25 พ.ย. 2022 เวลา 12:13 • กีฬา
One Man Show การแบกทีมชาติอาเจนติน่าของ
ดิเอโก้ มาราโดน่า ในบอลโลก 1986
หลังจากที่ในตอนที่แล้วเราได้เห็นการแบกทีมชาติอาเจนติน่าของลิโอเนล เมสซี่ ใน Copa America 2021 ด้วยการที่ลิโอเนล เมสซี่คว้าทั้งรางวัล ดาวซัลโว,Top Assist รวมถึง Golden Ball ผู้เล่นยอดเยี่ยมของรายการ
วันนี้เราจะพามาดูการแบกทีมชาติอาเจนติน่าของหนึ่งในตำนานที่ดีที่สุดตลอดกาลของทัพฟ้าข้าว รวมถึงโลกลูกหนัง เขาถูกแฟนบอลชาวอาเจนติน่าขนานนามว่าเป็นพระเจ้าแห่งวงการลูกหนัง ขนาดที่ว่า ลิโอเนล เมสซี่ เคยออกมายกย่องว่า ต่อให้ตัวเขาเล่นฟุตบอลอีกเป็นล้านปีก็เล่นฟุตบอลไม่ได้ใกล้เคียงกับชายผู้นี้ นั่นคือ ดิโอโก้ มาราโดน่า กับ ฟุตบอลโลก 1986 ครับ
1
ก่อนจะเข้าสู่ฟุตบอลโลก 1986 อาเจนติน่าเคยได้แชมป์บอลโลกมาแล้ว 1 สมัย ในปี 1978 โดยมี นักเตะที่โดดเด่นคือ มาริโอ เคมเปส ที่ได้ดาวซัลโวของรายการฟุตบอลโลก 1978 มาราโดน่า ยังไม่ติดทีมชาติในปีนั้น แต่พอมาในปี 1979 มาราโดน่าก็ได้พาอาเจนติน่าคว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลก 1979 โดยที่เจ้าตัวได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของรายการนี้ ทำให้เขาเริ่มยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติชุดใหญ่ได้ จนไดไปลุยศึกฟุตบอลโลก 1982 โดยทัวร์นาเม้นท์นี้ มาราโดน่า ได้ทำไป 2 ประตู แต่ทีมชาติอาเจนติน่าของเขาจบรายการที่รอบสอง
ก่อนบอลโลก 1986 มาราโดน่า ถือว่าเป็นเจ้าของค่าตัวการย้ายทีมสถิติโลกในตอนนั้น นาโปลี ซื้อเขามาจากบาร์เซโลน่า ด้วยเงิน 6.9 ล้านปอนด์ แฟนบอลทุกคนรู้กันดีว่าเขาได้ยกระดับนาโปลีจากหนีตกชั้นให้ดีขึ้นได้มากขนาดไหน แน่นอนว่าในบอลโลก 1986 นี้ ดิเอโก้ มาราโดน่า เป็นที่จับตามองของหลายๆคนอย่างแน่นอน
God Of Naples
ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ในฟุตบอลโลก 1986 แมตช์แรก มาราโดน่า จ่าย 2 แอสซิสต์ให้ ฮอร์เก้ วาลดาโน่ และทำ 1 แอสซิสต์ให้ ออสการ์ รูกเกอร์รี่ พาอาเจนติน่าชนะเกาหลีใต้ 3-1
แมตช์ที่สอง มาราโดน่ายิง 1 ประตู ให้อาเจนติน่าตามตีเสมอ อิตาลี่ด้วยสกอร์ 1-1​
แมตช์ที่สาม มาราโดน่า จ่าย 1 แอสซิสต์ให้ ฮอร์เก้ บูร์รูชาก้า จบเกมอาเจนติน่าเอาชนะบัลแกเรียไปด้วยสกอร์ 2-0
อาเจนติน่าจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม เก็บได้ทั้งหมด 7 แต้ม ทำได้ทั้งหมด 6 ประตู โดยเสือเตี้ยมีส่วนร่วม 5 จาก 6 ประตู ของทีมชาติอาเจนติน่า
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย อาเจนติน่าชนะ อุรุกวัยไป 1-0 แมตช์นี้เป็นเพียงแมตช์เดียวที่เขา Blank ในฟุตบอลโลก 1986
ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แมตช์ที่เป็นการพบกันระหว่างอาเจนติน่า กับ อังกฤษ ทั้ง 2 ประเทศมีความบาดหมางกันในสงครามเกาะฟอล์กแลนด์
แมตช์นี้เป็นแมตช์แรกๆ ที่คนจะนึกถึงเมื่อเราพูดถึงชื่อมาราโดน่า ในแมตช์เสือเตี้ยเหมา 2 ประตูให้กับทัพฟ้าขาวโดย 2 ประตูที่เขาทำนั้น ลูกหนึ่งถือว่าโคตรโกง แต่อีกลูกนั้น โคตรเทพ ประตูแรกที่ยิงให้ทัพฟ้าขาวออกนำ 1-0 นั้นเป็นลูกที่ได้ใช้มือชกบอลเข้าประตู หรือที่แฟนบอลรู้จักกันดีว่าลูก “Hand Of God”
1
ประตู Hand Of God
แต่ประตูที่มาราโดน่ายิงให้อาเจนติน่านำห่างเป็น 2-0 นั้น เขาได้เลี้ยงบอลจากครึ่งสนาม เลี้ยงหลบผู้เล่นอังกฤษมากถึง 6 คนเข้าไปทำประตู ซึ่งประตูนี้ถูกแฟนบอลโหวตให้เป็น FIFA Goal Of Century หรือ ประตูแห่งศตวรรษ จบเกมอาเจนติน่า เฉือนชนะ อังกฤษไป 2-1
1
มาราโดน่า กับ ประตูแห่งศตวรรษ
ในรอบรองชนะเลิศ กับ เบลเยี่ยม เป็นอีกแมตช์ที่น่าจดจำเมื่อคนพูดถึง มาราโดน่า แมตช์นี้เสือเตี้ย เหมาคนเดียว 2 ประตู โดยประตูที่ 2 มาราโดน่าฝ่านักเตะเบลเยี่ยม 4 คน เข้าไปยิงใส่นายด่านทีมชาติเบลเยี่ยม เข้าชิงฟุต บอลโลก 1986 กับ ทัพอินทรีเหล็ก เยอรมันตะวันตก
ประตูย้ำชัยรอบรองชนะเลิศ ส่งทัพฟ้าขาวเข้ารอบชิง
ในแมตช์ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1986 อาเจนติน่า พบกับ เยอรมันตะวันตก อาเจนติน่าออกนำไปก่อน 1-0 จาก โฮเซ่ บราวน์ และ ฮอร์เก้ วาลดาโน่ ยิงให้ทัพฟ้าขาวนำห่างเป็น 2-0 แต่เกมยังไม่จบ เยอรมันตะวันตกไล่ตีตื้น 2-1 จาก คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิเก้ ก่อนที่ รูดี้ โฟลเลอร์ จะยิงประตูตีเสมอให้ทัพอินทรีเหล็กในนาทีที่ 82 สกอร์กลับมาเป็น 2-2
เกมเข้ามาสู่นาทีที่ 85 ดิเอโก้ มาราโดน่า ได้บอลจากแดนกลาง ก่อนที่จะจ่ายแทงทะลุช่อง ทำแอสซิสต์ให้ ฮอร์เก้ บูร์รูชาก้า เลี้ยงเข้าไปยิงประตู เป็นประตูชัยให้ อาเจนติน่า เฉือนชนะ เยอรมันตะวันตกไปแบบสุดมันส์ 3-2
ไฮไลท์นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1986
(แอสซิสต์จากมาราโดน่านาทีที่ 8.44)
อาเจนติน่าคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ มาราโดน่า ผู้เป็นกัปตันทีมพาลูกทีมไปรับถ้วยกันอย่างมีความสุข
1
แชมป์โลกสมัยที่ 2 ของอาเจนติน่า
มาราโดน่า จบทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลโลก 1986 ด้วยการทำ 5 ประตู 5 แอสซิสต์ รวมแล้วมีส่วนร่วมมากถึง 10 จาก 14 ประตู ที่อาเจนติน่าทำได้ และมีส่วนร่วมจากการทำประตู 6 จาก 7 นัด ของทีมชาติอาเจนติน่า ดิเอโก้ มาราโดน่า ได้รับรางวัล
- Golden Ball หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมของรายการฟุตบอลโลก 1986
- เป็น Top Assist ของรายการฟุตบอลโลก 1986
- Silver Shoe หรือ ราววัลรองดาวซัลโวของรายการ โดย ดาวซัลโวของรายการ คือ แกรี่ ลินิเกอร์ที่ทำได้ทั้งหมด 6 ประตู
14 ประตู ของทีมชาติอาเจนติน่า ในฟุตบอลโลก 1986
ในตอนนั้นบัลลงดอร์ยังไม่ได้มีการมอบให้นักเตะนอกทวีปยุโรป บัลลงดอร์ 1986 ของจริงจึงตกอยู่กับ อิกอร์ เบลานอฟ แต่ว่า ในปี 2016 เป็นการครบรอบ 60 ปีรางวัลบัลลงดอร์ France Football ได้ตีพิมพ์นิตยสารฉบับที่ Reevaluation รางวัลบัลลงดอร์ใหม่โดยจัดให้นักเตะนอกยุโรปสามารถคว้ารางวัลนี้ได้ แน่นอนว่า ในปี 1986 บัลลงดอร์ตกเป็นของดิเอโก้ มาราโดน่า อย่างแน่นอน
1
ในปี 1995 เป็นปีแรกที่ France Football ได้เปลี่ยนกฎให้นักเตะนอกทวีปยุโรปสามารถถูกโหวตให้คว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปครอบครองได้ แม้ว่ามาราโดน่าในปี 1995 จะไม่ได้อยู่ในจุดที่พีคถึงขนาดที่ว่าจะได้รับการโหวตให้คว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้แล้ว แต่ด้วยฟอร์มการเล่น และฝีเท้าที่ตราตรึงใจแฟนบอลทั่วโลก ทำให้ France Football ต้องทำโทรฟี่บัลลงดอร์ให้เขาเป็นกรณีพิเศษและ นักเตะในโลกนี้มีเพียง 2 คนที่ไม่เคยได้รางวัลบัลลงดอร์จริงๆ แต่ France Football ทำโทรฟี่บัลลงดอร์ให้ คือ ดิเอโก้ มาราโดน่า และ เปเล่ (ได้ในปี 2013)
ดิเอโก้ มาราโดน่า กับ บัลลงดอร์ 1995
อีกสิ่งที่ตอกย้ำความเก่งของ ดิเอโก้ มาราโดน่า คือในปี 2000 มาราโดน่าถูกโหวตให้เป็น 1 ใน 2 นักเตะที่ได้รับรางวัล Player Of Century ของ FIFA (อีกคนคือ เปเล่) และ ถูกโหวตจากนักเตะที่เคยคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ให้ได้ลำดับที่ 2 ในรางวัล Player Of Century ของ France Football (ลำดับที่ 1 คือเปเล่)
มาราโดน่า และ เปเล่ กับรางวัล FIFA Player Of Century
สถิติการลงเล่นให้ทีมชาติอาเจนติน่าของ มาราโดน่า คือ ลงเล่น 91 นัด ทำ 34 ประตู 13 แอสซิสต์ โดยช่วงที่เจ้าตัวยังเล่นทีมชาติก็ได้เป็น ดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติอาเจนติน่าในสมัยนั้น ก่อนจะโดน บาติโกล กาเบรียล บาติสตูต้า ทำลายสถิติไป แม้ว่าถ้าเทียบกับสมัยปัจจุบันจำนวน 34 ประตู ที่เคยทำให้เขาเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติ ตอนนี้จะกลายเป็นดาวซัลโวลำดับที่ 5 ของทีมชาติไปแล้ว (อันดับ 1 คือ ลิโอเนล เมสซี่ 166 นัด 92 ประตู)
แต่ Impact จากการแบกทีมชาติของเสือเตี้ยจนได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1986 นั้นเปรียบเสมือนขีดจำกัดสูงสุดที่นักเตะอาเจนไตน์ทำได้ใน 1 ทัวร์นาเม้นท์ หรือ อาจเรียกว่าขีดจำกัดสูงสุดที่นักเตะทั้งวงการลูกหนังเคยทำได้ใน 1 ทัวร์นาเม้นท์ทีมชาติ ก็อาจที่จะไม่มีใครค้าน แม้แต่ บาติสตูต้า หรือ เมสซี่ ก็ยังไม่เคยทำในสีเสื้อทีมชาติอาเจนติน่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาวอาเจนไตน์จะยกให้มาราโดน่าเป็น พระเจ้าแห่งวงการฟุตบอล
แน่นอนว่าฟุตบอลโลก 1986 เป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลของชาวอาเจนไตน์และนักเตะทีมชาติอาเจนติน่า
การเสียชีวิตของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ในปี 2020 นั้นสร้างความโศกเศร้าให้กับวงการฟุตบอลและ ชาวอาเจนไตน์ ทั้งประเทศครับ เหล่าแฟนบอลได้สูญเสียพระเจ้าในวงการลูกหนังของพวกเขาไป นักเตะทีมชาติอาเจนติน่า หลายคนได้สูญเสียไอดอลและแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลของพวกเขาไป นักเตะหลายคนรวมถึงอีกหลายสโมสรได้ออกมาไว้อาลัยให้ ดิเอโก้ มาราโดน่า
ลิโอเนล เมสซี่ ได้แสดงท่าดีใจในการทำประตูไว้อาลัยให้กับดิเอโก้ มาราโดน่า
ลิโอเนล เมสซี่ เคยกล่าวเอาไว้ครับว่า
“Even if I played for a million years, I’d never come close to Diego Maradona. Not that I would want to anyway. He’s the greatest there’s ever been.”
“แม้ว่าผมจะเล่นฟุตบอลอีกล้านปี ผมก็ไม่สามารถที่จะเล่นได้ใกล้เคียงกับดิเอโก้ มาราโดน่าได้เลย เขาคือผู้เล่นยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล”
ฟุตบอลโลก2022 นี้จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่เราจะไม่เห็นดิเอโก้ มาราโดน่า นั่งเชียร์อยู่ข้างสนาม อย่างที่เราเคยเห็นในฟุตบอลโลกหลายๆครั้งที่ผ่านมา
ในวันนี้เป็นวันครบรอบการจากไป 2 ปีของของมาราโดน่า
หลับให้สบายครับ พระเจ้าแห่งวงการลูกหนัง ดิเอโก้ มาราโดน่า
2
เครดิตรูปภาพ Photo Credit
Official Page FIFA World Cup
https://www.facebook.com/fifaworldcup Official Page Diego Maradona
Official Page Lionel Messi
Official Page France Football
Instragram Page France Football
โฆษณา