22 พ.ย. 2022 เวลา 10:39 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
อีกหนึ่งความลับของ Apple ทำไมยุคหลัง ๆ ถึงเลิกใช้ตัวอักษร “i” มาใช้นำหน้าชื่อผลิตภัณฑ์
เชื่อว่าคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ หลายคนน่าจะเคยผ่านยุคที่ไม่ว่า Apple จะออกอะไรออกมา ผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นจะต้องมีตัวอักษร “i” อยู่หน้าชื่อเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อย่าง iMac, iBooks, iPod, iPhone และ iPad
หรือซอฟต์แวร์อย่าง iTunes และ iPhoto
1
พูดง่าย ๆ ว่าตัวอักษร i แทบจะเป็นตัวแทนของผลิตภัณฑ์ Apple เลยก็ว่าได้
แต่ถ้าตัดภาพมาที่ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าตัว i นั้นหายไปจากผลิตภัณฑ์ของ Apple มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว
 
เห็นได้จากชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ Apple ที่ไม่มีวี่แววของตัวอักษร i อยู่เลย
อย่าง Apple Pencil, Apple Watch, AirPods, AirTag และอีกหลายอย่าง..
ซึ่งมันก็น่าคิดว่า ทำไมตัวอักษร “i” ถึงหายไปจากผลิตภัณฑ์ของ Apple แบบงง ๆ
1
แล้วถ้า Apple ไม่อยากใช้ตัว i มานำหน้าชื่อผลิตภัณฑ์ขนาดนั้น
ทำไมไม่เปลี่ยนชื่อ iPhone ให้เป็น Apple Phone หรือเปลี่ยน iPad ให้เป็น Apple Pad เสียเลยล่ะ ?
คำตอบของเรื่องนี้น่าสนใจ..
2
เพราะมันเกิดจากทั้งความตั้งใจ และความบังเอิญบางอย่าง
ที่ทำให้ Apple ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การตั้งชื่อผลิตภัณฑ์
โดยในบทความนี้ TechBite จะพาทุกคนไปหาคำตอบของเรื่องราวนี้ ในสไตล์ที่ย่อยง่าย ๆ ให้ได้ความรู้ไปด้วยกัน
เรามาเริ่มจากสาเหตุที่ทำให้ Apple ต้องใช้ตัว i มาตั้งชื่อผลิตภัณฑ์กันก่อน
ย้อนกลับไปในวันที่ สตีฟ จอบส์ ต้องกลับมาแก้วิกฤติทางการเงินของ Apple ที่มีสาเหตุมาจากการมีจำนวน SKU ของสินค้ามากเกินไป
โดยในตอนนั้นแค่ไลน์ของคอมพิวเตอร์ Macintosh อย่างเดียว ก็มีจำนวนรุ่นย่อยถึง 12 รุ่น
1
จอบส์ จึงต้องปรับไลน์ของผลิตภัณฑ์ใหม่จาก 12 อย่าง เหลือแค่ 4 รุ่นเท่านั้น
แบ่งออกเป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป 2 รุ่น และคอมพิวเตอร์แบบพกพาอีก 2 รุ่น
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนั้นจอบส์ยังไม่มีชื่อที่ชัดเจนสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้เลย
มีเพียงความคิดที่ว่า อยากให้คอมพิวเตอร์ไลน์ใหม่นี้ มีคำว่า Mac อยู่ในชื่อ เพื่อสานต่อความสำเร็จของ Macintosh เท่านั้น
ในตอนนั้นเอง “Ken Segall” จากบริษัทเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่ง ได้มีการเสนอชื่อ “iMac” ให้สตีฟ จอบส์ พิจารณาเพื่อนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ถึง 2 รอบ
โดยให้เหตุผลว่า ตัว i นั้นสื่อถึง Internet (อินเทอร์เน็ต)
เพราะตอนนั้น iMac เป็นคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่สามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยตรง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงเยอะ
3
ซึ่งสุดท้าย Apple ก็ตัดสินใจใช้ชื่อ iMac มาตั้งชื่อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปของตัวเองจริง ๆ
แม้จอบส์จะอยากใช้ชื่อ “Macman” มากกว่าก็ตาม
และเจ้า iMac เครื่องนี้เอง ที่ทำให้ Apple ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนรอดพ้นจากวิกฤติทางการเงินครั้งใหญ่มาได้
ทำให้การใช้ตัว i มานำหน้าชื่อผลิตภัณฑ์ กลายมาเป็นสูตรสำเร็จในการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ของ Apple ตั้งแต่นั้น
1
เริ่มตั้งแต่ชื่อ iBooks ที่ Apple นำมาใช้ตั้งให้กับคอมพิวเตอร์แบบพกพาของแบรนด์
(ปัจจุบันคือ MacBook), iPod เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา ไปจนถึง iPhone และ iPad
1
จนวันหนึ่งที่ Apple พยายามทำแพลตฟอร์มสตรีมมิงของตัวเอง โดยตั้งชื่อว่า iTV
ซึ่งมันดันไปตรงกับช่องทีวีในประเทศอังกฤษแห่งหนึ่ง ที่ก็ใช้ชื่อว่า iTV เหมือนกัน
จนเกิดเป็นข้อพิพาท ท้ายที่สุด Apple ก็ไม่สามารถใช้ชื่อ iTV ได้
2
และทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “Apple TV” ทำให้มันกลายเป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของ Apple ที่ไม่ใช้ตัว i มาตั้งเป็นชื่อสินค้าไปแบบงง ๆ
แต่หลังจากนั้น Apple ก็ยังพยายามใช้แนวทางการตั้งชื่อสินค้าด้วยตัว i มาเรื่อย ๆ
เพราะเห็นว่าตัว i กับสินค้าของ Apple เริ่มกลายเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกไปแล้ว
จน Apple เริ่มคิดการใหญ่ไปจดลิขสิทธิ์ให้ตัว i กลายเป็นสิทธิ์การตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว เพื่อป้องกันไม่ให้แบรนด์อื่นนำตัว i มาใช้ตั้งชื่อนำหน้าผลิตภัณฑ์ได้อีก
1
โดย Apple อ้างว่าเป็นการป้องกัน ไม่ให้ผู้บริโภคสับสนในชื่อผลิตภัณฑ์ (คล้ายกรณี iTV)
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จบลงโดยการที่ศาลตัดสินให้ Apple ไม่สามารถทำแบบนั้นได้
ด้วยเหตุผลที่ว่า “มนุษย์เรามีความรู้และสติปัญญามากพอที่จะแยกได้ว่า ตัว i บนสินค้าชิ้นนั้นเป็นของใคร”
4
และจากเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ Apple เลิกใช้ตัว i มาตั้งชื่อสินค้านับตั้งแต่ตอนนั้น
ที่ชัดที่สุดก็คือ ในปี 2015 ที่ Apple เปิดตัวสมาร์ตวอตช์ของตัวเอง ภายใต้ชื่อ “Apple Watch”
สวนทางกับสื่อทั้งโลกที่ต่างคาดการณ์ว่า สมาร์ตวอตช์ของ Apple จะต้องมาพร้อมชื่อ iWatch แน่ ๆ
1
และยังไม่พอ เพราะในตอนนั้น Apple ยังได้เปลี่ยนชื่อซอฟต์แวร์ของตัวเองหลายอย่าง เช่น
iBooks เป็น “Books”
iPhoto ใน macOS กลายเป็น “Photos”
iTunes เป็น “Apple Music”
พูดง่าย ๆ ก็คือ มันกลายมาเป็นจุดสิ้นสุดของยุคที่ Apple นำตัว i มาใส่หน้าชื่อสินค้าไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง..
ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะหลังจากนั้น Apple ก็ไม่เคยออกผลิตภัณฑ์ที่มีตัว i นำหน้าชื่ออีกเลย
ตั้งแต่ AirPods, Apple Pencil, AirTag, Apple Pay, Apple Card และอีกหลายอย่าง
มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้ว Apple ก็ไม่ได้ต้องการเลิกใช้ตัว i มาตั้งแต่แรก
แต่ก็ด้วยแนวทางของ Apple ที่ทุกผลิตภัณฑ์ของตัวเองต้องมีชื่อที่คล้ายกัน เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด
ให้สอดคล้องกับแนวทางการสร้าง Ecosystem ที่ Apple พยายามสร้างทุกผลิตภัณฑ์ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้แบบไร้รอยต่อ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
จึงทำให้ Apple ไม่มีทางเลือก นอกจากเปลี่ยนชื่อสินค้าและบริการเก่า ๆ ส่วนใหญ่ของตัวเอง ให้เหมือนกับผลิตภัณฑ์ที่ออกมาใหม่ในยุคหลัง ๆ ให้หมด..
เว้นแต่ iPhone และ iPad ที่กลายเป็นภาพจำของผู้บริโภค และคนทั้งโลกเรียกกันจนติดปากแล้ว จึงทำให้ถ้าเปลี่ยนอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี
2
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเอาคำว่า “Apple” ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์ มาใช้นำหน้าชื่อผลิตภัณฑ์นั้นก็ไม่ได้แย่ และเผลอ ๆ อาจจะดีกว่าการใช้ตัว i มาตั้งชื่อด้วยซ้ำ
เพราะอย่างแรกมันเหมือนเป็นการโปรโมตแบรนด์ไปในตัวทุกครั้งที่เราเรียกชื่อผลิตภัณฑ์
ซึ่งมันไม่ต่างจากการสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ได้แบบเนียน ๆ ไปกับชีวิตประจำวันของลูกค้า
อย่างต่อมาคือ มันดูดีกว่าการใช้ตัวอักษร i ที่สื่อความหมายว่า “อินเทอร์เน็ต” มาตั้งเป็นชื่อผลิตภัณฑ์ ในยุคหลัง ๆ ที่อินเทอร์เน็ตไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อีกต่อไปแล้ว
ซึ่งก็จะช่วยเป็นการสื่อสารอ้อม ๆ ว่า ผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้น ทำอะไรได้มากกว่า และเป็นมากกว่าแค่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้..
โฆษณา