21 พ.ย. 2022 เวลา 02:05 • ปรัชญา
#หลวงปู่ใหญ่พรรณนาคราที่เกิดเป็นวิทยาธร_เป็นสามเณรชื่ออุตตระ_ถูกเสียบด้วยหลาว
[ธรรมเทศนาหลวงปู่เทพโลกอุดร ชุด กฎแห่งกรรม 3]
สำหรับโดยจำเพาะหลวงปู่ใหญ่แล้ว การเกิดมาแลธำรงอยู่ในโลกนี้เป็นเพียงกิริยา ด้วยเมตตามหากรุณา ตามพุทธพยากรณ์สืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี เท่านั้น มิใช่เกิดเพราะกิเลสตัณหา หรือ เกิดมาเพื่อรับใช้กรรมเก่า อย่างปุถุชนทั่วไป นะลูกหลานเอ๊ย ๚
อันว่าการเกิดเพื่อรับใช้กรรมเก่านั้น ถือว่าสิ้นสุดแล้วแต่ครั้งเมื่อ หลวงปู่ใหญ่เป็นสามเณร ชื่อ อุตตระ ต้องถูกลงโทษตรึงอยู่บนหลาวตั้งแต่ทวารล่างจวบจนถึงศีรษะ โดยมิได้กระทำความผิด แต่ต้องรับใช้กรรมเก่า ในสมัยพระสมณโคดมพุทธเจ้า..
เรื่องราวเป็นฉันใด ? หลวงปู่ใหญ่จักได้นำมาพรรณนาเล่าขานให้ลูกหลานทุกคนรับฟัง ดังต่อไปนี้.........
ในกาลสมัยของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า "สุเมธะ". หลวงปู่ใหญ่ถือกำเนิดเป็นวิชาธร
วิทยาธร มีร่างกายประดุจดั่งมนุษย์เราก็มิปาน แต่ถือเป็นเทวะชั้นจาตุม ท่องเที่ยวไปโดยอากาศ.
ก็โดยสมัยนั้น พระบรมศาสดาสุเมธะ ทรงมุ่งหมายอนุเคราะห์แก่วิทยาธร จึงเปล่งพระพุทธรังสีมีวรรณะ 6 จากนั้นประทับนั่งที่โคนไม้แห่งหนึ่ง
วิทยาธรเหาะไปโดยอากาศ ครั้นเห็นแสงสว่างจากพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว มีจิตเลื่อมใส ลงจากอากาศ บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดอกกรรณิการ์อันสะอาดบริสุทธิ์ด้วยดี ไพบูลย์
บัดนั้น ด้วยพุทธานุภาพ จึงบันดาลให้ดอกไม้ทั้งหลาย ทั้งดอกกรรณิการ์ที่นำมาบูชาและดอกไม้ทุกชนิดในไพรพฤกษ์แห่งนั้น ขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นนภากาศ ณ เบื้องบนของพระศาสดา กระทำรูปขึ้นโดยอาการของฉัตร 9 ชั้น หรือ เรียกว่า ฉัตรผกา กางกั้นบังแดดแด่พระบรมศาสดาสุเมธะเจ้า
ด้วยพุทธานุภาพนั้น ทำให้วิทยาธรนั้นมีจิตเลื่อมใสยิ่งขึ้นไปอีกมิมีประมาณ
ครั้นต่อมา วิทยาธรกระทำกาละ(ตาย)แล้ว ได้ไปเกิดในภพดาวดึงส์ เสวยทิพยสมบัติโอฬาร ดำรงอยู่ในภพดาวดึงส์นั้นจนตลอดอายุขัย
ถัดจากนั้นก็ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเรื่อยมา
ที่สุด ได้มาเกิดเป็นบุตรของพราหมณ์มหาศาล(พราหมณ์ที่ร่ำรวยอย่างมหาศาล) ในพระนครราชคฤห์ในพุทธุปบาทกาลสมัยแห่งพระสมณโคดมพุทธเจ้านี้ ได้มีนามว่า อุตตระ.
บรรลุนิติภาวะแล้ว ได้ร่ำเรียนถึงความสำเร็จในวิชชาของพราหมณ์ เป็นผู้เกิดมาทำโลกให้เจริญโดยรูป โดยวิชา โดยวัย และโดยศีลาจารวัตร.
มหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ ชื่อว่า วัสสการะ(วัสสการพราหณ์ คนเดียวกับในเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์นั่นแล) เห็นสมบัตินั้นของเขาแล้ว จึงมีความประสงค์จะยกธิดาของตนให้ อุตตระปฏิเสธความหวังดีนั้น เพราะมีอัธยาศัยน้อมไปในพระนิพพาน เขาบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ หมั่นสดับธรรมตามกาลสม่ำเสมอ มิได้ขาด ต่อมาได้ออกบวชด้วยศรัทธาเปี่ยมล้น
โดยที่เพื่อจะได้ปรนนิบัติวัฏฐากครูบาอาจารย์ที่กำลังป่วยไข้ได้อย่างสะดวก เขาจึงบวชเป็นสามเณร
เพื่อจะจัดยาถวายพระเถราจารย์ อุตตรสามเณรจึงถือบาตรจีวรออกไปจากวิหารแต่เช้าตรู่ เพื่อจักไปบิณฑบาตคิลานเภสัช วางบาตรไว้ที่ริมฝั่งทะเลสาบ ในระหว่างทางเดินไปใกล้น้ำแล้วล้างหน้า.
ขณะนั้น โจรคนหนึ่งลักทรัพย์มีค่ามหาศาลจากพระราชวัง ถูกเจ้าหน้าที่ติดตาม จึงหนีออกจากพระนครทางประตูด้านหน้านั้น
ครั้นเห็นบาตรสามเณรก็ใส่ห่อรัตนะที่ตนลักมาไว้ในบาตรสามเณร ซ่อนของกลาง แล้วหนีไป.
สามเณรเดินจากฝั่งไปใกล้บาตร พวกราชบุรุษที่ติดตามโจรมา เห็นห่อของในบาตรของสามเณร จึงกล่าวว่า "สามเณรนี้เป็นโจร สามเณรนี้ประพฤติเป็นโจร" แล้วจับสามเณรมัดมือไพล่หลัง ส่งให้วัสสการพราหมณ์
ก็ในครั้งนั้น วัสสการพราหมณ์ ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งผู้วินิจฉัยคดีของพระราชา สั่งการลงโทษประหารโดยวิธีทรมานอย่างสาหัส. เขาไม่ยอมไต่สวนทวนพยานเลย. สั่งให้เอาหลาวเสียบประจานสามเณรทั้งเป็น ๆ เพราะผูกอาฆาตว่า เมื่อก่อน สามเณรปฏิเสธความต้องการของเขา ไม่ไยดี และที่สำคัญคือไปบวชในศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งวัสสการพราหมณ์จงเกลียดจงชังยิ่งนัก ถือว่า เป็นลัทธินอกรีตนอกรอย.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรวจดูความแก่รอบแห่งญาณของอุตตรสามเณรแล้ว เสด็จไปสู่ที่นั้น ทรงวางพระหัตถ์ ซึ่งมีพระองคุลียาว อ่อนนุ่ม คลุมด้วยเปลวรัศมี ประดุจสายธารทองคำสีแดงธรรมชาติที่กำลังหลั่งอยู่ เพราะประกอบด้วยรัศมีสีขาว แพรวพราวไปด้วยแสงแห่งแก้วมณีที่นิ้วมืออันสั่นพริ้วอยู่บนศีรษะของอุตตรสามเณร...
แล้วตรัสว่า "ดูก่อนอุตตระ นี้เป็นผลของกรรมเก่า เกิดขึ้นแล้วแก่เธอ เธอต้องทำความอดกลั้นด้วยกำลังแห่งการพิจารณาในผลของกรรมนั้น"
🎇 ดังนี้แล้ว ทรงแสดงธรรมต่อไปตามสมควร แก่อัธยาศัย.
อุตตรสามเณรกลับได้ปีติ และปราโมทย์อันโอฬาร เพราะความเป็นผู้มีความเลื่อมใสแลโสมนัสอันเกิดแล้ว ด้วยสัมผัสแห่งพระหัตถ์ของพระศาสดา คล้ายกับทรงราดรดด้วยน้ำอมฤต ก้าวขึ้นสู่วิปัสสนามรรค ตามที่สั่งสมไว้ ยังกิเลสทั้งปวงให้สิ้นไปแล้ว ตามลำดับแห่งมรรคในทันใดนั้นเอง เพราะถึงความแก่รอบแห่งญาณ และเพราะเทศนาอันงดงามไพเราะของพระบรมศาสดา. จึงบรรลุมรรคผล สิ้นอาสวะ
จากการที่เล่าขานพรรณนาสู่ลูกหลานฟังทั้งนี้ แลที่ยังมิได้เล่าอีกมหาศาล ก็เพื่อจักบ่งชี้ให้ลูกหลานทุกคนซาบซึ้งโดยทั่วกันว่า.. อันว่าหลวงปู่ใหญ่นั้นได้รับอุปการะจากพระพุทธเจ้าแห่งพุทธวงศ์มาทุกพระองค์ จึงมีจิตปีติปราโมทย์ที่จักได้ถวายรับใช้พระพุทธเจ้าไม่สิ้นสุด
แม้หมดอาสวะ สิ้นไร้เงื่อนไขที่จะกลับมาเกิดแล้ว แต่เพราะเหตุที่พระพุทธเจ้าอนุเคราะห์เกื้อกูลแก่หลวงปู่ใหญ่มากมายมหาศาลสุดจะพรรณนาได้ หลวงปู่ใหญ่จึงมุ่งมั่นจะตอบแทนพระคุณของพระพุทธเจ้าอย่างมิมีประมาณ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณต่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์เพียงไร หลวงปู่ใหญ่ก็ขอมุ่งมาดรับใช้พระพุทธเจ้าเพียงนั้น
ลูกหลานทั้งหลายเอ๊ย.. การเกิดทั้งที่สิ้นอาสวะแล้วนี้ เป็นภาวะอจินไตย อย่าได้พึงคิด แลย่อมต่างออกไปโดยสิ้นเชิงจากการเกิดอย่างมีกิเลสตัณหาแน่แท้ เพียงแต่มิอาจใช้ถ้อยคำภาษาแห่งโลกสมมุตินี้อรรถาธิบายได้
การเกิดชั้นหลัง สำหรับผู้สิ้นอาสวะแล้วนี้ อย่าพึงเทียบกับผู้ยังมีกิเลสตัณหาอยู่เลย
แลหากกล่าวด้วยถ้อยคำอันพอให้เข้าใจได้ ก็คือ เป็นภาวะอันเป็นทิพย์เหนือทิพย์หลายช่วงหลายชั้นนัก, ธำรงอยู่ด้วยปณิธานอันยิ่งใหญ่ เพื่อเกื้อกูลสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาใหม่บนโลกและมหาจักรวาลอันไพศาลนี้ตลอดเวลา, เพราะธาตุขันธ์ทั้งหลายมีการประกอบกันขึ้นมาเป็นชีวิตอยู่ตลอดเวลา นั่นแล หากสัตว์ที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ขาดที่พึ่ง ที่เกาะ อันเป็นสัมมา ย่อมจักกลายเป็นบริวารมาร หรือ เป็นเหยื่อมาร ให้ทำลายตน ทำลายโลก ทำลายล้างผลาญทุกจักรวาล
นามว่า "อุตตระ" นี้ เกิดขึ้นด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
แล นามว่า "อุตตระ" นี้ ก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นอีกวาระหนึ่งในสมัยพระเจ้าอโศกจักรพรรดิราช หลวงปู่ใหญ่ในนาม "พระอุตรเถระ" ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสมณทูตมาเผยแผ่พระสัทธรรมพุทธศาสนาในแดนดินถิ่นสุวรรณภูมินี้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญที่สุดแห่งพระพุทธศาสนาของโลกในอดีตจวบจนปัจจุบันและจักธำรงคงมั่นสืบทอดต่อไปในอนาคต
ลูกหลานคนใด มีศรัทธาบริสุทธิ์ มีมโนปณิธานมุ่งมั่น ต้องการให้ ความหมายแห่ง อุตตระ หรือ โลกอุดร ยังคงอยู่สืบไป ซึ่งหมายถึงพระสัทธรรมจะยังคงอยู่เป็นอุดมประโยชน์ให้สรรพสัตว์ได้มีหลักมีที่พึ่ง นำตน พัฒนาตน สู่สัมมาวิวัฒน์ สู่ความพ้นทุกข์ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็ขอให้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ประโยชน์ตนให้พร้อมพรั่ง คือ ดำรงอยู่ในศีล คือการไม่เบียดเบียน.
กระทำประโยชน์ใหญ่แก่สรรพสัตว์ด้วยการบำเพ็ญบุญบารมีให้ครบถ้วน ให้ถึงขั้น เป็นต้นบุญ เชื่อมกระแสบุญ สืบทอดต่อไป นับแต่นี้ต่อไปถึงอนาคตกาลเบื้องหน้า มุ่งหมายให้ถึงที่สุด ทั้งตนแลสรรพสัตว์ทั้งหลาย คือถึงซึ่ง วิมุตติ พระนิพพาน.. นะลูกหลานเอ๊ย ๚
๏ พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะชาลีติ โลกุตตโร จะ มหาเถโร เมตตาลาโภนะโสมิยะ อะระหังพุทโธ ยะธาพุทโมนะ ขอประสิทธิพรอุดมเลิศรัตนมงคลแด่ลูกหลานทุกคน จงมีแรงทิพย์-แรงธรรม พลังกาย-จิต ในการบำเพ็ญบุญบารมีทุกประการ จนกระทั่งไปถึงหลักชัยท้ายที่สุด. ระหว่างทางแห่งการบำเพ็ญ จงให้พ้นความลำเค็ญทุกข์ภัยพาล ให้เกิดลาภผล เป็นปัจจัยนำไปสู่มรรคผล บำเพ็ญกรณียกิจตามหลักสัทธรรมสัมมา ไปถึงสิ้นสุด คือ วิมุตติ หลุดพ้นทุกข์สิ้นเชิง หรือ พระนิพพาน เทอญ ๚ะ๛
พระสัทธรรมเทศนา หลวงปู่เทพโลกอุดร.
โฆษณา