19 พ.ย. 2022 เวลา 23:09 • กีฬา
เกาะกระแสฟีเวอร์!! ย้อนอดีต 5 เหตุการณ์สุดอื้อฉาวในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก (ภาค2)
ความเดิมจากตอนแล้ว เรามาติดตามกันต่อกับ 5 เหตุการณ์สุดอื้อฉาวในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกกันต่อครับ
1. คูเวตวอล์คเอ้าท์!! (ฟุตบอลโลก 1982 ชาติเจ้าภาพ สเปน)
ย้อนกลับไปในฟุตบอลโลกปี 1982 ในตอนนั้นคูเวต ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขา โดยในครั้งนั้น คูเวตต้องอยู่ร่วมสายกับ เชโกสโลวาเกีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ หลังจากที่นัดแรก คูเวตเสมอเชโกสโลวาเกียไป 1-1 และนัดที่สอง พวกเขาต้องพบกับกระดูกชิ้นโตอย่างฝรั่งเศส ซึ่งถ้าหากคูเวตต้องการมีลุ้นผ่านเข้ารอบ นัดนี้พวกเขาจะต้องชนะฝรั่งเศสให้ได้
แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม เมื่อฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะคูเวตไปด้วยสกอร์รวม 4-1 โดยก่อนหน้านั้นได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อ นักเตะของคูเวตเกิดความเข้าใจผิดเมื่อได้ยินเสียงนกหวีดจากอัฒจรรย์ ซึ่งคนที่เป่านกหวีดก็คือ ชีค ฟาฮัด อัลอาห์หมัด อัล-ซาบาห์ ซึ่งเป็นนายกสมาคมฟุตบอลคูเวตในขณะนั้น เพื่อเรียกให้นักเตะคูเวตเดินออกจากสนาม
ด้วยเหตุนี้ มิโลสลาฟ สตูปา ผู้ตัดสินชาวยูเครน จึงตัดสินให้ฝรั่งเศสเป็นผู้ชนะ และภายหลังคูเวตก็ไปพ่ายให้กับอังกฤษในนัดสุดท้าย 1-0 และตกรอบแบ่งกลุ่มไป
2. สามใบเหลือง แต่ไม่โดนไล่ออกจากสนาม (ฟุตบอลโลก 2006 ชาติเจ้าภาพ เยอรมนี)
มันเป็นการพบกันระหว่างโครเอเชียและออสเตรเลียในฟุตบอลโลกปี 2006 โดยในนัดนั้น โครเอเชียและออสเตรเลียเสมอกันไปด้วยสกอร์สุดมัน 2-2 แต่ก็ได้มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นเมื่อ โยซิป ซิมูนิค กองหลังโครแอจเชื้อสายออสซี่ได้ใบเหลืองสามใบจากสิงห์เชิ้ตดำชาวอังกฤษอย่างเกรแฮม โพล แต่เขากลับไม่ถูกไล่ออกจากสนาม
โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในนาทีที่ 61 เมื่อ โยซิป ซิมูนิค ได้ใบเหลืองในนาทีที่ 61 จากการไปทำฟาวล์ แฮร์รี่ คีเวลล์ ปีกตัวความหวังของทีมชาติออสเตรเลีย และได้ใบเหลืองครั้งที่สองในนาทีที่ 90 แต่ซิมูนิคกลับไม่ถูกไล่ออก และยังคงเล่นอยู่ในสนามต่อไป
จนกระทั่งท้ายเกม โยซิป ซิมูนิค ได้เดินเข้าไปต่อว่าเกรแฮม โพล จนทำให้เขาได้รับใบเหลืองใบที่สาม และตามมาด้วยใบแดง ซึ่งความจริงแล้วเขาควรถูกเชิญออกจากสนามตั้งแต่ก่อนหน้านั้น
ภายหลัง ได้มีการไปขอสัมภาษณ์เกรแฮม โพลล์ ผู้ตัดสินในนัดดังกล่าว ซึ่งเขาเองก็ยอมรับว่าตัวเองควรไล่ซิมูนิคออกไปตั้งแต่ที่ให้ใบเหลืองใบที่สอง แต่อาจเป็นเพราะสำเนียงออสเตรเลียของซิมูนิค เลยทำให้เขาสับสน ซึ่งทางซิมูนิคก็ได้ออกมายอมรับว่า สำเนียงการพูดแบบออสเตรเลีย เลยทำให้เขารอดจากการถูกใบแดง
3. แชมป์โลกครั้งแรกที่น่ากังขาของอาร์เจนตินา (ฟุตบอลโลก 1978 เจ้าภาพ อาร์เจนติน่า)
ย้อนกลับไปในฟุตบอลโลกปี 1978 โดยในตอนนั้น อาร์เจนติน่าเป็นชาติเจ้าภาพ และพวกเขาก็ผ่านทะลุเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ท่ามกลางข้อกังขามากมายว่าอาจมีการล็อคผล โดยในนัดชิงชนะเลิศ อาร์เจนติน่าต้องกับกับเนเธอร์แลนด์
และเหตุการณ์แปลก ๆ ก็เกิดขึ้น เมื่อในนัดชิงชนะเลิศ นักเตะของเนเธอร์แลนด์ถูกบังคับให้ใช้เส้นทางพิเศษที่ยาวกว่าปกติเพื่อลงสู่สนามแข่งขันในรอบชิงอย่าง Estadio Monumental และต้องยืนรอลงสนามในขณะที่นักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่ายังอยู่ในห้องแต่งตัวนานถึง 10 นาที
นั่นส่งผลให้ นักเตะเนเธอร์แลนด์ต้องเจอกับเสียงโห่จากแฟนบอลเจ้าถิ่นกว่า 70,000 คน ก่อนที่ภายหลัง เนเธอร์แลนด์จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อาร์เจนติน่าไปอย่างเจ็บแสบด้วยสกอร์ 3-1
4. ประตูที่น่ากังขาของอังกฤษในนัดชิงกับเยอรมันตะวันตก (ฟุตบอลโลก 1966 ชาติเจ้าภาพ อังกฤษ)
ย้อนกลับไปในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1966 ระหว่างอังกฤษและเยอรมันตะวันตก ได้เกิดเหตุการณ์ที่ถูกถกเถียงกันมาจนถึงปัจจุบัน เกี่ยวกับลูกยิงของ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ที่ยิงประตูพุ่งชนคานและเด้งออกมาจากเส้นประตู ซึ่งยังสร้างข้อกังขาว่าตกลงแล้วลูกฟุตบอลเข้าประตูไปแล้วหรือไม่
โดยผู้ตัดสินในนัดดังกล่าวคือ กอตต์ฟรีด เดียนสท์ ยังลังเลที่จะตัดสินว่าลูกดังกล่าวเป็นประตูหรือไม่ แต่ผู้ตัดสินชาวโซเวียตอีกคนอย่าง โทฟิค บาครามอฟ ออกมายืนยันว่าลูกยิงดังกล่าวข้ามเส้นไปแล้ว ก่อนที่จะกระดอนพื้นกลับมา
ภายหลัง โทฟิค บาครามอฟ ล้มป่วยและต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาล ก็ได้มีคนไปถามว่าเขาแน่ใจได้อย่างไรว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง แต่บาครามอฟกลับตอบมาสั้น ๆ แค่เพียงว่า ‘สตาลินกราด’ ซึ่งเป็นชื่อของเมืองในสหภาพโซเวียต ที่เคยถูกฝ่ายนาซีเยอรมันรุกราน
5. ซีดานเฮดบัด (ฟุตบอลโลก 2006 ชาติเจ้าภาพ เยอรมนี)
ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพเลือดน้ำหอม มีบทบาทสำคัญในการพาฝรั่งเศสเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2006 โดยทีมชาติฝรั่งเศสต้องไปพบกับทีมชาติอิตาลีในนัดชิงชนะเลิศ และในขณะที่เกมการแข่งขันดำเนินไปถึงนาทีที่ 110 จอมทัพเลือดน้ำหอมก็ทำในสิ่งที่ผู้ชมทั้งในสนามและทางบ้านต้องตกตะลึง
เมื่ออยู่ดี ๆ ซีเนอดีน ซีดาน ก็เฮดบัตต์ใส่มาร์โก มาเตรัซซี ปราการหลังทีมชาติอิตาลี จนทำให้เขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม และส่งผลให้ทีมชาติอิตาลีเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสในการยิงจุดโทษไปด้วยสกอร์ 5-3
ภายหลังได้มีการเปิดเผยออกมาว่า มาร์โก มาเตรัซซี เป็นฝ่ายที่ต้องเข้าประกบ ซีเนอดีน ซีดาน ตลอดทั้งเกม จนกระทั่งจอมทัพเลือดน้ำหอมเริ่มหมดความอดทนจากการถูกยั่วยุ เลยทำให้เกิดกรณีสุดอื้อฉาวดังกล่าวขึ้นมาในเวลาต่อมานั่นเอง
โดยทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกดังกล่าว ถือว่าเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย และเป็นการจบอาชีพการค้าแข้งที่ไม่สวยงามนักของซีเนอดีน ซีดาน อีกด้วย
ข้อมูลจาก :
โฆษณา