19 พ.ย. 2022 เวลา 12:47 • การศึกษา
สมัยยังเป็นเด็ก เคยมีผู้ใหญ่ถามมั้ยคะ "หนูจ๋า โตขึ้น หนูอยากเป็นอะไร"
หนูจ๋า โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร
ตอนนั้นเราก็นึกไม่ออก และด้วยระบบการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ที่ไม่ได้มีความรู้ในการเลี้ยงดูลูก ของคนยุคก่อน คือเลี้ยงกันตามมีตามเกิดนั่นแหละ มีผู้ใหญ่มาถามแบบนี้ เราก็จะอึ้งไปเลย คือนึกไม่ออกว่า เราชอบอะไร เราอยากเป็นอะไร เราถนัดอะไรสมัยนั้นก็ ตอบไปในอาชีพพื้นฐาน คือ หมอ พยาบาล ตำรวจ ทหาร ครู แต่ถ้ามาถึงปัจจุบัน หากย้อนเวลากลับไปได้ ถ้าเราเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง เราจะเรียน หมอ และต่อเฉพาะทางจิตเวช ต่อจากนั้น อาจจะทำงานในวิชาชีพแพทย์ เป็นจิตแพทย์ หรือไปอาชีพอื่นค่อยว่ากันอีกที
ทำไมนะเหรอ มาจากชื่อหนังสือของ ขุนเขา เลย "รู้มากทำไม รู้ใจก่อนดีกว่า" เราควรจะต้องมีความรู้ที่เกี่ยวกับตัวเราก่อน ถ้าเราเป็นคนเรียนเก่ง มีความจำที่ดี การเรียนวิชาชีพแพทย์ สามารถเข้าใจโครงสร้างทางสรีวิทยาของมนุษย์ได้ดี และนำความรู้นี้ไปช่วยเหลือผู้คนให้เค้าสามารถดูแลรักษาตัวเองได้ การดูแลผู้ป่วยในยุคต่อไปควรจะต้องเป็นไปในการดูแลป้องกัน มากกว่าการดูแลรักษา ทุกคนควรจะต้องสามารถดูแลป้องกันไม่ให้ตัวเองเจ็บป่วยพื้นฐานได้ เพื่อลดภาระของคนรอบข้าง ลดภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระในการรักษาของบุคลากรทางการแพทย์
การเรียนต่อเฉพาะทาง ทางจิตเวช เป็นเรื่องสำคัญ จากประโยคที่ว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเจ็บป่วย แล้วใจสู้ โอกาสจะหายมีถึงเกือบ 100% แต่ถ้าใจไม่สู้แล้ว อาการจากเบาก็จะกลายเป็นหนักได้ เพราะฉะนั้น การมีความรู้ทางจิตวิทยา ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าเป็นคนเรียนหนังสือในระดับปานกลาง ก็แนะนำให้เรียน จิตวิทยา เพราะการมีความรู้ทางด้านจิตวิทยา เป็นประโยชน์สำหรับตัวเราและสังคม เป็นอย่างมาก
ท่ามกลางสังคมที่สับสน และ วุ่นวายในปัจจุบัน เป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องรู้เท่าทันใจตนเอง และรู้เท่าทันคนอื่น เพื่อการดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ยิ่งถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมมีความรู้ทางจิตวิทยา จะเป็นสิ่งดีที่จะเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น คำถามว่า"ทำไม"ในใจก็จะลดน้อยลง เราจะสามารถรักษาตัวเองได้ ประคับประคองคนใกล้ตัว คนรอบข้างได้ สังคมก็จะสงบ วุ่นวายน้อยกว่านี้ และน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีความรู้ในด้านจิตวิทยา ในยุคนี้ ค่อนข้างได้เปรียบ และสามารถทำเงินได้มาก จะเห็นได้จาก มีอาชีพ Live Coach หรือนักสร้างแรงบันดาลใจ เกิดขึ้น เป็นจำนวนมาก และทุกวันนี้ คนที่มีปัญหาทางใจ ทั้งที่ไปปรึกษานักจิตวิทยา จิตแพทย์ ก็มีมากมาย ไปปรึกษา พระ ปรึกษา หมอดู มีให้เห็นก็เยอะ ไม่ปรึกษาใครเลย แสดงพฤติกรรมผิดเพี้ยน เป็นปัญหากับสังคม เป็นข่าว ได้ดูกันก็มีมากมาย
หลายคนมีอาการ แต่ไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย บางคนยอมรับว่าป่วยแต่ไม่กล้าไปพบจิตแพทย์กลัวคนหาว่าบ้า แต่จริงๆแล้ว เมื่อรู้ว่าจิตใจไม่ปกติ ไม่สงบ ไปเข้ารับการปรึกษาตั้งแต่เริ่ม จะช่วยบรรเทาอาการไม่ให้เป็นหนักขึ้นได้ดีกว่า หลายคน เลือกที่จะพึ่งธรรมะ เข้าหาศาสนา ถ้ามีอาการแรกเริ่ม คือในระยะ 1 ระยะ 2 มีโอกาสดีขึ้นสูงมาก แต่ถ้าเป็นในระยะท้าย คือ ระยะ 3 ระยะ 4 ไปแล้ว อาจจะทำให้มีอาการเห็นภาพหลอน จิตไม่นิ่ง หรืออาการหนักเพิ่มมากขึ้นได้
หลายคนก็พึ่งหมอดู เพื่อเยียวยาจิตใจ หมอดูเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีจิตวิทยาสูงมาก ในการอ่านใจคน และทำนายนั้น ถูกใจคนดูยิ่งนักจึงมีการบอกต่อ ว่า สำนักนั้น สำนักนี้แม่นมาก ต้องไปดู ทำให้สำนักหมอดูทำเงินได้มากมาย ซึ่งการไปดูหมอ ก็สามารถช่วยชโลมจิตใจให้ชุ่มชื้นได้ เมื่อใจเป็นสุข สิ่งดีๆก็จะตามมา ก็ถือว่ามีประโยชน์ ว่าแต่... ปีนี้คุณเสียค่า ดูดวงรึยัง
ณ เวลานี้ ผ่านมาแล้ว เราไม่ได้เรียนเป็นจิตแพทย์ และไม่ได้เรียนเพื่อเป็นนักจิตวิทยา แต่เห็นความสำคัญของวิชานี้มาก พยายามหาหนังสือมาอ่าน เรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเอง แล้วมาศึกษาตัวเองและคนรอบข้าง รู้สึกว่า เต็มไปด้วยบุคคลที่มีอาการ ซึ่งหลายๆคนก็ดูจะมีอาการหนักถึงขั้นต้องรักษา แต่หลักของการรักษาคือ ผู้ป่วยต้องรู้ตัวและเข้ารับการรักษาเอง แต่ถ้าเค้าไม่ยอมรับว่าป่วย และก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ ดูเหมือนว่าบุคคลเหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในสังคมมากมาย...หรือโลกเราจะเต็มไปด้วยคนป่วย....
ถ้ามีโอกาส ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยา มารักษาตนเอง และ ดูแลคนรอบข้างกันเถอะ...เพื่อให้เราอยู่ในโลกนี้ ได้อย่างสุขสงบ และมีความสุข
โฆษณา