22 พ.ย. 2022 เวลา 12:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กรณีศึกษา Disney ทำไมการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ราคาหุ้นถึงขึ้น ?
เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้น Disney บวกแรงมากถึง 6.3% โดยมีข่าวเรื่องของการเปลี่ยนผู้บริหารจาก Bob Chapek มาเป็น Bob Iger
โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมความบันเทิงที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทางคณะกรรมการจึงมีความเห็นว่า Bob Iger มีความเหมาะสมมากกว่า
เราต้องเข้าใจก่อนว่า Bob Iger เคยเป็นผู้บริหารของดีสนีย์มาก่อน มีผลงานมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ...
1. การเข้าซื้อสตูดิโอ Pixar ในปี 2006 มูลค่า 7,400 ล้านเหรียญ
2. การเข้าซื้อกิจการ Marvel Entertainment ในปี 2009 มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญ
3. การเข้าซื้อกิจการ Lucasfilm ในปี 2012 มูลค่า 4,060 ล้านเหรียญ
4. การเข้าซื้อ 21th Century Fox ในปี 2019 มูลค่า 71,300 ล้านเหรียญ
5. การยายธุรกิจ Disney Parks ในเอเชีย 2 แห่ง คือ Hong Kong Disneyland Resort ในปี 2005 และ Shanghai Disney Resort ในปี 2016
ก่อนที่เขาจะลาออกไปในปี 2020 และเปลี่ยนผู้บริหารมาเป็น Bob Chapek ในภายหลัง
คำถามคือ ทำไมเวลามีกระแสเปลี่ยนตัวผู้บริหาร หุ้นถึงขึ้น ?
คำตอบ คือ นักลงทุนมี "ความคาดหวัง" ในแง่บวกมากขึ้น
โดยที่ผ่านมา Disney แยกกลุ่มธุรกิจออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก คือ
1. ธุรกิจ Media และ Entertainment
2. ธุรกิจ Disney Parks
ซึ่งธุรกิจ Disney Parks มีรายได้เพิ่มขึ้น 36% และกำไรขั้นต้นเติบโตมากกว่า 100%
ในขณะที่ธุรกิจ Media และ Entertainment มีรายได้ลดลง 3% แต่กำไรขั้นต้นลดหนักกว่าถึง 91% โดยเฉพาะธุรกิจกลุ่มสตีมมิ่งที่ขาดทุนหนักถึง 1.47 พันล้านเหรียญสหรัฐ
พูดง่ายๆคือ ธุรกิจสวนสนุกทำผลงานได้ดี ในขณะที่ธุรกิจสตีมมิ่ง Disney+ ผลงานกลับทำออกมาได้ย่ำแย่
สิ่งที่นักลงทุนต้องการ คือ การเห็นธุรกิจ Media และ Entertainment ดูดีกว่าที่เป็นอยู่ และการเลือก Bob Iger ที่มีความชำนาญทางด้านนี้ น่าจะทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้ดูดีขึ้น ผลประกอบการน่าจะเติบโตต่อไปได้
วอลสตรีทมองว่า Bob Iger ให้ความสำคัญกับธุรกิจ Media สตีมมิ่งมากกว่า Bob Chapek ดูจากผลงานที่ผ่านมา
ดังนั้น ถ้านักลงทุนคาดหวังว่าธุรกิจสตีมมิ่งจะดีขึ้น ราคาหุ้นก็เลยขึ้นไปตามความคาดหวัง ...
แต่การจะด่วนสรุปว่า Bob Chapek ไม่เก่ง ทำให้บริษัทถดถอยก็อาจจะไม่จริงซะทีเดียว
เพราะผลงานของเขา คือ การทุ่มเงินไปกว่า 2.4 หมื่นล้านเหรียญไปกับการปรับปรุง Disney Parks และธุรกิจท่องเที่ยว Cruise Ships มากกว่าการที่ Bob Iger ซื้อสตูดิโอ Pixar, Marvel และ Lucasfilm รวมกันซะอีก
นอกจากนี้ Bob Chapek ยังเป็นผู้วางนวัตกรรม ไอเดียการจองตั๋วเครื่องเล่นที่ได้รับความนิยมไม่ให้ผู้เล่นต้องรอคิวนานๆ แลกกับการเพิ่มเงิน
ซึ่งสะท้อนลงไปในผลประกอบการของ Disney Parks อย่างเห็นได้ชัด ...
พูดง่ายๆคือ Bob Iger มีความถนัดในเรื่องธุรกิจ Media มากกว่า
ในขณะที่ Bob Chapek ให้ความสำคัญกับธุรกิจ Disney Parks มากกว่า
เพียงแต่ตอนนี้ นักลงทุนให้ความสำคัญกับธุรกิจ Media มากกว่า ก็เท่านั้นเองครับ
อนึ่ง เว็บไซด์ Engadget รายงานว่าผู้ใช้บริการของ Disney มีทั้งหมด 236 ล้านคนทั่วโลก มากกว่าผู้ใช้บริการของ Netflix ที่มีอยู่ 224 ล้านคน
โฆษณา