19 พ.ย. 2022 เวลา 11:00 • ธุรกิจ
"เจี๋ยไต๋" ยุคที่ 6
ในมือ "มนัส เจียรวนนท์"
ทรานส์ฟอร์มสู่ Service Provider Solution
"เจียไต๋" หนึ่งในเสาหลักของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ที่มีต้นกำเนิดจากห้าง “เจียไต้จึง” ทำธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บนถนนทรงวาด เยาวราช เมื่อปี 2464 ก่อนที่จะขยายธุรกิจจนเป็น CP ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน "เจียไต๋" ยังครองตลาดเบอร์ 1 ของผู้นำปัจจัยการผลิต โดยมี "มนัส เจียรวนนท์" เป็น CEO คนปัจจุบัน และเมื่อเดือน เม.ย.2565 ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ "มนัส" บนสำนักงานแห่งใหม่ย่านบางจาก ถนนสุขุมวิท ซึ่งถือได้ว่าเป็นการย้ายสำนักงานใหญ่ครั้งแรกในรอบ 100 ปี เลยที่เดียว
สัมภาษณ์ "มนัส เจียรวนนท์" ที่สำนักงานใหญ่ถนนสุขุมวิท เมื่อเดือน เม.ย.2565
"มนัส" ได้พาชมนิทรรศการบริเวณชั้น 1 ที่แสดงผลงานนวัตกรรมของ "เจียไต๋" พร้อมจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ แล้วพาขึ้นไปสัมภาษณ์บนห้องทำงาน
“ผมทำงานที่เจียไต๋แล้ว 43 ปี เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สำคัญหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อปี 2508 ที่พี่ชาย (วัลลภ เจียรวนนท์) เรียนจบจากออสเตรเลียแล้วเข้ามาบริหาร ได้ปรับโครงสร้างเจียไต๋ เป็นรูปแบบของบริษัท เปิดรับพนักงาน มีฝ่ายขายที่ชัดเจน"
การปรับโครงสร้างองค์กรดังกล่าวเป็นการปรับครั้งใหญ่ จากเดิมรูปบิดา คือ "ชนม์เจริญ เจียรวนนท์" ผู้ก่อตั้งจะใช้วิธีการเดินสายไปไปต่างจังหวัดนอนวัด บุกเบิกการจำหน่ายขายตรงด้วยตนเอง
ภายหลังการปรับโครงสร้างครั้งนั้น ได้ขยายธุรกิจจากเมล็ดผัก เข้าสู่ธุรกิจปุ๋ยเคมีและผลิตภัณฑ์อารักขาพืชมาจำหน่าย โดยนำเข้าปุ๋ยมาขายปุ๋ยแบบ B to B (Business to Business)
รวมทั้งมีการรีแบรนด์เมล็ดพันธุ์ “ตราเรือบิน” ที่เป็นแบรนด์แรกตั้งแต่เริ่มต้นมาเป็น “ตราเครื่องบิน” ในปี 2511 เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น เพราะการเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์ เป็นเรื่องที่ทันสมัยมากในยุคนั้น รวมทั้งมีการนำกระป๋องมาใช้ เพื่อป้องกันความชื้นและเก็บได้นานขึ้น
นิทรรศการที่เล่าเรื่องราวของ "เจี๋ยไต๋" ที่อาคารสำนักงานใหญ่ถนนสุขุมวิท
"มนัส" ถือเป็น "เจียรวนนท์" ในสาย "ชนม์เจริญ" หรือ "เจี่ย เซี่ยวฮุย" ซึ่งเป็นน้องชายของ "เจี่ย เอ็กชอ" บิดาของ "ธนินท์ เจียรวนนท์"
ดังนั้น "มนัส" จึงถือเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ "ธนินท์" ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ 2 ของตระกูล และเป็นรุ่นที่ถูกเริ่มส่งไปเรียนต่างประเทศ เมื่อฐานะการเงินของ "เจียไต๋" ดีขึ้น เพื่อให้ได้ภาษาและองค์ความรู้ใหม่ๆ มาบริหารธุรกิจ โดย "มนัส" จบปริญญาตรีด้านการเงิน และจบปริญญาโท MBA จาก California State Sacramento สหรัฐ
ถึงแม้ว่าการสะสมทุนของ "เจียไต๋" ดีขึ้นมากในช่วง 60-70 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับตระกูลเจ้าสัวอื่น เช่น ล่ำซำ , เตชะไพบูลย์ , ฮุนตระกูล
หากจะแบ่งยุคของ "เจียไต๋" ในช่วง 100 ปี เศษ จะแบ่งได้เป็น 6 ยุค ตามการนิยามของทายาทผู้ก่อตั้งที่เหลืออยู่ 4 คน ได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์กับสื่อภายในของ CP ในโอกาสที่ครบ 100 ปี เมื่อปี 2564 และได้แบ่งยุค ไว้ดังนี้
1.ยุคก่อตั้ง เป็นช่วงที่บิดาทำหน้าที่บริหาร
2.ยุค "วัลลภ เจียรวนนท์" ที่จบจากออสเตรเลียและมาเปลี่ยนโครงสร้างเจียไต๋
3.ยุค "ประทีป เจียรวนนท์" ที่จบจากออสเตรเลียและสหรัฐ มขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
4.ยุค "พงษ์เทพ เจียรวนนท์" ที่ดูแลเจียไต๋เป็นเวลา 9 ปี เป็นยุคที่มีการ Transform หลายด้าน
5.ยุค "มนู เจียรวนนท์" เป็นยุคที่สร้างให้เจียไต๋เติบใหญ่ขึ้น
6.ยุคปัจจุบัน "มนัส เจียรวนนท์"
เจี่ย เอ็กชอ (บิดาของธนินท์) และ เจี่ย เซี่ยวฮุย (บิดาของมนัส) ผู้ร่วมก่อตั้ง "เจียไต๋"
ในยุคของ "มนัส" เป็นช่วงที่การเกษตรของไทยมีการเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับ 100 ปี ที่ผ่านมา โดยในอดีตจะทำเกษตรเพื่อยังชีพ แต่ปัจจุบันทำเกษตรเพื่อเป็นอาชีพ
ช่วง 100 ปี ที่ผ่านมา "เจียไต๋" ทำหน้าที่เป็น In put provider ที่รองรับความต้องการเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและผลิตภัณฑ์เพื่อการอารักขาพืช
สิ่งที่ "มนัส" กำลังจะเปลี่ยนองค์กร 100 ปี แห่งนี้ คือ การปรับตัวเองให้เป็น Service Provider Solution ซึ่งทำให้ต้องมีการใส่นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าไปมากขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สำหรับภาคการเกษตรจะเกิดขึ้นแน่นอน จะทำให้เราได้เห็น IoT มาใช้เพื่อลดการใช้แรงงานและช่วยเพิ่มผลผลิตเกษตร
ถ้ามองดูรายได้ของบริษัท เจียไต๋ จำกัด สัดส่วน 80% มาจากธุรกิจปุ๋ยเคมี และที่เหลือ 20% มาจากกลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์และอารักขาพืช ซึ่งในปี 2564 อยู่ที่ 19,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีรายได้ 15,633 ล้านบาท
โฆษณา