชัยชนะเหนืออัสซีเรียที่คาร์เชมิส (Carchemish) ทำให้อียิปได้ครอบครองดินแดนประเทศซีเรียและดินแดนปาเลสไตน์ซึ่งตอนนั้นตกอยู่ภายใต้การปกครองของอัสซีเรีย ในช่วงเวลานั้นยังเหลือส่วนการปกครองของอัสซีเรียอีก 2 แคว้นคือ บาบิโลน และมีเดีย
ขณะนั้น เนโบโพลาสซาร์(Nabopolassar) มีความประสงค์ที่จะเอาชนะกษัตริย์นีโค ที่ยึดครองแคว้นทางตะวันตกของประเทศซีเรีย โดยพระประสงค์นี้พระองค์ได้ส่งพระราชบุตรเนบูคัดเนสซาร์ไปพร้อมกับกองทัพที่ทรงพลานุภาพไปยังอียิปต์ และได้ทำสงครามกันที่ คาร์เชมิส(Carchemish)
ผลของการรบครั้งนี้ฝ่ายของเนบูคัดเนสซาร์ได้ขับไล่อียิปต์ออกไปจากการครอบครองดินแดนประเทศซีเรีย และอียิปต์ไม่เคยได้เป็นใหญ่ในดินแดนนี้อีกเลย
การ รบแห่งคาร์เคมิชตามที่ปรากฎใน เรื่องราวของชาติของฮัทชินสัน (พ.ศ. 2443)
เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงปราบประเทศต่างๆ ในดินแดนปาเลสไตน์และกรุงเยรูซาเล็ม จับเชลยชาวยิวจำนวนมากในเวลานั้น ซึ่งรวมทั้งดาเนียลและเพื่อนๆของเขา สามปีหลังจากนั้นเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาร์ได้ทำการแข็งเมือง
โดยหวังจะได้รับการช่วยเหลือจากประเทศอียิปต์ ซึ่งทำให้เนบูคัดเนสซาร์ยกกองทัพมาปราบปรามในปี ค.ศ.598 ก่อนคริสตกาล
ในครั้งที่สามที่เนบูคัดเนสซาร์ได้ยกกองทัพมา พระองค์ได้จับเยโฮยาคิมไปเป็นเชลยในกรุงบาบิโลนพร้อมกับประชากรส่วนใหญ่ของเมือง และเอาเครื่องใช้ในพระวิหารไปด้วย และได้แต่งตั้งเศเดคียาห์เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่เหนือยูดาห์
ต่อมากษัตริย์เศเดยาห์ได้ตกลงเป็นพันธมิตรกับอียิปต์ และได้ก่อกบฏต่อบาบิโลน เหตุการณ์นี้นำมาซึ่งการสิ้นสุดของการเข้ายึดกรุงเยรูซาเล็มและถูกทำลายลงในปี 586 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์เศเดคียาห์ได้ถูกจับเป็นเชลยและได้ถูกควักลูกตาออกโดยคำสั่งของกษัตริย์บาบิโลน และถูกจับเป็นนักโทษตลอดชีวิตของพระองค์
กรุงเยรูซาเล็ม (Jerusalem) เมืองหลวงอันศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรยูเดีย (ยูดาห์)
มีจารึกบนแผ่นดินเหนียว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของประเทศอังกฤษได้บันทึกไว้ถึงการทำสงครามของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า
ในปีที่ 37 ของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของประเทศบาบิโลน พระองค์ได้ออกไปยังประเทศอียิปต์ และทำสงครามกับอามาซีสกษัตริย์ของประเทศอียิปต์ และได้ทำการยึดครองพร้อมประกาศชัยชนะตลอดภูมิภาค
เนบูคัดเนสซาร์ได้ทำการก่อสร้างและประดับเมืองบาบิโลน และได้เพิ่มความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งในอาณาจักรของพระองค์ โดยการสร้างคลองและสะพานส่งน้ำ และสร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดมหึมาต่างๆเพื่อเป็นอนุสรณ์ของพระองค์
พระองค์ได้รับการยกย่องเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ ปกครองอยู่บนราชอาณาจักรที่กว้างใหญ่แบ่งเป็นหลายมณฑล อาจกล่าวได้ว่าพระองค์ได้สร้างอาณาจักรที่ทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ของบาบิโลนหรือในแผ่นดินย่านตะวันออก
จักรวรรดิบาบิโลนใหม่ (เนบูคัดเนสซาร์) และอาณาจักรอียิปต์
ว่ากันว่าพระองค์ ได้ใช้ทรัพย์สมบัติอย่างเต็มที่ในเมืองบาบิโลน อิฐทุกก้อนในเมืองต้องมีชื่อของพระองค์จารึกไว้ และพระองค์ได้ปฏิสังขรณ์เมืองต่างๆและพระวิหารของเมืองเหล่านั้นทั่วราชอาณาจักรของพระองค์
ภายหลัง เนบูคัดเนสซาร์ได้ตกอยู่ในความทุกข์ยากด้วยอาการประหลาดทางด้านจิตใจ มีความวิตกจริต มีการยืนยันในเรื่องนี้ในบันทึกเรื่องราวของสมัยนั้นที่มีการค้นพบไม่นานมานี้บนแผ่นประตูทองสัมฤทธิ์ที่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเนบูคัดเนสซาร์
1
หลังจากหายแล้วระยะหนึ่งพระองค์ได้สิ้นพระชนม์เมื่อปี 562 ก่อนคริสตกาล ด้วยพระชนมายุ 83-84 พรรษา หลังจากครองราชย์มา 43 ปี
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference :
พระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์ (Nebuchadnezzar II) : https://cutt.ly/wMF0Vw7

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา