Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
TechBite
•
ติดตาม
19 พ.ย. 2022 เวลา 06:00 • ธุรกิจ
Twitter จะไปทางไหนต่อ ? หลัง อีลอน มัสก์ ยังสร้างตำนานไม่เว้นวัน และคนแห่ RIP Twitter
4
ในชั่วโมงนี้.. คงจะไม่มีใครไม่รู้จักชายที่ชื่อ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ที่ขยันสร้างวีรกรรม จนเป็นข่าวดังแบบไม่เว้นวัน หลังจากเป็นเจ้าของ Twitter เต็มตัว
1
เริ่มตั้งแต่
-การปลดพนักงาน 3,700 คน หรือครึ่งหนึ่งของบริษัท ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้ามาบริหารงาน
-ส่งอีเมลบอกพนักงานว่า ให้ทำงานหนัก 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ใครรับไม่ได้ก็ให้ลาออกไป
-ประกาศขอนอนที่ออฟฟิศ จนกว่าจะแก้วิกฤตินี้ให้เสร็จสิ้น
2
หนักถึงขนาดที่ว่าพนักงานกว่า 75% ของ Twitter เริ่มทนไม่ไหวจนขอลาออก
หลายแบรนด์เริ่มถอดการโฆษณา หรือ หยุดการลงโฆษณาเป็นการชั่วคราว
3
และแม้แต่ฝั่งผู้ใช้งานเอง ก็ยังหวั่นใจว่า Twitter จะล่มสลายกันเลยทีเดียว รวมถึง #RIPTwitter ก็กำลังติดเทรนด์บน Twitter
1
พอเป็นแบบนี้ แล้วมันมีทางไหนบ้างที่ Twitter จะสามารถผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ ?
1
เวลานี้ TechBite จะพามาวิเคราะห์ความไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับ Twitter หลังจากนี้
โดยอ้างอิงมาจากแนวทางส่วนหนึ่ง ที่อีลอนเคยประกาศไว้ว่าจะนำมาใช้กับ Twitter หลังจากที่ซื้อกิจการ นั่นเอง
1) การเปลี่ยน Twitter เป็น “Open Source”
1
ถ้าถามว่า Twitter จะดำเนินงานต่อได้ไหม ถ้าพนักงานหายไปขนาดนี้ ?
คำตอบก็คือ “ไม่น่าจะได้” เพราะเมื่อคนน้อยลง แต่จำนวนงานไม่ลดลงตาม ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ Twitter จะสามารถสร้างผลงาน (Output) ได้เท่าเดิม
1
หลักฐานคือ ถ้าทำได้จริง ๆ อีลอนคงไม่บอกให้พนักงานทำงานหนักแบบถวายชีวิตขนาดนั้น
เพราะกำลังคน “ไม่เพียงพอ” ต่อปริมาณงานที่มีอยู่
ซึ่งล่าสุดก็มีรายงานอีกว่า อีลอน เริ่มมีการโทรไปง้อพนักงานบางส่วนที่โดนไล่ออกให้กลับมาทำงานด้วยซ้ำ
4
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่นับเรื่องค่าใช้จ่ายที่อีลอนบอกว่ามันมากเกินไปแล้ว
การเลือกปลดพนักงานจำนวนขนาดนี้ ก็อาจเป็นไปได้ว่า เขาอยากเปลี่ยน Twitter ให้เป็น “Open Source” แบบที่เคยพูดเอาไว้จริง ๆ
เพราะจุดเด่นของการเปลี่ยนแพลตฟอร์มให้เป็น “Open Source” ก็คือการให้ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมกันปรับแต่งและพัฒนาแพลตฟอร์มได้ แม้ว่าคนนั้นจะ “ไม่ใช่คนในองค์กร” ก็ตาม
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นถ้าวันหนึ่ง Twitter พบปัญหาโหลดรูปภาพช้า
การเป็นแพลตฟอร์ม Open Source จะช่วยให้คนทั่วไปจากทั่วทุกมุมโลก สามารถช่วยกันหาสาเหตุ และลดขั้นตอนการทำงานของพนักงานได้ แทนที่จะให้พนักงานคนเดียวหรือไม่กี่คน มานั่งแก้ปัญหาเหมือนเดิมนั่นเอง
โดยปัจจุบันก็มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาจากภายนอก ได้มีโอกาสเข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองแบบนี้เช่นกัน
อย่าง Google ที่มีการเปิด Source Code ของเว็บเบราว์เซอร์ Chrome ให้นักพัฒนาจากทั่วโลกมาปรับปรุงการใช้งานให้ดีขึ้น
พอเป็นแบบนี้ อย่างน้อย Twitter ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานเยอะในการรักษา Output เหมือนแต่ก่อนก็ได้
ซึ่งถ้าดูจำนวนผู้ใช้ของ Twitter ที่อยู่ราว ๆ 450 ล้านคนจากทั่วโลกแล้ว
ก็คงจะสามารถดึงดูดนักพัฒนาเก่ง ๆ ให้มาช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
3
เพียงแต่ว่า Twitter จะสามารถเอาตัวรอดไปจนถึงจุดนั้นได้หรือไม่
รวมถึงมีความตั้งใจที่จะเป็นแพลตฟอร์ม Open Source จริง ๆ หรือเปล่า แค่นั้นเอง..
1
2) การเปลี่ยน Twitter เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่พึ่งพารายได้จากการโฆษณาอย่างเดียว
แนวทางนี้ดูจะเป็นรูปธรรมมากที่สุดแล้ว จากบรรดาแนวทางทั้งหมดที่อีลอนเคยพูดเอาไว้ (เช่น การเปลี่ยน Twitter เป็นธนาคาร)
เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาใหญ่ของ Twitter ตอนนี้คือการพึ่งรายได้จากโฆษณามากเกินไป
ในขณะที่แพลตฟอร์มคู่แข่ง เริ่มปรับตัวไปหาแหล่งรายได้ใหม่ นอกจากโฆษณากันหมดแล้ว เช่น
2
-YouTube ทำ Youtube Premium เอารายได้ตรง ๆ จากผู้ใช้งาน
-TikTok ทำ Social-Commerce เพื่อเก็บส่วนแบ่งจากยอดขายของครีเอเตอร์/ร้านค้าออนไลน์
-Meta หันไปทำ Metaverse เพื่อทางรอดในระยะยาว..
โดยเฉพาะกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนแบบนี้
ที่ทำให้ “งบการตลาด” กลายเป็นสิ่งแรก ๆ ที่หลายแบรนด์เริ่มปรับลดและส่งผลให้การซื้อโฆษณาที่เป็นแหล่งรายได้หลักของ Twitter หายไปเยอะ
ซึ่งอีลอน มีแนวทางแก้เกมคือ การโฟกัสกับการสร้าง “Twitter Blue” บริการสมาชิกรายเดือน (Subscription) ที่จะช่วยเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
เช่น ให้ผู้ใช้ Engagement ดีขึ้น, โพสต์วีดีโอได้ยาวขึ้น 5 เท่า
และได้เครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า คล้ายกับของคนมีชื่อเสียง
มาเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไป สามารถซื้อได้ในราคา 300 บาท/เดือน
ถ้ามองแบบไม่อคติ นี่นับเป็นการเดินเกมที่ใช้ได้เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้ Twitter มีรายได้อื่นนอกจากโฆษณาแล้ว
ในระยะยาว หากทุกอย่างลงตัว มันจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจ (จากปัญหาบัญชีปลอม) ให้แบรนด์ต่าง ๆ กล้ามาลงโฆษณากับแพลตฟอร์มมากขึ้นอีกด้วย..
โดย อีลอน ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้อาจมีการจ่ายเงินให้กับครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม (คล้ายกับ YouTube) เพื่อดึงดูดครีเอเตอร์ให้มาสร้างคอนเทนต์มากขึ้น
ซึ่งนั่นหมายถึง ยังมีโอกาสอีกมาก ที่จะทำให้ยอดสมาชิกของ Twitter Blue เพิ่มขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้ Twitter Blue กำลังถูกระงับใช้ชั่วคราว จากปัญหาที่ผู้ใช้ยอมจ่ายเงินเพื่อปลอมตัวเป็นคนดังเพื่อสร้างความสับสน
2
แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่า ต่อไปนี้เราจะเห็นการหารายได้ในช่องทางใหม่ ๆ ของ Twitter มากขึ้นแน่นอน
สุดท้ายนี้ ในเมื่อตอนนี้.. พนักงานส่วนใหญ่ ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำงานของอีลอน
ก็น่าคิดตามว่า อีลอน จะสามารถเปลี่ยน Twitter ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการได้มากแค่ไหน ?
1
แต่ที่แน่ ๆ ถ้ามันอยู่ในมือของชายที่ชื่อ “อีลอน มัสก์”
มันจะต้องมีเรื่องราวสนุก ๆ ให้เราติดตามกันอีก..
●
https://www.marketplace.org/shows/marketplace-tech/whats-next-for-twitter-under-elon-musk/
●
https://aws.amazon.com/th/what-is/open-source/
●
https://www.washingtonpost.com/business/why-elon-musk-wants-to-open-source-twitters-algorithms/2022/04/28/7ccd8abe-c725-11ec-8cff-33b059f4c1b7_story.html
●
https://s22.q4cdn.com/826641620/files/doc_financials/2021/ar/FiscalYR2021_Twitter_Annual_-Report.pdf
10 บันทึก
28
9
10
28
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย