20 พ.ย. 2022 เวลา 09:55 • การตลาด
พลาดซะแล้ว.....ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและม๊อบเอเปค
1
ที่มา:  Salika.co
ปิดฉากลงอย่างสวยงามของงานประชุมสุดยอดผู้นำของโลก ของกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) และประเทศรับเชิญพิเศษ ที่ประเทศไทยเป็นประธานการจัดงานในระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
ถือว่าเป็นงานที่ประสบความสำเร็จพอสมควร ที่แม้ว่าจะจัดอยู่ในช่วงที่ใกล้เคียงกันกับงานประชุมของกลุ่มผู้นำประเทศอุตสาหกรรม 20 ประเทศ หรือ G20 ที่จัดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย และการประชุมสุดยอดประจำปีของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงพนมเปญ ที่ทำให้ความน่าสนใจลดลงไปบ้าง
แต่ยังไงก็แล้วแต่ในการประชุมระดับนานาชาติที่ประเทศใดประประเทศหนึ่งเป็นเจ้าภาพ ก็หวังว่าผู้นำประเทศต่างๆที่ได้เชิญมาร่วมงานจะให้เกียรติเดินทางมาด้วยตนเอง เพื่อทำให้งานมีความสำคัญและน่าสนใจ และเพื่อที่จะได้เจรจาทำข้อตกลงได้ดีกว่าที่จะทำผ่านผู้แทน
Credit: APEC
แต่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจและกำลังทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอเมริกา โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แจ้งมาว่าไม่สามารถมาร่วมงานได้ เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัวต้องไปร่วมงานแต่งงานของหลานสาว จึงส่งรองประธานาธิบดีหญิงกมลา แฮริส มาแทน นอกจากจะให้ความสำคัญของเรื่องส่วนตัวมากกว่าประเทศ ตัวแทนที่ส่งมายังมีคนแอบเห็นสีหน้าแววตาของผู้แทนคนนี้ที่ไม่สนใจการประชุม ทั้งยังมีการพับกระดาษเล่นระหว่างที่มีการประชุมอีก
5
ส่วนของประเทศจีน ประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิง ได้เดินทางมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง ทำให้เห็นว่าประเทศจีนให้ความสำคัญกับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมน่าลงทุนที่สุดในภูมิภาคนี้ เพราะมีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 2 รองมาจากอินโดนีเซีย มีสาธารณูประโภคที่พร้อมมีปริมาณประชากรที่พอดีต่อการทำตลาด รวมถึงคนไทยเองก็เป็นมิตรกับต่างชาติ
2
Credit: Caixin Global
จีนไม่ได้แสดงตนเองว่าประเทศอื่นด้อยกว่าตน แต่แสดงถึงความให้เกียรติและอเมริกาที่บอกว่าตนเองคือประเทศประชาธิปไตย แต่กลับดำเนินนโนบายตรงข้ามโดยใช้เครื่องมือประชาธิปไตยกับประเทศที่อ่อนแอกว่า ก่อนหน้านี้ก็มีการยกตนข่มท่านกับซาอุดิอาระเบีย จนกลายมาเป็นการผลักมิตรให้เป็นศัตรูในที่สุด
3
สหรัฐอเมริกาเหลิงหรือหลงตนเองว่าใหญ่ จนไม่ให้เกียรติผู้อื่นทำแบบขอไปที แม้ว่าไทยจะยอมทำตามก็จริงเพราะมีกำลังต่อรองน้อยกว่า แต่ลึกๆแล้วก็เชื่อว่าผู้นำประเทศคงมองหาทางออกอื่นไปด้วย จากที่แค่มองหาก็กลายเป็นการเร่งดำเนินการ ยิ่งทำให้มองให้เห็นจุดเสื่อมของมหาอำนาจรายนี้มากยิ่งขึ้น
1
Credit: YouTube DW News ·
ส่วนของม๊อบเอเปค น่าเสียดายมากที่ไม่รู้จักการใช้โอกาสที่สร้างความชอบธรรม รวมถึงการให้ความสำคัญและการยอมรับจากนานาชาติ เพราะไม่รู้จักแยกแยะว่างานนี้คืองานอะไร แค่เห็นว่าเป็นการประชุมของผู้นำประเทศต่างๆก็ถือโอกาสจัดตั้งกลุ่มผู้ชุมนุมมาสร้างความวุ่นวาย
1
งานเอเปค 2022 ไม่ใช่งานของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา แต่เป็นงานของคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ เพียงแต่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันต้องเป็นประธานการจัดงาน การจ้องที่จะล้มงานคือการทำให้คนทั้งประเทศเสียประโยชน์
การใช้ความรุนแรงในการประทะกับเจ้าหน้า หรือเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศเลย ยิ่งการขอยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้นำประเทศอื่น แล้วคิดว่าผู้นำประเทศไหนที่จะยินยอมมารับหนังสือร้องเรียนจากม๊อบ เพราะถ้ามารับก็แสดงตนว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอย่างเปิดเผยนะสิ
2
ที่มา: LINE TODAY
สิ่งที่ม๊อบต้องนำไปเรียนรู้ในครั้งต่อไป คือกลยุทธการชุมนุมที่มีประสิทธิผลแบบใหม่
“ยุคใหม่ฯ” ขอแนะนำว่าหากมีการประชุมของผู้นำโลกในประเทศไทยอีกครั้ง ลองจัดเวทีในการแสดงความคิดเห็น เป็นคู่ขนานกับเวทีประชุมใหญ่ ในการแสดงวิสัยทัศน์และเผยพร่ทางสื่ออย่างเช่น Facebook YouTube Instagram ทำเป็นอย่างน้อย 2 ภาษาหรือ 3 ภาษา แต่แนะนำว่าอย่าทำภาษาจีนกับรัสเซีย เพราะ 2 ประเทศนี้เขาไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในประเทศอื่นในเรื่องของการบริหาร
2
ยังไงการถ่ายทอดที่จะจัดขึ้นต้องถึงหูผู้นำประเทศที่มาร่วมชุมนุมอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นข้อมูลข่าวสารให้สำนักข่าวต่างๆทั่วโลกนำไปเผยแพร่ได้อีก
แต่คงจะยากแล้วเพราะความเชื่อถือของม๊อบที่ไม่มีทิศทางและวัตุประสงค์ที่ชัดเจน แต่ได้ถูกรับรู้ไปในแนวทางการสร้างความรุนแรงและก่อนกวนไปเสียแล้ว
3
Credit: iLaw
หากอยากจะทำให้ม๊อบเกิดประสิทธิภาพ ลองหาข้อมูลมานำเสนอโดยการใช้ภาษาที่ไม่ก้าวร้าว ชี้ให้คนฟังเห็นประโยชน์ที่ได้มากกว่าจะเอาอารมณ์มาแสดงออก จะเป็นการดีกว่านะครับ
โฆษณา