จนเกิดเป็นข้อพิพาท ท้ายที่สุด Apple ก็ไม่สามารถใช้ชื่อ iTV ได้
2
และทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “Apple TV” ทำให้มันกลายเป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของ Apple ที่ไม่ใช้ตัว i มาตั้งเป็นชื่อสินค้าไปแบบงง ๆ
แต่หลังจากนั้น Apple ก็ยังพยายามใช้แนวทางการตั้งชื่อสินค้าด้วยตัว i มาเรื่อย ๆ
เพราะเห็นว่าตัว i กับสินค้าของ Apple เริ่มกลายเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกไปแล้ว
จน Apple เริ่มคิดการใหญ่ไปจดลิขสิทธิ์ให้ตัว i กลายเป็นสิทธิ์การตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว เพื่อป้องกันไม่ให้แบรนด์อื่นนำตัว i มาใช้ตั้งชื่อนำหน้าผลิตภัณฑ์ได้อีก
1
โดย Apple อ้างว่าเป็นการป้องกัน ไม่ให้ผู้บริโภคสับสนในชื่อผลิตภัณฑ์ (คล้ายกรณี iTV)
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จบลงโดยการที่ศาลตัดสินให้ Apple ไม่สามารถทำแบบนั้นได้
ด้วยเหตุผลที่ว่า “มนุษย์เรามีความรู้และสติปัญญามากพอที่จะแยกได้ว่า ตัว i บนสินค้าชิ้นนั้นเป็นของใคร”
4
และจากเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ Apple เลิกใช้ตัว i มาตั้งชื่อสินค้านับตั้งแต่ตอนนั้น
ที่ชัดที่สุดก็คือ ในปี 2015 ที่ Apple เปิดตัวสมาร์ตวอตช์ของตัวเอง ภายใต้ชื่อ “Apple Watch”
สวนทางกับสื่อทั้งโลกที่ต่างคาดการณ์ว่า สมาร์ตวอตช์ของ Apple จะต้องมาพร้อมชื่อ iWatch แน่ ๆ
1
และยังไม่พอ เพราะในตอนนั้น Apple ยังได้เปลี่ยนชื่อซอฟต์แวร์ของตัวเองหลายอย่าง เช่น
iBooks เป็น “Books”
iPhoto ใน macOS กลายเป็น “Photos”
iTunes เป็น “Apple Music”
พูดง่าย ๆ ก็คือ มันกลายมาเป็นจุดสิ้นสุดของยุคที่ Apple นำตัว i มาใส่หน้าชื่อสินค้าไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง..
ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะหลังจากนั้น Apple ก็ไม่เคยออกผลิตภัณฑ์ที่มีตัว i นำหน้าชื่ออีกเลย
ตั้งแต่ AirPods, Apple Pencil, AirTag, Apple Pay, Apple Card และอีกหลายอย่าง
มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้ว Apple ก็ไม่ได้ต้องการเลิกใช้ตัว i มาตั้งแต่แรก
แต่ก็ด้วยแนวทางของ Apple ที่ทุกผลิตภัณฑ์ของตัวเองต้องมีชื่อที่คล้ายกัน เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด
ให้สอดคล้องกับแนวทางการสร้าง Ecosystem ที่ Apple พยายามสร้างทุกผลิตภัณฑ์ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้แบบไร้รอยต่อ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
จึงทำให้ Apple ไม่มีทางเลือก นอกจากเปลี่ยนชื่อสินค้าและบริการเก่า ๆ ส่วนใหญ่ของตัวเอง ให้เหมือนกับผลิตภัณฑ์ที่ออกมาใหม่ในยุคหลัง ๆ ให้หมด..