‘โอ้กะจู๋’ เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 67
12 ปี จากร้านอาหารสุขภาพหน้าสวนผักที่ไม่ถึงไร่ในเชียงใหม่
สู่พื้นที่ 380 ไร่ คนงาน 1,700 คน เป้าปี 66 รายได้ 1,700 ล้าน
เส้นทางของร้านอาหารเพื่อสุขภาพ “โอ้กะจู๋” ซึ่งจุดเริ่มต้นจากความใฝ่ฝันของสองเพื่อนซี้ “โจ้–จิรายุทธ ภูวพูนผล” และ “อู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล” ที่ลงมือทำแปลงผักออร์แกนิกไร้สารพิษขนาดเล็กพื้นที่ไม่ถึง 1 ไร่ ที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2553 หรือ 12 ปีก่อน
หลังจากนั้นเมื่อปี 2556 ได้เปิดร้าน “โอ้กะจู๋” ด้วยคอนเซ็ปต์ From farm to table แห่งแรกที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณหน้าแปลงผักของตัวเอง ด้วยความสดของผัก ความอร่อยของเมนูอาหาร และปริมาณที่ให้เยอะแบบจุกๆ ชื่อเสียงของโอ้กะจู๋ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ผู้คนจากทั่วสารทิศต้องเดินทางไปทานที่ร้านจากร้านสาขาแรก จนเป็นที่คุ้นตาของคนแถวนั้นว่า หน้าร้านจะมีคนมาจอดรถรอต่อคิวมหาศาลโดยเฉพาะช่วงวันหยุด
หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ขยายสาขาในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่ปักหลักลงหมุดหมายที่ “สยามสแควร์” เมื่อปี 2560 และได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องขยายสาขาในกรุงเทพฯ ต่ออีกหลายแห่ง
ก้าวใหญ่สำคัญของ “โอ้กะจู๋” คือในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 หลังการเข้ามาของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ลงนามร่วมถือหุ้นในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งบริหารร้านโอ้กะจู๋ สัดส่วน 20% มูลค่าลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท
การมาของ OR นับเป็นการติดไอพ่นให้พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station การจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคเหนือ
ปัจจุบันโอ้กะจู้มีหน้าร้าน 18 สาขา ในปี 2566 วางแผนเปิดอีก 6 สาขา ในทำเลภาคตะวันออก 4 สาขา และกรุงเทพฯ 2 สาขา
และจุดวางจำหน่ายใน Café Amazon ที่ 44 สาขา และจะเพิ่มขึ้นในปี 2566 อีก 80 สาขา
นอกจากนี้เงินลงทุนจาก OR ได้นำมาขยายธุรกิจทั้งการนำเทคโนโลยี Smart Farm มาใช้ เพื่อทำให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพ รวมถึงการสร้างครัวกลางที่จังหวัดเชียงใหม่ การสร้างศูนย์กระจายสินค้า เพื่อรองรับการขยายสาขาไปยังภูมิภาคต่าง ๆ
จากพื้นที่แปลงผักไม่เกิน 1 ไร่ วันนี้โอ้กะจู๋มีพื้นที่แปลงผักถึง 380 ไร่ จำนวนพนักงานทั้งหมด 1,700 คน
เมื่อตรวจสอบงบการเงินของบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ระหว่างปี 2561 – 2564 พบว่า
🔹 ปี 2561 รายได้ 181 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11 ล้านบาท
🔹 ปี 2562 รายได้ 643 ล้านบาท กำไรสุทธิ 79 ล้านบาท
🔹 ปี 2563 รายได้ 836 ล้านบาท กำไรสุทธิ 33 ล้านบาท
🔹 ปี 2564 รายได้ 803 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 83 ล้านบาท
สำหรับปี 2565 ผลประกอบการกลับมาเป็นอีกครั้งหลังจากปี 2564 รายได้ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากการสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งปี 2565 มีการคาดการณ์รายได้ที่ 1,200 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2566 วางเป้าหมายรายได้ที่ 1,700 ล้านบาท และในปี 2567 ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์รายได้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR เปิดเผยว่า จากนโยบายของโออาร์ในด้านการเติบโตไปพร้อมกันกับพันธมิตร จึงพร้อมเป็นพี่เลี้ยงในกระบวนการต่างๆ เพื่อให้บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (โอ้กระจู๋) สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 2567 เนื่องจากเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยรายได้ในไตรมาส 3 เป็นบวก และยังมีแผนขยายสาขาอย่างเต็มที่
และในอนาคตมีแผนที่จะขยายไปในต่างประเทศด้วย ซึ่งยืนยันว่าโออาร์ยังคงเป็นผู้ที่ถือหุ้นในสัดส่วนหลัก แต่ต้องไปดูว่าเมื่อเข้าตลาดแล้วทางบริษัทจะมีแผนระดมทุนอย่างไร
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
Website : reporter-journey.com
Blockdit : blockdit.com/reporterjourney
Facebook : facebook.com/reporterjourney
Tiktok : tiktok.com/@reporterjourney
Line : @reporterjourney
- 249
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
