23 พ.ย. 2022 เวลา 05:30 • ธุรกิจ
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจยุคใหม่มากยิ่งขึ้น โดยเข้ามามีบทบาทในการทำงานร่วมกับคนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องเรียนรู้ และปรับตัวที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้งานเพื่อยกระดับ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยคำนึงถึงหลักการในการนำ AI มาใช้ได้อย่างถูกต้อง และเกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร วันนี้ AI GEN จะพามารู้จักกับ 5 เทรนด์สำคัญของเทคโนโลยี AI ในปี 2023 เพื่อเป็นแนวทาง และไอเดียให้ธุรกิจได้นำไปปรับใช้
1.การกระจายตัวของ AI ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
AI จะบรรลุศักยภาพอย่างเต็มที่ได้ก็ต่อเมื่อเทคโนโลยี AI สามารถเข้าถึงทุกคน และทุกบริษัทได้ และทุกฝ่ายได้รับประโยชน์จากการนำ AI ไปใช้งาน และในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม โดยจะเห็นได้ว่าหลายๆ แอปพลิเคชันได้นำฟังก์ชัน AIมาใช้งานกันมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางด้านเทคนิคเฉพาะเหมือนแต่ก่อน
ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ข้อความที่คนกำลังพิมพ์ในสมาร์ทโฟนที่จะช่วยลดเวลาในการพิมพ์ค้นหา หรือการเขียนอีเมลไปยังแอปพลิเคชันที่สามารถสร้างการแสดงภาพ และรายงานที่มีความซับซ้อนได้ด้วยการคลิกเมาส์
ถ้าไม่มีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คุณทำในสิ่งที่ต้องการได้ จึงทำให้เกิดการสร้างสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองเพิ่มมากขึ้น และถึงแม้คุณจะไม่รู้วิธีการเขียนโปรแกรมคุณก็สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยแพลตฟอร์มแบบ no-code และ low-code ที่เติบโตมากขึ้นในปัจจุบัน
ด้วยแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้ธุรกิจสามารถที่จะสร้าง ทดสอบ และนำโซลูชัน AI-Powered ที่มีให้บริการไปใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเพียงแค่ลาก และวาง หรือทำตามขั้นตอนที่แพลตฟอร์มได้กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น AIGEN ได้พัฒนาโซลูชัน AI-Powered ที่ให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้งานกันได้ง่ายๆ ผ่านทาง Web portal ของเรา
อีกทั้งยังสามารถกำหนด Workflow การทำงานของแต่ละธุรกิจได้เองโดยที่ไม่ต้องมีความรู้ทางด้านเทคนิคก็สามารถทำได้ เพียงทำตามขั้นตอนที่เราได้แนะนำไว้ หากผู้อ่านท่านใดสนใจทดลองใช้งานโซลูชัน AI ของเรา สามารถทดลองใช้งานฟรีได้ที่ https://developer.aigen.online/signup
2. Generative AI
หากคุณถามคนส่วนใหญ่ว่าพวกเขาคิดว่า AI มีประโยชน์อย่างไร พวกเขาอาจจะบอกคุณว่า AI เหมาะกับงานที่ต้องทำเป็นประจำ และต้องทำซ้ำไปมาแบบเป็นอัตโนมัติเป็นหลัก ซึ่งสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในขณะเดียวกันการเติบโตของสาขาทางวิทยาศาสตร์ที่โฟกัสในเรื่องของการสร้างเครื่องมือ และการใช้งาน AI ที่สามารถเลียนแบบหนึ่งในทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์นั่นคือความคิดสร้างสรรค์
โดยอัลกอริทึมของ Generative AI ใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ รูปภาพ เสียง หรือแม้กระทั่งโค้ดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาใหม่ โดยเป็นคอนเทนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกใบนี้
หนึ่งในโมเดล Generative AI ที่โด่งดังมากที่สุดคือ GPT-3 ที่ทางบริษัท OpenAI ซึ่งเป็นวิจัยเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เป็นผู้คิดค้นขึ้น ที่สามารถสร้างข้อความ และเรียงความได้ใกล้เคียงกับที่มนุษย์ทำจนแทบจะแยกไม่ออก โดยสิ่งที่แตกต่างของ GPT-3 เป็นที่รู้จักในชื่อว่า DALL-E ที่ใช้ในการสร้างรูปภาพ
โดยเทคโนโลยีนี้ได้รับการเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนผ่านทางการทดลองที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น วิดีโอ Deepfake ของ Tom Cruise นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกัน และ Metaphysic act เป็นการนำ AI มาสร้างรูปอวาตาร์ได้เหมือนจริงแบบเรียลไทม์โดยนักร้องบนเวทีที่โด่งดังเป็นอย่างมากในรายการ America's Got Talent ในปีนี้ และในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้
เราจะได้เห็นการนำข้อมูลสังเคราะห์ (synthetic data) มาใช้กันบ่อยขึ้นซึ่งธุรกิจสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายวัตถุประสงค์ ด้วยข้อมูลเสียง และวิดีโอสังเคราะห์ทำให้ความจำเป็นในการจับภาพภาพยนตร์ และคำพูดในวิดีโอนั้นหมดไป เพียงแค่พิมพ์ในสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้ชมได้เห็น และได้ยินเข้าไปในเครื่องมือ AI และ AI จะสร้างสิ่งเหล่านั้นให้คุณเอง
3.Ethical and Explainable AI - จริยธรรมทางด้าน AI และ AI ที่อธิบายได้
การพัฒนาของโมเดลจริยธรรมทางด้าน AI และ AI ที่อธิบายได้ เป็นเรื่องที่สำคัญในหลายเหตุผลด้วยกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุด คือความไว้วางใจ เนื่องจาก AI จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อที่จะเรียนรู้ และบ่อยครั้งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ในหลายๆ เคสของการนำ AI มาใช้งานที่เป็นประโยชน์ และทรงพลังที่สุดนั้นอาจจะต้องใช้ข้อมูลบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
เช่น ข้อมูลเกี่ยวสุขภาพ หรือข้อมูลทางการเงิน ถ้าพวกเราที่เป็นสาธารณชนทั่วไปไม่เชื่อใจ AI หรือไม่เข้าใจวิธีที่ AI ใช้ในการตัดสินใจ เราจะรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะต้องให้ข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ และสิ่งทั้งหมดก็จะพังทลายลง
ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เราจะได้เห็นถึงความพยายามที่จะก้าวข้ามผ่านปัญหา “Blackbox” หรือกล่องดำของ AI ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้จะทำงานหนักขึ้นที่จะทำให้ระบบ AI เข้าที่เข้าทางมากขึ้นเพื่อทำให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถอธิบายได้ว่า AI มีวิธีการตัดสินใจอย่างไร และใช้ข้อมูลอะไรบ้าง บทบาทของจริยธรรมทางด้าน AI จะเป็นที่พูดถึงมากขึ้น
ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดการกับการขจัดอคติ และความไม่ยุติธรรมออกจากระบบการตัดสินใจอัตโนมัติได้ ข้อมูลที่มีอคติได้แสดงให้เห็นว่าจะนำไปสู่ความลำเอียงของผลลัพธ์แสดงออกมาแบบอัตโนมัติได้ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแบ่งแยก และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมได้ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับในโลกที่ AI มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจ้างงาน การเข้าถึงความยุติธรรม และการดูแลสุขภาพ
4. AI ตัวช่วยสำคัญในการทำงาน
ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้ พวกเราจะได้ทำงานกับหุ่นยนต์ และเครื่องจักรอัจฉริยะกันมากขึ้นโดยที่สิ่งเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเราทำให้ได้ดี และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้สามารถอยู่ในรูปแบบของชุดหูฟังที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยทันที และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นกันมากขึ้นในธุรกิจค้าปลีก และสถานที่ทำงานที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม
นั่นหมายถึงว่า Augment reality หรือความเป็นจริงเสริมทำให้ชุดหูฟังประกอบ หรือห่อหุ้มไปด้วยข้อมูลดิจิทัลของโลกรอบตัวเรา ในกรณีของการซ่อมบำรุง และการผลิตนั้นเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้เรารู้ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ที่จะช่วยให้เราสามารถระบุถึงอันตราย และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เช่น ชี้ให้เห็นว่าสายไฟกำลังจะมีปัญหา หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีความร้อนเกิดขึ้น เพิ่มโอกาสที่ทำให้ทีมผู้บริหารเข้าถึงข้อมูลบนแดชบอร์ด และระบบรายงานได้แบบเรียลไทม์ โดยที่สามารถให้ข้อมูลภาพรวมของประสิทธิภาพการดำเนินงานได้แบบนาทีต่อนาที ผู้ช่วยเสมือนที่มี AI เป็นตัวขับเคลื่อนนั้นได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นที่นิยมที่ออฟฟิศหลายๆ ที่ ทำให้ตอบคำถามพนักงาน และลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแนะนำข้อมูลต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ธุรกิจบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำงานด้วยวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยสรุปแล้วการพัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกับเครื่องมือผู้ช่วยอัจฉริยะต่างๆ นั้นจะกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานยุคใหม่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นเอง
5.Sustainable AI - AI เพื่อความยั่งยืน
ในปี 2023 นั้น ทุกบริษัทจะอยู่ภายใต้ความกดดันที่ต้องลดจำนวนการใช้คาร์บอน และทำให้การทำธุรกิจของตนเองส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ในแง่มุมนี้การแข่งขันที่จะนำ AI มาใช้เพื่อสร้างผลกำไรสามารถมีทั้งข้อดี และข้อจำกัดในเวลาเดียวกัน เนื่องจากอัลกอริทึม AI นั้นรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ เช่น เครือข่ายของคลาวด์ และอุปกรณ์ต่างๆ จำเป็นต้องใช้พลังงาน และทรัพยากรเป็นจำนวนมาก หนึ่งในการศึกษาในปี 2019
นั้นพบว่าการเทรนโมเดล Deep learning เพียงครั้งเดียวสามารถปล่อย CO2 ได้ถึง 284,000 กิโลกรัม แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็มีศักยภาพที่จะช่วยให้บริษัทเข้าใจว่าจะสร้างสินค้า และบริการได้อย่างไร และใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่โดยใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ด้วยการระบุแหล่งที่มาของของเสีย และความไม่มีประสิทธิภาพ ความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะนำโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพลังงานหมุนเวียนมาใช้ให้มากยิ่งขึ้นถือเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนไปสู่การส่งมอบ AI ที่มีความยั่งยืน
Think AI Think AIGEN
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ลิงค์ : http://bit.ly/3ET4vY3
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำโซลูชัน AI ไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI GEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา